อาเซียนเปลี่ยนกฎเกณฑ์การใช้แหล่งกำเนิดสินค้าใหม่แล้ว

ข่าวทั่วไป Monday September 15, 2008 15:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้อาเซียนได้มีประกาศการใช้หลักเกณฑ์ในเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้าใหม่แล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2551 ซึ่งภายใต้หลักเกณฑ์ใหม่สามารถเลือกใช้เกณฑ์สัดส่วนการผลิตภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 หรือเกณฑ์การเปลี่ยนพิกัดในระดับ 4 หลัก(CTH) ก็ได้ ซึ่งในอดีตใช้ได้เพียงกฎเดียว คือ เกณฑ์สัดส่วนการผลิตภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ซึ่งการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใหม่ทำให้มีความยืดหยุ่นและสามารถผลิตสินค้าได้ตามกฎแหล่งกำเนิดสินค้าได้ ง่ายขึ้น
สำหรับการส่งออกของไทยไปตลาดอาเซียนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 20,288.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2550 คิดเป็นร้อยละ 38.63 ซึ่งมีมูลค่า 14,635.48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยอาเซียนเป็นตลาดส่งออกสูงเป็นอันดับหนึ่งของไทย คิดเป็นร้อยละ 23 ของการส่งออกรวม (87,198.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
การส่งออกไปตลาดอาเซียนขยายตัวสูง เนื่องจากสินค้าไทยสามารถใช้สิทธิพิเศษฯ ลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีศุลกากรขาเข้าประเทศสมาชิกอาเซียนได้ภายใต้อาฟต้า โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 มีการใช้สิทธิพิเศษฯ 5,281.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 27 ของมูลค่าการส่งออกไปอาเซียน โดยสินค้าที่สามารถ ขอใช้สิทธิพิเศษฯ ได้จะต้องเป็นสินค้าไทยที่ผลิตถูกต้องตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าที่อาเซียนกำหนด
การใช้สิทธิพิเศษภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนที่ผ่านมามีเพียงร้อยละ 27 ทั้งนี้เพราะอัตราภาษีทยอย ลดเหลือ 0 เกือบทั้งหมด นอกจากนี้ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งไทยมีการส่งออกสูง มีอัตราภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ ทุกรายการ จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้สิทธิภายใต้ CEPT
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มสินค้าที่จะได้ประโยชน์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหาร ประมงแปรรูป เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องจักร วงจรพิมพ์ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ไม้ อลูมิเนียม เป็นต้น ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยได้ยื่นขอใช้เกณฑ์การเปลี่ยนพิกัดอัตราศุลกากร สำหรับกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี จอภาพ LCD พัดลม เครื่องเสียง และ ชุดสายไฟ เป็นต้น
ดังนั้น ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยควรศึกษากฎแหล่งกำเนิดสินค้าใหม่ให้มีความเข้าใจอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และเพิ่มมูลค่าการส่งออกในตลาดอาเซียนต่อไป
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1385 สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ หรือที่ www.dft.go.th หรือ โทร. 0 2547 4872 โทรสาร 0 2547 4816

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