กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--บลจ.ฟิลลิป
บลจ.ฟิลลิป โชว์ผลงานกองทุนรวมภายใต้การบริหาร เผยกองทุน PCASH ขึ้นอันดับหนึ่ง กองทุนตลาดเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในรอบ 3 เดือน ที่ระดับ 3.22% ต่อปี ผู้บริหารระบุกระแสตอบรับดี โดยเฉพาะในภาวะที่สถานการณ์ผันผวน เหตุนักลงทุนหาแหล่งพักเงินช่วงสั้นๆ ขณะที่กองทุน PFIXRMF ก็ไม่น้อยหน้า ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งเช่นเดียวกัน สร้างผลตอบแทน 9.90% ในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา หรือคิดเป็น 39.69% ต่อปี เร่งลุยโปรโมชั่น กระตุ้นยอดขายปลายปี
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือน ระหว่างวันที่ 20 มิถุนายนจนถึงวันที่ 19 กันยายน 2551 กองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.ฟิลลิป อย่างน้อย 2 กองทุนได้สร้างผลตอบแทนสูงสุดอยู่ในอันดับหนึ่ง ได้แก่ กองทุนเปิดฟิลลิปบริหารเงิน (PHILLIP CASH MANAGEMENT OPEN END FUND) หรือ PCASH ซึ่งให้ผลตอบแทน 3.22% ต่อปี สูงที่สุดในจำนวนกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) และกองทุนเปิดฟิลลิปตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (PHILLIP FIXED INCOME RETIREMENT MUTUAL FUND) หรือ PFIXRMF ที่ให้ผลตอบแทน 9.90% หรือคิดเป็น 39.69% ต่อปี ซึ่งในปัจจุบันนี้ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
สำหรับกองทุน PCASH มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง เงินฝากและตั๋วสัญญาใช้เงินของธนาคารพาณิชย์ ตั๋วเงินระยะสั้นที่ออกโดยสถาบันการเงิน และที่เหลือจะเป็นตราสารหนี้เอกชนระยะสั้นที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ AA ขึ้นไป ทั้งนี้ จุดเด่นของกองทุนอยู่ที่สภาพคล่องของตราสารหนี้ที่ได้ลงทุน ดังจะเห็นได้ว่าแม้ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมากองทุนจะมีขนาดเล็กลงไปมาก แต่ก็ยังให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงและค่อนข้างสม่ำเสมอ โดยผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ขณะเดียวกัน ยังไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า จากสถานการณ์การลงทุนที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะจากวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา ทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน
เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุน เนื่องจากกองทุนมีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนหาแหล่งพักเงินในระยะเวลาสั้นๆ ได้ นอกจากนี้ บลจ. ฟิลลิป ยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (Selling Agents) ในการที่จะแจ้งยอดซื้อขายล่วงหน้า เพื่อที่จะให้ผู้จัดการกองทุนสามารถทราบถึงกระแสเงินสดได้ทันต่อการนำเงินไปลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงที่สุดอีกด้วย
ขณะที่กองทุน PFIXRMF ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงสุดในรอบ 3 เดือนเช่นเดียวกันนั้น จะเน้นการลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ธปท.และรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ทั้งในและต่างประเทศ
“กองทุนเปิดฟิลลิปตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อเตรียมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ เพื่อเป็นหลักประกันเงินออมในอนาคตของตัวเอง และผู้ที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี รวมถึงผู้ที่ต้องการโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ เพื่อการบริหารเงินลงทุนในส่วนที่ยอมรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า ผลตอบแทนในระดับ 9.90% หรือคิดเป็น 39.69% ต่อปี น่าพอใจอย่างมากในภาวการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมทุกกองทุนภายใต้การจัดการของบลจ. ฟิลลิป ยังไม่มีนโยบายที่จะเข้าลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ออกในต่างประเทศ ทั้งนี้เนื่องจาก ยังไม่มั่นใจในภาวะวิกฤติการเงินในสหรัฐอเมริกาว่าจะลุกลามและรุนแรงแค่ไหน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระคืนหนี้ของตราสารนั้นได้” นายวรรธนะกล่าว
นอกจากนี้ บลจ.ฟิลลิป ยังจัดแคมเปญกระตุ้นยอดซื้อกองทุน RMF และกองทุน LTF ในช่วงปลายปี โดยจะแจกเป็นบัตรกำนัลจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สำหรับผู้ลงทุนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถชื้อหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-635-3033
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : คุณวนิดา พัฒนาวิจิตร
โทร. 02-635-3033 ต่อ 829
E-mail address : WanidaP@Phillip.CO.TH