กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--ประชาสัมพันธ์ช่อง3
บทประพันธ์โดย : สวลี ส่องแสง
บทโทรทัศน์ วรินทร์ธรา
กำกับการแสดง อดุลย์ บุญบุตร
แพร่ภาพทุกคืนวันศุกร์ — อาทิตย์ เวลา 20.30 น. เริ่มวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2551
“อัมวิกา วัชราวัฒน์” (ณปภา ตันตระกูล) ได้รับข่าวร้ายจากการจากไปของน้องสาวคนเดียว “อัปสร” (วาสิตา วิเศษพันธ์) ทำให้การเหยียบย่างเข้าสู่บ้าน ‘วัชราวัฒน์’ ของเธอเป็นเหมือนการกระโดดลงสู่หุบเหวแห่งความโศกเศร้า ภาพในอดีตความอบอุ่นระหว่างอัมวิกาและอัปสรสาวน้อยผู้ร่าเริง กลายเป็นความเศร้าทำให้อัมวิกาสลัดความมุ่งหมายในชีวิตทั้งมวลที่เคยคิดว่าจะนำความรู้จากต่างแดนมาทำงานรับใช้แผ่นดิน เหลือเพียงงาน ‘งานชำระแค้น’ เพราะคำบอกเล่าของมารดาที่บอกกับเธอว่า ผู้ชายที่ทำให้อัปสรเสียใจจนต้องฆ่าตัวตาย คือ สกรรจ์ ศานติวรรษ (ทฤษฎี สหวงษ์) ดังนั้นแผนการแก้แค้นของเธอจึงได้เริ่มขึ้น ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนคือการตอบโต้ให้ผู้ชายใจชั่วได้รู้ฤทธิ์ของการ ‘ตายทั้งเป็น’ !
มิใยว่าวิญญาณของอัปสร จะเฝ้าวนเวียนมาเพื่อสื่อสารกับพี่สาวว่า กำลังแก้แค้นผิดตัว หากแต่พลังของวิญญาณก็ทำได้เพียงร้องไห้ เพราะบาปของการฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณอัปสรมิอาจส่งเสียง ทำให้อัมวิกายิ่งเร่งไฟแค้นให้หนักขึ้นเพราะคิดว่าน้องสาวไม่ได้ไปผุดไปเกิดเพราะทนทุกข์ทรมานกับการกระทำของสกรรจ์
แต่แผนการณ์ของเธอก็ต้องสะดุดลง เพราะผู้ชายที่เป็นเหยื่อแค้นของเธอ กลับกลายเป็นคนรักของ “รังรอง” (เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์) เพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของเธอเอง แผนการณ์จะเข้าใกล้สกรรจ์กลายเป็นโจทย์ยาก อัมวิกาแยกสกรรจ์ออกจากรังรองจนทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าจะมาแย่งคนรัก แต่อัมวิกาก็เปลี่ยนแผนโดยแนะนำให้รังรองรู้จักกับพี่ชายของตัวเองคือ “เอกชัย” (นิธิ สมุทรโคจร) ซึ่งเขาก็ถูกใจรังรองตั้งแต่แรกพบ และเริ่มคบหาโดยไม่รู้ว่ากำลังเป็นหมากตัวหนึ่งของน้องสาว แต่กลับไม่ได้ผลเพราะสกรรจ์ไม่ได้มีท่าทีเสียใจกับการที่รังรองเปลี่ยนใจจากเขา ทำให้อัมวิกายิ่งชิงชังและเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ชายมักง่าย และยิ่งรังเกียจเมื่อเห็นเขาเปลี่ยนคู่ควงเป็น “วิมาดา” (พิมอักษิพร วินโกมินทร์) โดยไม่รู้ว่าสกรรจ์นั้น มิได้รักรังรองอย่างคู่รัก ส่วนวิมาดา ก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ “คุณสายใจ” (ธัญญา วชิรบรรจง) ผู้เป็นแม่จัดการให้เป็นคู่หมาย โดยแอบตกลงกับ “คุณโสภา” (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) แม่ของวิมาดาเงียบๆ
อัมวิกาได้พบกับ “สกนธ์ ศานติวรรษ” (วรินทร ปัญหกาญจน์) น้องชายของสกรรจ์ที่อัมวิการู้สึกว่า น่าจะง่ายกว่าถ้าจะลวงสกนธ์ให้ตกหลุมพรางที่เธอวางไว้ เพราะสกนธ์พอใจเธอจนออกนอกหน้า เพื่อต้องการให้สกนธ์เป็นสะพานให้เธอเข้าถึงสกรรจ์ได้อย่างเนียนๆ โดยไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่สกนธ์จะได้พบกับเธอ เขาเพิ่งจะสลัดรักจาก “สุภาพรรณ” (แอนเน็ท เธท) ลูกสาวคนเดียวของ “คุณสุรีย์” (ชุดาภา จันทเขตต์) เพราะสุภาพรรณเกิดตั้งท้อง ผู้ชายไม้เลื้อยอย่างสกนธ์ จึงตัดปัญหาง่ายดายด้วยการบอกเลิกและสั่งให้สุภาพรรณไปทำแท้ง
สกรรจ์รู้ถึงความสนิทสนมของน้องชายกับอัมวิกา พยายามขัดขวางทุกอย่างเพราะไม่อยากให้มีผู้หญิงคนไหนต้องเสียใจเพราะน้องชายอีก แต่อัมวิกากลับเข้าใจผิดว่าเป็นการหึงหวง และพี่น้องก็เริ่มทะเลาะกัน “คุณสันติ” (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) ผู้เป็นพ่อ เข้าข้างสกรรจ์สุดตัว ตรงข้ามกับคุณสายใจ ที่เข้าข้างลูกชายคนเล็ก
สกรรจ์รู้สึกถึงความทุกข์ที่เริ่มรุกเร้าเข้ามาในบ้าน เสียงพ่อแม่ทะเลาะกัน น้องชายที่สำมะเลเทเมา ด่าทอพี่ชายอย่างสิ้นความนับถือ ยิ่งเป็นความสาแก่ใจของอัมวิกา เธอยิ่งยั่วให้สกนธ์หลงรักหัวปักหัวปำ แต่พอสกนธ์พูดเรื่องแต่งงาน อัมวิกาก็แกล้งบ่ายเบี่ยงอ้างว่าสกรรจ์ไม่ชอบหน้าเธอ ถ้าเธอต้องแต่งงานไปก็คงไม่มีความสุข สกนธ์ยิ่งโกรธพี่ชาย สบโอกาสที่สกรรจ์ไปพบกับสุภาพรรณเพื่อขอโทษแทนน้องและจะขอรับเป็นพ่อของเด็กในท้องแทน สกนธ์รีบใช้จังหวะนี้ใส่ร้ายพี่ว่าทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับ ซ้ำยังบังคับให้สุภาพรรณไปทำแท้ง สุภาพรรณที่เสียใจจนขาดสติในตอนแรก ตัดสินใจจะกำจัดมารหัวขน แต่อัมวิกาที่คอยตามจับตาดูสุภาพรรณเพื่อหาความจริงเรื่องนี้เข้าห้ามและให้สติ ทำให้สุภาพรรณคิดได้ กลับไปบอกแม่และ “อาจอง” (กานต์ อรุณเรืองสวัสดิ์) พี่ชายว่าจะขอหนีความอับอายไปต่างประเทศเพื่อเรียนต่อ และคลอดลูกที่นั่น ก่อนไป สุภาพรรณได้พูดจากับอัมวิกา เน้นว่า เธอไม่มีวันยกโทษให้ผู้ชายตระกูล ‘ศานติวรรษ’ เด็ดขาด คำพูดของสุภาพรรณยิ่งทำให้อัมวิกาชิงชังสกรรจ์มากขึ้นเป็นทวีคูณ ประกาศย้ำกับตัวเองว่าชาตินี้ ถึงจะต้องตายก็จะต้องจัดการให้สกรรจ์รู้สำนึกให้ได้ !!!
