กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--โลว์
บลูเอเลเฟ่นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศ ประกาศปรับและเปลี่ยนเมนูของบลูเอเลเฟ่นท์ คุ๊กกิ้งสคูล แอนด์ เรสเทอรองท์ ซึ่งเป็นสาขาในเมืองไทยรวมกว่า 42 เมนู พร้อมเพิ่มหมวดอาหารไทยโบราณที่หารับประทานยาก เพื่อชูภาพลักษณ์ความเป็นร้านอาหารไทยขนานแท้ และเป็นการตอกย้ำถึงความพร้อมในการช่วยอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารไทยไปสู่ชาวต่างชาติ รวมถึงคนไทยรุ่นใหม่ๆ โดยเมนูใหม่ดังกล่าวจะพร้อมให้บริการได้ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม นี้ เป็นต้นไป
ทางด้านนางนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัท บลูเอเลเฟ่นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การปรับเปลี่ยนรายการอาหารของสาขาในประเทศไทยครั้งนี้ก็เพื่อต้องการนำเสนอสิ่งใหม่ๆให้กับลูกค้าของเรา จึงอยากใช้โอกาสนี้นำเสนอเมนูใหม่ๆ และไม่จำเจ แต่ยังแฝงไปด้วย เส่นห์ของอาหารไทย รวมถึงเมนูโบราณที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบันให้กับลูกค้าทั้งในประเทศ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อนของเรา โดยเฉพาะความตั้งใจที่จะเผยแพร่และอนุรักษ์วัฒนธรรมด้านอาหารไทยมิให้สูญหาย พร้อมกับเดินหน้าอาสาทำหน้าที่เป็นเสมือนทูตทางวัฒนธรรมในการผลักดันให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่ บลูเอเลเฟ่นท์ได้ตั้งใจทำมาตลอด 27 ปี ที่ดำเนินธุรกิจมา”
การปรับและเปลี่ยนเมนูครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของทางบลูเอเลเฟ่นท์สาขากรุงเทพฯซึ่งเป็นสาขาลำดับที่ 10 จากทั้งสิ้น 12 สาขา ในปัจจุบันซึ่งกระจายอยู่ในเมืองสำคัญต่างๆ เกือบทั่วโลก อาทิ บรัสเซล ลอนดอน ปารีส ลียง โคเปนเฮเก้น มอลต้า ดูไบ เบรุต คูเวต มอสโคว์ จาร์กาต้า และกรุงเทพฯ โดยเป็นการทำงานร่วมกันของทีมงานเชฟซึ่งนำโดยคุณนูรอเป็นผู้ดูแลทุกรายละเอียดก่อนจะออกมาเป็นเมนูใหม่ทั้งสิ้น 42 จาน ซึ่งจะมีทั้งในส่วนที่คิดขึ้นใหม่ทั้งหมด รวมกับเมนูที่ปรับสูตรจากเมนูเดิม และเมนูไทยโบราณที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบัน ทั้งนี้ทางบลูเอเลเฟ่นท์จะยังคงไว้ซึ่งเมนูเดิมราว 70%
สำหรับเมนูใหม่ของบลูเอเลเฟ่นท์ที่กรุงเทพฯ นี้ ยังได้มีการเพิ่มหมวดอาหารโบราณเข้าไปโดยให้ชื่อว่า แบ๊ค ทู ดิ ออริจิน ‘Back to the Origin’ ซึ่งเป็นการต่อยอดความคิดมาจากเทศกาลอาหาร แบ๊ค ทู เดอะ พาส (Back to the Past) ที่บลูเอเลเฟ่นท์จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้วโดยมีอาจารย์ ศรีสมร คงพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย
โบราณได้ให้เกียรติมาเป็นที่ปรึกษา อาทิ หมี่กรอบโบราณ ต้มกะทิปลาสลิด น้ำพริกหรูผักหลามกุ้งย่าง แสร้งว่ากุ้งปลาดุกฟู และต้มจิ๋ว เป็นต้น
“เรามองว่าการนำเอาเมนูอาหารไทยโบราณหาทานยากมาใส่ไว้ในเมนูใหม่ ไม่เพียงแต่จะช่วยอนุรักษ์อาหารไทยโบราณมิให้สูญหายไปเท่านั้น แต่ยังตรงกับเจตนารมณ์ของเราในการทำหน้าที่เผยแพร่วัฒนธรรมอาหารไทยให้แก่ชาวต่างชาติ รวมถึงคนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ อีกด้วย” นางนูรอ กล่าวเสริม
ทางด้านเชฟ วิชัย ธนภานุภัทร์ เอ็กซ์เซ็คคิวทีฟเชฟประจำบูลเอเลเฟ่นท์สาขากรุงเทพฯหนึ่งในทีมงานที่รังสรรค์เมนูใหม่กล่าวว่า “เมนูชุดใหม่นี้เราให้ความสำคัญในเรื่องของวัตถุดิบเป็นอันดับแรก ดังนั้น เราจึงได้นำเอาวัตถุดิบจากโครงการหลวง ซึ่งมีคุณภาพดีได้มาตรฐานมาใช้ในบางเมนู ซึ่งรวมถึงเมนูที่เน้นในเรื่องวัตถุดิบที่ต้องเป็นออแกนิก อาทิ โครเก็ตกุ้งเขียวหวาน ซึ่งใช้กุ้งที่เลี้ยงด้วยวิธีออแกนิก และผักปลอดสารพิษ”
นางนูรอกล่าวเพิ่มเติมว่า “เมนูใหม่นี้จะเริ่มให้บริการเฉพาะที่บลูเอเลเฟ่นท์ สาขากรุงเทพฯ ก่อน โดยมีแผนที่จะนำไปใช้ปรับเปลี่ยนสำหรับสาขาอื่นๆ ในต่างประเทศต่อไป”
ปัจจุบัน บลูเอเลเฟ่นท์ คุ๊กกิ้ง สคูล แอนด์เรสเทอรองท์ (บลูเอเลเฟ่นท์ สาขากรุงเทพฯ) มีเมนูรวมทั้งสิ้นกว่า 90 รายการ โดยมีทั้งในส่วนของเมนูที่ทางบลูเอเลเฟนท์สร้างสรรค์ขึ้นเองราว 30% และที่เหลือเป็นเมนูอาหารไทยดั้งเดิม โดยเมนูใหม่นี้จะเพิ่มหมวด Back to the Origin และจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดติดต่อ
วริทธ์ ประภาวัต หรือ ธัญจิรา ศรีคำ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โลว์ จำกัด
โทร. 0-2670-1000 ต่อ 143 และ 203
อีเมล์ varit.prabhawat@loweworldwide.com / thanjira.srikham@loweworldwide.com