กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--ตลท.
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2551 มีมติอนุมัติให้ขยายเกณฑ์รับหลักทรัพย์เฉพาะกิจออกไปอีก 1 ปี เพื่อสนับสนุนให้บริษัทที่เข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งสอดคล้องกับการขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดหย่อนอัตรารัษฎากร ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2551 ซึ่งได้ขยายเวลาให้บริษัทที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ได้แก่ บริษัทที่ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในปี 2551 และเข้าซื้อขายภายในปี 2552 ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวจะได้รับส่วนลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี ร้อยละ 5 กรณียื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และร้อยละ 10 กรณียื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ
“คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อนุมัติขยายเวลาในการใช้เกณฑ์รับหลักทรัพย์เฉพาะกิจออกไปอีก 1 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกให้บริษัทที่สนใจจะเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ยังอยู่ระหว่างปรับคุณสมบัติให้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ มีโอกาสที่จะมีคุณสมบัติครบถ้วนและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ภายใน 31 ธันวาคม 2552 และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการขยายเวลาตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว” นายสุทธิชัยกล่าว
สำหรับการยื่นจดทะเบียนตามเกณฑ์รับหลักทรัพย์เฉพาะกิจนี้ บริษัทที่จะยื่นคำขออาจมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด หรือเป็นบริษัทจำกัดที่คณะกรรมการของบริษัทมีมติให้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดแล้วก็ได้ และมีความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้พิจารณาในเบื้องต้นถึงความเป็นไปได้ว่าบริษัทจะมีคุณสมบัติครบถ้วนภายใน 31 ธันวาคม 2552
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้ปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์ สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ กรณีที่บริษัทมีทุนชำระหรือมีการเพิ่มทุนจนมีทุนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท โดยให้บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทจดทะเบียนตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ยังคงซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ทั้งนี้ เพื่อรองรับมาตรการลดหย่อนภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ ที่กำหนดเพิ่มเติมให้บริษัทจดทะเบียนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งการแก้ไขเกณฑ์ดังกล่าวจะสอดคล้องกับหลักการเดิมที่กำหนดสำหรับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่
ทั้งนี้ การปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์ดังกล่าวอยู่ระหว่างขอความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อนบังคับใช้