กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
สยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์โฮเต็ลแอนด์สปา ทุ่มกว่า 80 ล้านบาท สร้าง โปรเจค SKYDINE DESIGN ON 25 สุดหรู ลอยฟ้าสัมผัสความรื่นรมย์ของอาหารเลิศรส —ไวน์ชั้นเยี่ยมจากฝรั่งเศสและเมดิเตอร์เรเนียน
เผยดีไซน์เป็น Bar และ Restaurant ใหม่ 3 รูปแบบ บนชั้นดาดฟ้าที่ 25 ชูจุดแข็งคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างเป็น SKYDINE DESIGN ลอยฟ้าแห่งเดียวที่ตกแต่งเป็น industrial & art design ที่เห็นมุมมองของกรุงเทพฯแบบ 360 องศา เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างความศิวิไลซ์ของกรุงเทพฯกับทัศนียภาพจากเกาะรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วย the roof CHAMPAGNE & WINE bar - แห่งแรกของประเทศไทยและเป็นแห่งที่ 2 ในเอเซีย the roof RESTAURANT- stone grill Alfasco แห่งแรกของประเทศไทย และ la vue - ห้องอาหาร รูปแบบ French Mediterranean สุดหรู มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้านักธุรกิจและกลุ่มครอบครัวรวมทั้งผู้ที่มีรสนิยมในการรับประทานอาหารนอกบ้าน พร้อมเปิดให้ บริการตั้งแต่ วันที่ 17 เดือนตุลาคม ศกนี้
(กรุงเทพฯ)นายพรพินิจ พรประภา ประธานกรรมการบริษัท สยาม แอ็ท สยาม จำกัด ผู้บริหารโรงแรมสยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์ โฮเต็ล แอนด์ สปา เปิดเผยว่า ทางโรงแรมได้ลงทุนเป็นมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท ในการเปิดตัวห้องอาหารและบาร์ลอยฟ้า 3 รูปแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างในคอนเซ็ปต์ SKYDINE DESIGN จากโครงสร้างในรูปแบบของ Industrial HIP และ งานตกแต่งภายในแบบ Industrial-Art บนชั้นดาดฟ้าที่ 25 ทั้งนี้ แยกเป็นงบลงทุนในส่วนห้องอาหารและบาร์กว่า 70 ล้านบาท และงบการตลาด ประมาณ 10 ล้านบาท ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วประมาณ 90 % คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยสามารถเปิดให้บริการได้ในวันที่ 17 ตุลาคม ศกนี้
ทั้งนี้ นับว่าเป็นการพัฒนาโปรเจคสยามแอ็ทสยามในเฟสสุดท้ายเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว โดยต้องการสร้างห้องอาหารและบาร์บนพื้นที่ดาดฟ้าชั้น 25 ให้กลายเป็นอีกหนึ่งห้องอาหารชั้นนำของประเทศไทยและเป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้มีโอกาสได้มาชื่นชมความงามในมุมที่แตกต่างของกรุงเทพ ณ บริเวณที่ว่าเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างความศิวิไลซ์ของเมืองกรุงเทพที่เต็มไปด้วยอาคารสูงและการเก็บรักษากรุงเทพฯวัฒนธรรมชีวิตของคนไทยแต่อดีตที่เป็นทัศนียภาพจากเกาะรัตนโกสินทร์ไปจนสุดสายตา 360 องศา
โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นลูกค้าภายในโรงแรม 60 % และลูกค้าจากภายนอก 40 % ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมในการรับประทานอาหารนอกบ้านทั้งในรูปแบบของครอบครัว หรือกลุ่มที่นิยมเลือกหาร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเป็นที่พบปะสังสรรค์ รวมทั้งกลุ่มนักธุรกิจและผู้บริหารที่นิยมใช้ร้านอาหารที่มีบรรยากาศเหมาะสมสำหรับการสังสรรค์และสนทนาธุรกิจ มักจะใช้เวลา 4 -5 วัน /สัปดาห์ แวะเวียนไปตามห้องอาหารที่มีชื่อเสียง โดยค่อนข้างจะพิธีพิถันและให้ความสำคัญตามลำดับ ในเรื่องของ รสชาติและรูปแบบของอาหาร บรรยากาศของสถานที่ พื้นที่ตั้ง(ความสะดวกในการเดินทาง) การบริการ
