กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--สยามนิสสัน ออโต้โมบิล
สยามนิสสัน เปิดตัวสมาชิกใหม่ “นิสสัน ลีสซิ่ง” ด้วยทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท พร้อมปฏิวัติรูปแบบการนำเสนอเงื่อนไขสินเชื่อ สามารถขอสินเชื่อผ่านระบบอินเตอร์เน็ตอนุมัติด่วนภายใน 4 ชั่วโมงเมื่อได้รับเอกสารครบสมบูรณ์ ตั้งเป้าปีแรกมียอดเช่าซื้อ 5,450 สัญญา คาดสามารถวางระบบครอบคลุมทั่วประเทศปลายปี 49 นี้
นายกมลเดช บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด เปิดตัวสมาชิกใหม่ของครอบครัว นิสสันประเทศไทย “บริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการทางด้านสินเชื่อแก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ใหม่ของนิสสันในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อการอำนวยความสะดวก และการให้บริการอย่างครบวงจรกับลูกค้า และผู้จำหน่าย ทางด้านการให้สินเชื่อ และบริการทางการเงิน
กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อไปว่า นิสสันลีสซิ่ง ได้ทำการปฏิวัติระบบการนำเสนอเงื่อนไขสินเชื่อ และประกันภัยให้กับลูกค้าในประเทศไทย โดยได้นำระบบการให้บริการที่ล้ำสมัยด้วยมาตรฐานจากต่างประเทศมาใช้ เพื่อยกระดับการให้บริการสินเชื่อสำหรับลูกค้านิสสันเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำระบบ การให้บริการสินเชื่อผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (IS Application) มาใช้เป็นรายแรกในประเทศไทย โดยบริษัทฯ จะทำการวางระบบซอฟต์แวร์เพื่อเชื่อมต่อระหว่างบริษัทฯ กับผู้จำหน่าย เพื่อให้ผู้จำหน่ายสามารถเชื่อมต่อกับ นิสสันลีสซิ่ง ได้ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ผู้จำหน่ายสามารถยื่นคำขอสินเชื่อได้โดยตรงกับ นิสสันลีสซิ่ง โดยที่ผู้จำหน่ายสามารถตรวจสอบสถานะคำขอสินเชื่อด้วยตัวเองได้ตลอดเวลา ผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ และบริษัทฯ จะส่งผลการอนุมัติด่วนภายใน 4 ชั่วโมง (ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้รับเอกสารครบถ้วน) ไปยังผู้จำหน่ายอัตโนมัติผ่านระบบ อีเมล์ หรือแฟกซ์ ซึ่งผู้จำหน่ายสามารถพิมพ์สัญญาได้ทันทีที่โชว์รูม และลูกค้าสามารถรับรถกลับบ้านได้เลยทันที ซึ่งโปรแกรมชุดนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้จำหน่ายสามารถปิดการขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นิสสัน ลีสซิ่ง ยังได้นำระบบ F&I (Finance & Insurance) ซึ่งเป็นที่ยอมรับ และประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อการให้บริการที่ครบวงจร ซึ่งระบบ F&I ดังกล่าว คือการนำคำเสนอการเช่าซื้อรถยนต์ ไปผนวกกับการจัดสินเชื่ออุปกรณ์ตกแต่ง และการประกันภัยรถยนต์ พร้อมกันในคราวเดียว ซึ่งจากการสำรวจความพึงพอใจของ ลูกค้า และผู้จำหน่ายในต่างประเทศ พบว่า F&I สามารถตอบสนองความต้องการของผู้จำหน่าย และลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะเจ้าหน้าที่ F&I สามารถช่วยในการปิดการขาย หรือเพิ่มช่องทางในการขายผลิตภัณฑ์เสริมอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น และในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ขายของผู้จำหน่ายสามารถเน้นการขายเป็นหลักอย่างเดียว โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามากในการนำเสนอเงื่อนไข สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และอื่นๆ
นายกมลเดชกล่าวต่อไปว่าด้วยบริการที่ฉับไว โดยมีเป้าหมายเพื่อการอำนวยความสะดวก และการให้บริการอย่างครบวงจรกับลูกค้า บริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำข้อตกลงกับเครือข่ายบริษัทประกันภัยรถยนต์ชั้นนำ ในการรับทำประกันภัยรถยนต์ของลูกค้าที่ใช้บริการเช่าซื้อด้วย โดยในปัจจุบัน นิสสัน ลีสซิ่ง มีเครือข่ายกับบริษัทประกันภัยชั้นนำหลายบริษัท ได้แก่ นวกิจประกันภัย สินมั่นคงประกันภัย วิริยะประกันภัย นิวแฮมป์เชอร์ประกันภัย ประกันภัยคุ้มภัย และมิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์ นอกจากนี้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และลดภาระในการชำระค่างวดรายเดือน ลูกค้าสินเชื่อของ นิสสัน ลีสซิ่ง สามารถชำระค่างวด โดยหักผ่านบัญชีธนาคาร หรือชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารนครหลวงไทย หรือสามารถชำระค่างวดโดยสั่งจ่ายเช็คล่วงหน้าให้แก่ นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย)
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2549 นี้ บริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง จำกัด ได้เริ่มดำเนินการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์นิสสันจาก ผู้จำหน่ายในเขตกรุงเทพมหานคร และนอกจากนี้ นิสสัน ลีสซิ่ง จะเร่งดำเนินการขยายเครือข่ายการให้บริการสินเชื่อ เพื่อให้สามารถครอบคลุมการให้บริการลูกค้าในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศไทย ได้ภายในสิ้นปี 2549 นี้
กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้กล่าวแสดงความมั่นใจว่าในปี 2549 นี้ นิสสัน ลีสซิ่ง จะมียอดลูกหนี้เช่าซื้อประมาณ 5,450 สัญญาหรือคิดเป็น 10% จากยอดขายรถนิสสันทั้งหมดในประเทศไทย และภายหลังจากที่ นิสสัน ลีสซิ่ง สามารถวางระบบการให้บริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปลายปี 2549 นี้แล้ว บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 คาดการณ์ว่าจะมียอดลูกหนี้เช่าซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 24% ของยอดขาย และจะเพิ่มขึ้นเป็น 35% ในปีถัดไป
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net