สกนธ์ขอเข้ามาทำงานกับพี่ชาย ถึงจะยังไม่เชื่อใจน้องนักแต่สกรรจ์ก็ดีใจที่สุด แม้สกนธ์จะทำงานอย่างคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่สกรรจ์ก็ตั้งหน้าตั้งตาสนับสนุนน้อง เป็นพี่ชายที่แสนดีทุกอย่างและเริ่มคิดว่าอัมวิกาอาจเปลี่ยนสกนธ์ได้จริงๆ สกรรจ์เอ่ยชวนอัมวิกาเข้ามาทำงานในบริษัท อัมวิกาวางฟอร์มปฏิเสธตอนแรก แต่สุดท้ายก็รับปาก สกรรจ์ไม่รู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนของอัมวิกาที่ยุให้สกนธ์เข้ามาทำงานโดยใช้ความรักของสกนธ์เป็นเหยื่อล่อว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแต่งงานกับผู้ชายหลักลอยอย่างสกนธ์ ซ้ำยังเอ่ยชมสกรรจ์ว่าเป็นคนเก่ง เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงน่าจะฝากชีวิตไว้เป็นที่สุด สกรรจ์เริ่มสงสัยอัมวิกาและต้องการค้นหาความจริงแต่กลายเป็นว่าเขากลับหลงรักหญิงสาวเข้าให้แล้ว ส่วนอัมวิกา เมื่อมาเห็นอำนาจของสกรรจ์ที่กุมทุกอย่างไว้ในมือ เป้าหมายก็เริ่มขยายจากที่แค่คิดจะทำให้ผู้ชายตระกูลศานติวรรษต้องเจ็บปวดเรื่องความรักอัมวิกายังคิดทำให้พวกศานติวรรษพบจุดจบที่ความสูญเสียสมบูรณ์แบบทั้งเรื่องหัวใจและธุรกิจ !
ความแค้นของอัมวิกาเหมือนไฟที่ลามไหม้ และไม่มีใครมาทัดทานได้ ในขณะที่สกรรจ์แอบได้ยินความจริงจากปากรังรองที่พูดระบายความทุกข์ในใจกับเอกชัยเรื่องการแก้แค้นของอัมวิกา ดังนั้นจึงขัดขวางการคบกันของสกนธ์กับอัมวิกา สกนธ์ขออัมวิกาแต่งงานแต่เธอบ่ายเบี่ยง ในขณะที่สายใจบังคับให้สกรรจ์แต่งงานกับวิมาดาแต่เธอไม่ยอมและหนีไปจนพบอาจองโดยบังเอิญและแอบคบกันเงียบๆ สกรรจ์บอกอัมวิกาว่าเขารู้แผนการของเธอแล้วและให้เลิกเสียแต่อัมวิกาไม่ยอม สกรรจ์จึงจับตัวเธอไป สกนธ์ตามไปช่วยอัมวิกาถือโอกาสนี้บอกเขาว่าผู้ชายที่เธอรักคือสกรรจ์และยังโกหกว่าเป็นของสกรรจ์แล้ว ทำให้สกนธ์คุ้มคลั่ง และเห็นวิญญาณอัปสรตามมาเอาชีวิตจนกลายเป็นคนจิตหลอนและควบคุมตัวเองไม่ได้ สุภาพรรณกลับเมืองไทยพร้อมลูกและขอบคุณอัมวิกาที่ทำให้เธอไม่คิดสั้น และเล่าเรื่องของเธอกับสกนธ์ให้ฟังทำให้อัมวิการู้ความจริงว่าเธอเข้าใจผิดและแก้แค้นคนผิดมาตลอด