นายสัญญา แสงบุญ ผู้จัดการทั่วไป กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดในการโปรโมทห้องอาหาร 3 แห่ง ได้ใช้กลยุทธ์การโฆษณาประชาสัมพันธ์เน้นการให้ข้อมูลเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างถูกต้อง ชัดเจน รวดเร็ว และเชิญชวนให้เข้ามาใช้บริการ ตลอดจนการการจัดโปรโมชั่นในเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม ได้วางแผนสนับสนุนที่สอดคล้องกับรูปแบบของห้องอาหาร โดยจะจัดทำเป็นช่วงๆตามโอกาสที่เหมาะสมและพัฒนาเป็นกิจกรรมประจำเพื่อสร้างค่านิยมอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีการจัดงานตามเทศกาลสำคัญเป็นระยะๆ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
นายสัญญากล่าวว่า “เรามีความมั่นใจในจุดขายที่โดดเด่นและแตกต่างของห้องอาหารและบาร์ลอยฟ้าทั้ง 3 แห่ง อย่างแท้จริง ตั้งแต่แนวความคิดการสร้างสรรค์ห้องอาหาร เป็น SKYDINE DESIGN ที่ได้คัดสรรแชมเปญ ไวน์ และเครื่องดื่มชั้นยอดจากทั่วโลก วัตถุดิบที่ดีที่สุดถูกนำมาใช้ปรุงอาหารอย่างพิธีพิถัน รับประกันความอร่อยล้ำเลิศของทุกจาน บรรยากาศที่ถูกโอบล้อมด้วยฟากฟ้าแฝงด้วยความหรูหรา และอารมณ์ที่สนุกสนานไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสวยงามของทัศนียภาพในระดับความสูงของอาคารกับระดับเส้นสุดขอบฟ้าที่ธรรมชาติ พร้อมทิวทัศน์กรุงเทพฯ ร่วมสมัยที่สวยงามสมบูรณ์แบบที่สุด ตลอดจนในการสร้างสรรเมนูอาหารและการบริการ ที่น่าจะส่งผลให้ถูกกล่าวขวัญถึงว่าเป็นห้องอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งการเลือกเฟ้นพันธมิตรในด้านอาหารและเครื่องดื่มร่วมสรรสร้างให้เกิดการรวมตัวของสิ่งที่ดีที่สุดในสถานที่เดียวกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “all wins strategy” ซึ่งรวมไปถึง wining ผู้ใช้บริการด้วย”
สำหรับห้องอาหารทั้ง 3 แห่งประกอบด้วย
ส่วนที่ 1the roof Champagne & Wine Bar บาร์ที่มีความงดงามของท้องฟ้าและทิวทัศน์โดยรอบ เป็นส่วนเสริมความอภิรมย์ของการดื่ม แชมเปญ ไวน์ และเครื่องดื่มอื่นๆ จำนวนที่นั่ง 60 ที่นั่ง
ส่วนที่ 2 the roof Restaurant จะเป็น stone grill Alfasco แห่งแรกของประเทศไทย บนดาดฟ้าที่มีทัศนียภาพของกรุงเทพ 360 องศาร่วมประกอบอรรถรสให้กับอาหารรูปแบบ stone grill และอาหารสากลนานาชนิด จำนวนที่นั่ง 130 ที่นั่ง
ส่วนที่ 3 La vue เป็นห้องอาหารยุโรปปรับอากาศ ระดับ High-end รูปแบบของ French Mediterranean บรรยากาศคลาสสิคในแบบของฝรั่งเศลและอิตาลีตอนใต้คาบสมุทรเมติเตอร์เรเนียน ผสานความงดงามของทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเกาะรัตนโกสินทร์ และวัตถุสถานที่เป็น Landmark ของกรุงเทพมหานคร เป็นห้องอาหาร ขนาด 50 ที่นั่ง
