กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
มะกอก พืชฮอทฮิทในขณะนี้ ที่เราได้ทราบถึงสารพัดประโยชน์ ของมะกอก ที่ถูกนำเสนอกันแล้ว ไม่ว่าจะนำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง, ยา, อาหาร และยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่มะกอกให้ประโยชน์มาแต่อดีต นั่นคือ เป็นส่วนประกอบของอาหารชั้นเลิศ ยิ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพมาแรงเหลือเกิน และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกวัน ไม่ตกเทรนด์ จึงทำให้ นันทินี แทนเน่อร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช แอนด์ โก จำกัด ไม่รอช้าที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับคุณภาพมาให้คนไทยได้ลิ้มลอง โดยได้จัดงาน โอลีฟ ออย เทสติ้ง แนะนำ น้ำมันมะกอกโอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก จากประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในผลิตภัณฑ์จากมะกอก ซึ่งเป็น ท็อปออฟเดอะท็อปของโลกน้ำมันมะกอก ได้รับการคัดสรรดูแลเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน ทุกขั้นตอนการผลิต จึงได้น้ำมันมะกอกสูตร เอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น ที่มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวอยู่ไม่เกิน 0.4 % เท่านั้น ซึ่งเหนือชั้นกว่า ณ ร้านโอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก ชั้น 2 ศูนย์การค้า เพนนินซูล่า พลาซ่า ซึ่งเป็นร้านแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีสินค้าทุกอย่างเกี่ยวกับมะกอก
ก่อนที่จะไปชิมน้ำมันมะกอก มร.เจอราร์ด มอริส (Mr. Gerard Maurice) ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ โอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก ประจำประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่ให้เกียรติบินมาร่วมงานนี้ได้กล่าวถึงวิธีการชิมน้ำมันมะกอกว่า “ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชีย ต่อจากญี่ปุ่น ที่มีการเปิดช็อป โอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก สำหรับการชิมที่ต่างประเทศ จะใช้แก้วสีชา หรือเข้ม ๆ เพื่อไม่ให้สีของน้ำมันมะกอกมีอิทธิพลจูงใจผู้ชิม และใช้การหมุนแก้ว วน ๆ ให้น้ำมันมะกอกได้สัมผัสกับอากาศ เกิดความร้อนของน้ำมันจะได้ไอน้ำมันมะกอกที่จะส่งผลต่อรสชาติได้ดี”
“น้ำมันมะกอกของโอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก จะแบ่งได้ 3 ประเภท น้ำมันมะกอกประเภทแนวกลิ่นผลไม้, น้ำมันมะกอกกลิ่นพืชสมุนไพร และน้ำมันมะกอกกลิ่นเครื่องเทศ ซึ่งการแบ่งประเภทนี้ได้มาจาก สายพันธุ์ ซึ่งมีสายพันธุ์มะกอกที่หลากหลาย, พื้นที่เพาะปลูก ที่มาจากดินและสภาพอากาศ ภูมิประเทศที่แตกต่างกัน และขั้นตอนกระบวนการผลิต ผู้ก่อตั้ง มร. โอลิวิเย่ร์ โบสซอง (Olivier Baussan) จะจัดให้มีการคัดเลือกน้ำมันมะกอกจากกว่า 300 แห่งเป็นประจำทุกปี และคัดให้เหลือเพียง 20 