กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--ปชส.จร.
FTA ไทย-ออสเตรเลีย ส่งผลให้สินค้าเซรามิกของไทยส่งออกไปยังตลาดออสเตรเลียเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.2 และมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 6 รองจากจีน อิตาลี และเยอรมนี รวมทั้งส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้าเซรามิกกับออสเตรเลีย
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นมา สินค้าเซรามิกซึ่งเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่ประเทศทั้งสองมีพันธะต้องลดภาษีนำเข้าระหว่างกันให้เป็น 0 ทันที ส่งผลให้ยอดขายของไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกไปยังออสเตรเลีย มูลค่า 17.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.2 โดยเฉพาะกระเบื้องปูพื้น/ปิดผนัง/โมเสค เครื่องสุขภัณฑ์ และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่เป็นเซรามิก เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 25.5, 22.3 และ 5.3 ตามลำดับ ขณะที่ไทยนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกโดยรวมจากออสเตรเลีย มีมูลค่าเพียงเล็กน้อย (0.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้าเซรามิกกับออสเตรเลีย 17.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในออสเตรเลียสำหรับสินค้าเซรามิกเป็นอันดับที่ 6 คิดเป็นร้อยละ 4.89 โดยมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 20.19 ประเทศที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับแรก ได้แก่ จีน อิตาลี และเยอรมนี มีสัดส่วน ร้อยละ 34.89 13.42 และ 5.57 ตามลำดับ
“ ผลการศึกษาของศูนย์นวัตกรรมทางธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ ที่เสนอสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่าเมื่อมีการเปิดเสรีทางการค้าระหว่างกันแล้ว ไทยจะได้เปรียบออสเตรเลียสำหรับเซรามิกประเภทที่ใช้ในบ้านเรือน เนื่องจากโดยภาพรวมของสินค้าเซรามิกไทยมีศักยภาพมากกว่า เพราะจากสถิติในปี 2540-2547 ไทยมีค่าดัชนีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (Revealed Comparative Advantage : RCA) สูงกว่าออสเตรเลีย แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตไทยควรขยายโอกาสบุกตลาดออสเตรเลียโดยใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ให้มากขึ้น” อธิบดีกรมเจรจาฯ กล่าว