กรุงเทพฯ--23 ก.ย.--ก.พลังงาน
ก.พลังงาน เผยแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ค้ายังไม่ควรขึ้นราคาน้ำมัน เพราะค่าการตลาดยังอยู่ในระดับปกติ และไม่ควรอ้างผลจากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เนื่องจากที่ผ่านมาค่าการตลาดสูงมากมาเกือบ 2 เดือน
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึง สถานการณ์ราคาน้ำมัน ว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2551 ราคาน้ำมันดิบดูไบ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็นระดับ 94.20 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ ทั้งเบนซินและดีเซลปรับขึ้นมาในระดับประมาณ 5 เหรียญสหรัฐเช่นเดียวกัน โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 อยู่ที่ระดับประมาณ 108 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล น้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับประมาณ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล
อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าน้ำมันไม่ควรขึ้นราคาน้ำมันในวันนี้ (23 กันยายน 2551) โดยควรรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันอีก 1-2 วัน เนื่องจากในช่วงที่เดือนสิงหาคม-กันยายน ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ค้าน้ำมันลดราคาขายปลีกน้ำมันลงช้ากว่าราคาตลาดโลก ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ในระดับสูง โดยค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล E 10 อยู่ในระดับเฉลี่ย 2.40 บาทต่อลิตร ซึ่งค่าการตลาดในระดับปกติควรอยู่ในระดับ 1.70-2.00 บาทต่อลิตร และค่ากาตลาดน้ำมันดีเซล อยู่ในระดับเฉลี่ยกว่า 2.52 บาทต่อลิตร ซึ่งค่าการตลาดปกติควรอยู่ในระดับ 1.00-1.50 บาทต่อลิตร
“ดังนั้นราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในวันที่ 23 กันยายน 2551 เมื่อรวมกับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 40-50 สตางค์ต่อลิตรแล้ว ส่งผลให้ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันลดลง คือ ค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 อยู่ในระดับ 1.36 บาทต่อลิตร และดีเซล อยู่ในระดับ 1.06 บาทต่อลิตร ซึ่งถือว่าเป็นค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติเล็กน้อยและค่าการตลาดเพิ่งจะลดต่ำกว่าเกณฑ์เป็นวันแรก ดังนั้นผู้ค้าจึงไม่ควรรีบขึ้นราคาน้ำมันทันที” นายพรชัยกล่าว
นายพรชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้พิจารณาแล้วเห็นว่าค่าการตลาดของบริษัทน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงมาก การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันจึงไม่มีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ และการเก็บเงินครั้งนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันและทำให้น้ำมันแก๊สโซฮอลราคาต่ำ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน