กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--คิธแอนด์คินฯ
ครัวไทยสู่โลก พลิกยุทธศาสตร์พัฒนาบุคลากร และสินค้าอาหารไทย เปิดเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ ร่วมกับ สถาบันสอนเชฟในออสเตรเลีย เผยผลเจรจาสอนเชฟต่างชาติทำอาหารไทยมุ่งสู่เมนูนานาชาติสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ตั้งเป้าปี 2550 ขยายฐานกระจายอาหารไทยติดอันดับ 2 ของตลาดโลก
นายพิมล ศรีวิกรม์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะคณะกรรมการศูนย์พัฒนาอาหารไทยและครัวไทยสู่โลก เปิดเผยหลังกลับจากการเจรจาความร่วมมือที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ศูนย์พัฒนาอาหารไทยและครัวไทยสู่โลก โครงการครัวไทยสู่โลก ได้มีการเซ็นสัญญา MOU กับ William Angliss Institute of TAFE เพื่อบรรจุหลักสูตรอาหารไทยสอนชาวต่างชาติ หรือเจ้าของร้านอาหารไทย และพ่อครัวแม่ครัวคนไทยที่สนใจทำอาหารไทยรสชาติแบบไทยแท้ ซึ่งหลักสูตรแรกจะเริ่มเปิดสอนได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549
William Angliss Institute of TAFE เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเรื่องบริหารการโรงแรม ท่องเที่ยว มีหลักสูตรใกล้เคียงกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และเป็นสถาบันที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย โดยในเบื้องต้นจะนำผู้เชี่ยวชาญอาหารไทย จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต และกรมฝีมือแรงงาน ไปสอนหลักสูตรการทำอาหารไทย เพื่อพัฒนาอาหารไทย ให้ชาวต่างชาติได้รู้จักทำอาหารไทยแบบถูกวิธี
นายพิมล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้เจรจากับ TAFE NSW EDU.วิทยาลัยบริหารการ จัดการโรงแรมและสอนเชฟในนครซิดนีย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียง และมีความร่วมมือกับสถาบัน เลอ กอร์ ดอง เบลอร์ ประเทศฝรั่งเศส โดยการเจรจาในเบื้องต้นกับ TAFE NSW ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ และสถาบันพร้อมบรรจุหลักสูตรเมนูอาหารไทยเข้าสอนในหลักสูตรของวิทยาลัยได้ทันที หลังจากมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการประมาณเดือนธันวาคมนี้ โดยระยะแรกจะเป็นการสอนหลักสูตรการทำอาหารไทยระยะสั้นประมาณ 2 อาทิตย์ และจะเริ่มเปิดการเรียนการสอนได้ในช่วงปีการศึกษา 2549 หรือประมาณเดือนพฤษภาคมศกหน้า
โครงการครัวไทยสู่โลก กำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ 2 กลุ่ม คือ 1.การไปสอนคนไทยที่ต้องการทำร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ทั้งที่เป็นเจ้าของร้านหรือพ่อครัวแม่ครัวและคนไทยทั่วไปที่สนใจการทำอาหารไทย 2.การเข้าร่วมกับสถาบันหรือโรงเรียนในต่างประเทศ เพื่อพัฒนาเป็นหลักสูตรอาหารไทยสำหรับเชฟชาวต่างชาติ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่ทำให้อาหารไทยเป็นรู้จักในหมู่ชาวต่างชาติ พร้อมพัฒนาอาหารไทยสู่เมนูนานาชาติเช่นกัน
“จากการเปิดยุทธศาสตร์สอนชาวต่างชาติทำเมนูอาหารไทยนั้น คาดว่าจะสามารถทำให้อาหารไทยมีการขยายฐานร้านอาหารไทยในประเทศออสเตรเลียเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ร้านและมีการส่งออกผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอาหารไทยเพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท และการท่องเที่ยวก็จะทำให้ชาวต่างชาติรู้จักประเทศไทยและรับประทานอาหารไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 20 %” นายพิมล กล่าว
นอกจากการนำหลักสูตรการเรียนการสอนอาหารไทยเข้าในสถาบันฯที่มีชื่อเสียงแล้ว ยังมีการเจรจาร่วมกับสมาคมภัตตาคารและการจัดเลี้ยงแห่งรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย (Restaurant & Catering Victoria) โดยในส่วนของสมาคมฯมองว่าร้านอาหารไทยมีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตอย่างมาก ซึ่งยินดีให้ความเหลือและพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลออสเตรเลียเรื่อง กฎเกณฑ์ในการจัดตั้งร้านอาหารไทยอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำให้อาหารไทย ร้านอาหารไทยเป็นที่นิยม และภายในปี 2549 จะทำให้ร้านอาหารไทยมีอัตราการเติบโตได้ถึง 1,000 ร้านอย่างแน่นนอน
นายพิมล กล่าวสรุปว่า สำหรับประเทศเป้าหมายในการเจรจาสอนหลักสูตรอาหารไทย ในเบื้องต้นจะเปิดให้ครอบคลุมทั่วโลก รวมกว่า 10 แห่ง ซึ่งที่ผ่านมาประเทศที่รับในหลักการแล้วและพร้อมจะเซ็น MOU ภายในต้นปีหน้า ประกอบด้วย นอร์เวย์ เดนมาร์ก สวีเดน เยอรมัน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ส่วนประเทศญี่ปุ่นและจีน คาดว่าจะเดินทางไปประชุมเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคาดว่าปี 2550 โครงการครัวไทยสู่โลก จะสามารถโปรโมตอาหารไทย พ่อครัวแม่ครัวไทย ให้เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในตลาดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากอาหารอิตาเลียน หรืออาหารจีน
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : ประชาสัมพันธ์โครงการครัวไทยสู่โลก
บริษัท คิธแอนด์คินฯ จำกัด
นิตยา 02-663-3226 ต่อ 69--จบ--