กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--ณุศาศิริ
- ดึงมือดีทุกด้านเสริมทัพ พร้อมรุกโครงการทั้งแนวราบและแนวดิ่งช่วงปลายปี -
ณุศาศิริ กลับมาอย่างมั่นคง พร้อมปรับความเข้าใจกับพันธมิตรทางธุรกิจในทุกส่วน ล่าสุดปรับทัพผู้บริหารเน้นดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ เตรียมรุกธุรกิจ หลังได้ข่าวดี กรุงไทยไฟเขียวอนุมัติเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษรวม 1,346 ล้านบาท คาดปิดฉากปี 2551 กวาดรายได้ 3,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.53% หลังรับรู้รายได้จากการโอนโครงการ ณุศาศิริ แกรนด์ คอนโด - สุขุมวิท เอกมัย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ณุศาศิริ คลื่นลูกใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย เปิดเผยว่า ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการชำระหนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ใช้เวลาที่ผ่านมา เริ่มวางแผนการดำเนินการทางธุรกิจในก้าวต่อไปอย่างมีกรอบที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยได้แสวงหามืออาชีพในด้านต่างๆ เข้ามาวางโครงสร้างทางการบริหารใหม่ทั้งหมดในทุกส่วน เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และด้วยการที่บริษัทฯ มีแผนที่ชัดเจน พร้อมทั้งสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า สามารถประสบความสำเร็จได้ตามเป้า ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย จึงได้อนุมัติสินเชื่อวงเงิน 1,346 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวย่านพระราม 2 โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ MLR-1 ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ในความพร้อมของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต
“เราสะสางปัญหาในด้านการเงินเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับการเจรจาและปรับความเข้าใจกับบรรดาพันธมิตรทางธุรกิจในด้านต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย ซึ่งต่อจากนี้ไปปัญหาดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น เพราะเราได้เลือกเฟ้นบริษัทผู้รับเหมารายใหญ่เข้ามาดูแลงานด้านก่อสร้างโดยตรง เพื่อกระจายการบริหารไม่ให้เกิดปัญหาความล่าช้าดังเช่นอดีตที่ผ่านมา ส่วนความคืบหน้าด้านการขายโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนานั้น ณ ปัจจุบัน ได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจช่วงขาลง ด้วยปัจจัยหลักคือ กลุ่มลูกค้าของณุศาศิริเป็นลูกค้าระดับพรีเมี่ยม ประกอบกับในปีนี้ถือเป็นปีทองของคนอยากมีบ้านเพราะจะยังคงซื้อบ้านได้ในราคาต้นทุนเดิมแถมยังได้สิทธิประโยชน์จากการประกาศนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อด้าอสังหาริมทรัพย์ อาทิ การประกาศลดค่าธรรมเนียมและภาษีการโอน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมายอดขายในแต่ละโครงการยังเป็นไปตามเป้าที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง ด้านธุรกิจโรงแรมณุศาพลาญ่า โฮเท็ล แอนด์ สปา ที่หาดจอมเทียน พัทยา นั้น ก็ยังดำเนินการเป็นไปตามเป้า เนื่องจากโรงแรมของเรามีจุดเด่นที่แตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน โดยในขณะนี้บางโซนอยู่ในระหว่างการก่อสร้างห้องสัมมนาขนาดใหญ่ที่ครบวงจรด้านบริการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เพื่อรองรับตลาด MICE ที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับบริษัทต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ที่ต้องการมาสัมมนาและท่องเที่ยว” นายวิษณุ เทพเจริญ กล่าวแสดงความเชื่อมั่น
ทั้งนี้ ก้าวต่อไปของกลุ่มบริษัท ณุศาศิริ นั้น คณะผู้บริหารได้วางแผนในการบริหาร และแผนในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการพัฒนาความแข็งแกร่งของแบรนด์ ณุศาศิริ ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ไม่ได้ดำเนินการทางการตลาดอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 2 ปี โดยในไตรมาส 4 ของปีนี้ กลุ่มบริษัทฯ ณุศาศิริวางแผนพัฒนาโครงการอีก 3 แห่ง ทั้งในส่วนแนวราบและแนวดิ่ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาแผนการตลาด และเชื่อว่าพร้อมจะเปิดตัวสู่สาธารณชนได้เร็วๆ นี้
“กลุ่มบริษัท ณุศาศิริ ได้เตรียมแผนในการบริหารจัดการด้านสภาพคล่องทางการเงินอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ทุกส่วนทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเราโดยเฉพาะลูกค้า ได้มั่นใจในแบรนด์ของเรา ปัจจุบัน เรามีการกำหนดเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯ อย่างชัดเจน พร้อมวางแผนการขยายงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน อีกทั้งบริษัทฯ ได้จัดเตรียมแผนรองรับ สำหรับทุกๆ สถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งมีระบบการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพอย่างชัดเจน ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าสภาพคล่องของบริษัทฯ จะต้องถูกบริหารภายใต้กรอบนโยบายที่วางไว้อย่างรัดกุม” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ณุศาศิริ กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ณุศาศิริ ได้คาดการณ์รายได้ในปี 2551 ไว้ที่ 3,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,857 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 107.53% เนื่องจากการก่อสร้างโครงการ ณุศาศิริ แกรนด์ คอนโด - สุขุมวิท เอกมัย แล้วเสร็จ และมีการโอนกรรมสิทธิ์เกือบ 100% โดยรายได้ปี 2551 นั้น มาจากยอดรับรู้รายได้ของ โครงการ ณุศาศิริ แกรนด์ คอนโด - สุขุมวิท เอกมัย 2,429 ล้านบาท จากยอดขายโครงการบ้านเดี่ยวและโรงแรมอีกรวม 1,155 ล้านบาท
ด้านมุมมองของกลุ่มบริษัท ณุศาศิริ ต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปัจจุบัน และคาดการณ์แนวโน้ม ปี 2552 นั้น นายวิษณุ เทพเจริญ กล่าวแสดงมุมมองต่อประเด็นดังกล่าวว่า “หากพูดถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ไทยในปัจจุบัน และแนวโน้มปี 2552 คงจะตอบได้ว่าเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ และนักวิชาการหลายฝ่ายที่ออกมาแสดงความคิดเห็น เนื่องจากตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ทั้งหลาย ได้ส่งผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย, ราคาน้ำมัน ซึ่งราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวันทำให้ต้นทุนของการดำเนินกิจการและค่าครองชีพสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าต้องกระทบกับภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวชี้วัดตัวหนึ่งของเสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจไทย แต่สำหรับกลุ่มบริษัท ณุศาศิริ นั้น พูดได้ว่าเราก็มองเห็นทิศทางเหล่านี้มาตั้งแต่ต้น จึงได้มีการปรับปรุงรูปแบบการบริหารจัดการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพธุรกิจอยู่ตลอดเวลา อีกทั้ง ลูกค้าของเรา ซึ่งเป็นลูกค้าระดับบน ไม่ค่อยหวั่นไหวหรือได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวมากนัก ทำให้ยอดขายของกลุ่มบริษัท ณุศาศิริ สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องดังเช่นทุกวันนี้”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ณุศาศิริ
โทร. 0-2714-4555