นายสัญญากล่าวต่อไปว่า ภายหลังจากการเปิดให้บริการ คาดว่าจะได้รับความสนใจและการสนับสนุนเป็นอย่างดีทั้งจากลูกค้าภายในโรงแรมและลูกค้าจากภายนอก ประกอบกับเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นช่วงเวลาในการเฉลิมฉลองของหลากหลายเทศกาล ดังนั้นห้องอาหารที่เปิดใหม่จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ที่กำลังตัดสินใจในการเฉลิมฉลองตามเทศกาลที่กำลังจะมาถึง และจะสามารถคืนทุนได้ทั้งหมดภายใน 3 ปี
ร่วมสัมผัสกลิ่นอายของความงามยามพระอาทิตย์อัสดงบนชั้นดาดฟ้า แบบ SKYDINE DESIGN ที่ถูกโอบล้อมด้วยฟากฟ้า ความงดงามของทัศนียภาพในระดับความสูงที่ขนานกับเส้นสุดขอบฟ้า เพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารที่ผสมผสานทั้งในเรื่องของรสชาติ และอารมณ์สนุกสนานไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ประทับใจกับความพิถีพิถันที่พร้อมเติมเต็มความสุขแห่งค่ำคืนอย่างมิรู้ลืมจนอยากกลับมาเยือนอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ SKYDINE DESIGN ON 25 ณ โรงแรมสยามแอ็ทสยามดีไซน์ โฮเต็ล แอนด์สปา โทร. 02-217-3000
ข้อมูล — SKYDINE DESIGN ON 25
โรงแรมสยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์ โฮเต็ล แอนด์ สปา
“A 360 Degree Experience”
SKYDINE DESIGN ON 25 เป็น Bar และ Restaurant แห่งใหม่ล่าสุดของโรงแรมสยาม แอ็ทสยาม ดีไซน์ โฮเต็ล แอนด์ สปา จากมุมมองบนชั้นดาดฟ้าที่ 25 ของโรงแรม ณ จุดกึ่งกลางที่เชื่อมต่อระหว่างความศิวิไลซ์ที่เต็มไปด้วยอาคารสูงในย่านธุรกิจในด้านตะวันออก ของเมืองกรุงเทพ และความแตกต่างในด้านตะวันตกของเกาะรัตนโกสินทร์ที่ยังคงมองเห็นความสวยงามของทัศนียภาพแต่ดั้งเดิมที่ไม่มีอาคารสูงบดบัง อีกทั้งยังสามารถมองเห็นความงดงามของสถาปัตยกรรมที่เป็น Landmark ของกรุงเทพฯ เช่น ภูเขาทองที่วัดสระเกศ พระที่นั่งอนันตสมาคม วัดเบญจมบพิตร สนามม้านางเลิ้ง รวมถึงความเขียวขจีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมและให้ความร่มเย็นในบริเวณพระราชวังสวนจิตรลดา ไปจนสุดสายตา พาโนรามา 360 องศา ที่ทำให้เพลิดเพลินและเต็มอิ่มกับทัศนียภาพพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าในยามเย็นของกรุงเทพมหานคร ในระดับความสูงที่ขนานกับเส้นสุดขอบฟ้า นับเป็นมุมที่สวยที่สุดมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ
จุดเด่นที่สำคัญ ของ SKYDINE DESIGN ON 25 ยังคงเน้นการแสดงถึงเอกลักษณ์โครงสร้างการออกแบบที่คงความเป็น Industrial HIP Design และ งานตกแต่งภายในแบบ Industrial-Art Design ใช้วัสดุหลักในการทำเสา คานและแนวระเบียงเป็นเหล็กและสแตนเลส เพื่อสะท้อนถึงความเข้มแข็งและมั่นคงของโครงสร้าง พร้อมโทนสี Brighten deep-blue และ Bright deep-red ซึ่งเป็นสีที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความเริงร่าของหญิงสาวอารมณ์ดีที่แอบซ่อนเสน่ห์ในตัวเธอไว้ บนพื้น 915.69 ตร.ม. โดยแบ่งพื้นที่เป็น Food & Beverage outlets 3 แห่ง ประกอบด้วย la vue, the roof RESTAURANT และ the roof CHAMPAGNE & Wine Bar โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 18.00 — 00.00 น.