สายใจมาขอร้องให้อัมวิกาแต่งงานกับสกนธ์เพราะสงสารลูก อัมวิกามาหาสกนธ์ที่บ้าน และตกใจกับสภาพเขาที่ไม่ต่างอะไรกับซากศพ สกนธ์ร้องโวยวายถึงแต่อัปสรว่าจะตามมาฆ่า ภาพมนุษย์ใจบาปที่หวาดกลัวทุกสิ่ง ร้องไห้ สลับคุ้มคลั่ง…น้ำตาแม่ที่รักลูกหลั่งรินแทบกลายเป็นสายเลือด…พี่ชายที่หน้าตาหมองคล้ำเพราะห่วงน้อง สงสารแม่ …พ่อที่นิ่งเงียบ หากสีหน้าบ่งชัดว่าหัวใจกำลังร้องไห้…แทนที่จะเป็นความสาแก่ใจของอัมวิกา เธอกลับรู้สึกหดหู่และเศร้าสร้อย และยิ่งช้ำหนักเมื่อสุภาพรรณอุ้มลูกมาดูแลพ่อ อัมวิกาเพิ่งเข้าใจชัดแจ้งตอนนี้เองว่า ‘สวรรค์ในอก นรกในใจ’ นั้นเป็นอย่างไร สกรรจ์ ทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีอีกครั้งด้วยการพยาบาลน้องชายใกล้ชิด สายใจที่ไม่เคยรักลูกชายคนโต เห็นความรักน้องของสกรรจ์ ก็เสียใจ เข้าไปโอบกอดลูกเป็นครั้งแรก และขอโทษ สุภาพรรณเองก็คอยพาลูกมาหา จนสกนธ์อาการดีขึ้น ยอมรับผิด และขอไปกราบขอขมาต่อสุรีย์กับความผิดทั้งหมด สกรรจ์เตือนสกนธ์ว่าอีกครอบครัวที่สกนธ์ควรไปกราบขอโทษคือ ครอบครัวของอัมวิกา สกนธ์กราบเท้าขอโทษบังอร และพูดในสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงคือจะขอบวชให้กับวิญญาณอัปสร เมื่อเรื่องทั้งหมดคลี่คลาย สกรรจ์ตามไปพบอัมวิกา เธอถามเขาว่าไม่โกรธหรือเขารักอัมวิกา สกรรจ์บอกเธอว่าเขาเชื่อมั่นในอานุภาพของความรักจะทำให้เกิดความสุขแท้จริง มิใช่ความแค้น .. และขอให้อัมวิกาลืมเรื่องทั้งหมดเสีย ทำให้อัมวิการ้องไห้ โผเข้ากอดสกรรจ์ ผู้ชายที่เปลี่ยน ‘ไฟแค้น’ ในใจเธอให้กลายเป็น ‘ความรัก’ ได้
อัมวิกากราบขอโทษสกรรจ์และขอร้องว่า ต่อแต่นี้ไป..ขอให้สกรรจ์อยู่เคียงข้างเธอ สอนเธอให้เข้าใจรักแท้ที่ผู้หญิงเก่งอย่างเธอ รู้ตัวแล้วว่ายังอ่อนหัดนัก
รายชื่อนักแสดง
ทฤษฎี สหวงษ์ แสดงเป็น สกรรจ์
ณปภา ตันตระกูล แสดงเป็น อัมวิกา
นิธิ สมุทรโคจร แสดงเป็น เอกชัย
แอนเน็ท เธท แสดงเป็น สุภาพรรณ
พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์ แสดงเป็น วิมาดา
ปนัดดา วงศ์ผู้ดี แสดงเป็น โสภา
วรินทร ปัญหกาญจน์ แสดงเป็น สกนธ์
จักรกฤษณ์ อำมรัตน์ แสดงเป็น สันติ
ธัญญา วชิรบรรจง แสดงเป็น สายใจ
กาญจนา จินดาวัฒน์ แสดงเป็น บังอร
วาสิตา วิเศษพันธุ์ แสดงเป็น อัปสร
ปรไพ สิโนทก แสดงเป็น ลำดวน
ชาวดิน รัฐกาญจน์ แสดงเป็น หัสดี
เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์ แสดงเป็น รังรอง
ชุดาภา จันทเขตต์ แสดงเป็น สุรีย์
โอเลี้ยง เชิญยิ้ม แสดงเป็น ชอบ
กานต์ อรุณเรืองสวัสดิ์ แสดงเป็น อาจ-อง
ชมพู่ ก่อนบ่ายฯ แสดงเป็น ก้อย