La vue ห้องอาหารยุโรประดับไฮเอนด์ ในรูปแบบ French Mediterranean ตามแบบฉบับของฝรั่งเศสและอิตาลี จำนวน 50 ที่นั่ง ที่เน้นความโอ่โถงและความเป็นส่วนตัวในการทานอาหาร ตกแต่งโดยใช้กระจกขนาดใหญ่เป็นองค์ประกอบหลักทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ความงามยามค่ำคืนของเกาะรัตนโกสินทร์และวัตถุสถานที่เป็น Landmark ของกรุงเทพมหานคร โดยไร้สิ่งบดบัง นำทิวทัศน์ภายนอกที่มองจากระดับความสูงชั้นที่ 25 ของอาคารเป็นภาพประกอบการตกแต่งที่มองจากกระจกบานใหญ่ที่เสริมสร้างกรอบกระจกประดุจดังกรอบรูปภาพคล้องจองกับชื่อของห้องอาหารเมนูอาหารของ La vueได้ผ่านกระบวนการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีสั่งตรงมาจากแหล่งผลิตขึ้นชื่อทั่วทุกมุมโลก รังสรรค์ผ่านฝีมือการปรุงของหัวหน้าพ่อครัวที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการปรุงอาหารทางตอนใต้ของคาบสมุทร Mediterranean พร้อมถ่ายทอดวิธีการปรุงผ่าน SKYDINE DESIGN Kitchen ที่สามารถมองเห็นทุกกระบวนการทุกอิริยาบถในการเสกสรรสุดยอดอาหารในแต่ละเมนู ไฮไลท์ของ La vue อยู่ที่การรวมรสของอาหารและไวน์ที่ผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี การร่วมรสอภิรมย์ เช่น Pan-seared foie gras with kumquat and apple compote,aged เสิร์ฟพร้อม Kabinett Halbtroken,Schloss Vollrads,2006 รวมถึงเมนู Seafood เลื่องชื่ออย่าง Lobster bisque,with XO Cognac เสิร์ฟพร้อมไวน์ Macon Villages, Chameroy, Louis Latour ปี 2005 เป็นต้น
the roof Restaurant ห้องอาหารต่างระดับบนดาดฟ้าที่สามารถสัมผัสบรรยากาศกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน ได้จากทุกที่นั่ง ด้วยจำนวน 130 ที่นั่งในบรรยากาศชั้นดาดฟ้า the roof ได้รับการออกแบบพื้นที่ไว้สำหรับทุกโอกาสของการทานอาหารส่วนตัวหรือ ไว้สำหรับการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์หลากหลายรูปแบบ และเป็น Stone grill Alfasco แห่งแรกของเมืองไทย การปรุงอาหารบน Volcano Stone หินคืนสภาพหลังการระเบิดของภูเขาไฟลาวา ซึ่งสามารถเก็บความร้อนและปรุงอาหารได้นานถึง 20 นาที ด้วยอุณหภูมิความร้อนในหินสูงกว่า 400 องศาเซลเซียส ซึ่งลูกค้าสามารถปรุงอาหารบนหินร้อนในคอนเซ็ปต์ของ Hot Stone Grill ได้ด้วยตัวเองและรับประทานอาหารบนหินร้อนได้ทันที นอกจากนี้ยังมีหลากหลายเมนูอาหารสากล ที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศจากแหล่งที่ดีที่สุดของโลก นอกจากนี้ the roof ยังได้สร้างสรรค์ Full Moon Dining โดยกำหนดจัดเดือนละครั้ง เพื่อให้เป็นคืนเอกลัษณ์พิเศษสุดของ the roof
the roof Champagne& Wine Bar บาร์สำหรับนั่งดื่ม จำนวนที่นั่ง 60 ที่นั่ง บริการเครื่องดื่มในสไตล์ Pre หรือ Post Dinner ไวน์คอลเลคชั่นและแชมเปญชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลก พร้อม Sommelier ส่วนตัวที่มากด้วยประสบการณ์และมีความชำนาญในเรื่องไวน์ ห้องอาหารนี้จะเน้นเรื่องเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยที่หรูหราและมีสไตล์ ในลักษณะของ Pre-Dinner Drink เคล้าบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดง พร้อมผ่อนคลายอิริยาบถไปกับเครื่องดื่มที่มีรสชาติกลมกล่อม อาทิ
Martini ที่เน้นความเป็น Unique ด้วยสไตล์การเสิร์ฟแบบมาร์ตินีส่วนตัวที่สามารถให้คำแนะนำและปรุง Martini ได้ตามความต้องการของลูกค้า
ไวน์คอลเลคชั่นชั้นดี สั่งตรงจาก Bordeaux ประเทศฝรั่งเศสและแถบ Mediterranean ทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว อาทิ Chateau Mouton Rothschild, Chateau Lafite Rothschild, Chateau Latour, Chateau Margaux และ Chateau Haut -Brion พร้อมด้วยไวน์ชั้นเลิศจากแคลิฟอร์เนีย และออสเตรเลีย
แชมเปญชื่อดัง จากแหล่งรวมแชมเปญเลิศรส อาทิ Krung,Dom Perignon,Veuve Clicquot Ponsardin และ Pommery,”Cuvee Louise Millesime” เป็นต้น
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์, เจดับบลิวที ประเทศไทย
คุณพรทิพย์ วิริยะกิจพัฒนา (บี) โทร. 02-204-8210 มือถือ 086-813-1981 หรือ
คุณวงจันทร์ ตั้งทรงศักดิ์ (จันทร์ )โทร. 02-204-8221 มือถือ 089-127-2089