แห่งที่ โอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก จะเลือกนำมาจำหน่าย ซึ่งน้ำมันมะกอกจะมีการแบ่งระดับชั้นเหมือนไวน์ ส่วนบรรจุภัณฑ์ของ โอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก จะใช้การบรรจุในกระป๋องอลูมิเนียม เพื่อควบคุม 3 ปัจจัยที่มีผลต่อน้ำมันมะกอก นั่นคือ แสงแดด อุณหภูมิ และอากาศ ซึ่งตัวการเหล่านี้ จะทำให้น้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงได้ และอย่าลืมว่าน้ำมันมะกอกแต่ละชนิดจะมีรสที่ต่างกัน และยังเหมาะกับอาหารที่ต่างชนิดกันด้วย ” มร.มอริส กล่าว
มร.มอริส ยังเล่าย้อนถึง จุดกำเนิดของมะกอกจริง ๆ มาจากอินเดีย และได้แพร่ขยายไปตามอาณานิคม และการขยายประชากร ต้นมะกอกในโลกเรานี้มีถึง 3,000 สายพันธุ์ แต่มีเพียง 80 พันธุ์เท่านั้นที่นำมาทำน้ำมันมะกอกแล้วได้รสดี ชาวสวนที่ปลูกมะกอก เขาจะปลูกให้ต้นมะกอกห่างกัน 4 เมตร เพื่อไม่ให้มะกอกแย่งน้ำและอาหารกัน จะได้ผลมะกอกที่อิ่มและสมบูรณ์ที่สุด ฤดูของการเก็บเกี่ยวมะกอกจะมีขึ้นทุก ๆ 2 ปี
นอกจากนี้ มร.มอริส ยังกล่าวเสริมอีกว่า “แพทย์ยังได้แนะนำอีกว่าถ้าทานน้ำมันมะกอกกันเพียว ๆ วันละ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารเช้าทุกวันจะช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ และยังส่งผลดีต่อกระเพาะอาหาร ช่วยป้องกันการย้อนกลับของอาหารสู่หลอดอาหาร ที่ลำไส้ก็ทำให้ย่อยง่าย ด้านระบบเลือด ก็มีคอเลสเตอรอลที่ดีเพิ่มขึ้น ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ทั้งยังพบกรดโอลิคที่จำเป็นในกระบวนการสร้างมวลกระดูก ในน้ำมันมะกอกด้วย ที่สำคัญช่วยบำรุงสมอง ป้องกันการเกิดภาวะความจำในสมองลดลง (โรคสมองเสื่อม) ซึ่งผลพิสูจน์ออกมาแล้วว่า ผู้ที่มีอายุยืนยาวโดยมากจะพบในประเทศกรีก ซึ่งประชากรของประเทศ จะบริโภคน้ำมันมะกอกถึง 26 ลิตรต่อคน/ปี
แล้วน้ำมันมะกอกก็ถูกเรียงรายมาวางให้ลองลิ้มชิมรสของน้ำมันมะกอก เพียว ๆ โดยเริ่มจาก มูล่า โดซอล (Huile d’ Olive ( France) Extra Virgin Moulin Dozel- Autrand) จะได้กลิ่นอ่อน ๆ เหมาะกับอาหารประเภทปลา แกะ ถัดมา มอนติเนีย แอนด์ อาเวีย (Huile d’ Olive (Greece) Extra Virgin Mantinea & Avia) จะมีกลิ่นของเครื่องเทศ แตงกวาอ่อน เวลากลืนจะรู้สึกอุ่นคอ เหมาะกับอาหารประเภทสลัดเข้มข้น รสร้อนแรง พาสต้า จากนั้นหันมาชิม น้ำมันมะกอกผสมใบเบซิล (Huile d’ Olive (France) Extra Virgin with Basil) ได้กลิ่นที่โดดเด่นคือ ใบกระเพรา ได้มาจากวิธีการมัดใบกระเพราแล้วแช่ร่วมในถังน้ำมันมะกอก ใช้ทานกับ มะเขือเทศ ชีสมอสซาเรลล่า สลัด พาสต้า ต่อไปคือ น้ำมันมะกอกผสมเลมอน (Huile d’ Olive (France) Extra Virgin with Lemon) จะมีกลิ่นเจือของมะนาวเหลือง โดยใส่มะนาวทั้งผลในกระบวนการคั้นด้วย เหมาะทานกับปลา เนื้อที่เสิร์ฟแบบเย็น ไก่ ผัก มันฝรั่ง พาสต้า จากนั้นต่อด้วย น้ำมันมะกอกผสมส้มแมนดาริน (Huile d’ Olive (France) Extra Virgin with Mandarin) โดยการใส่ผลส้มคั้นรวมกันกับมะกอก จะให้กลิ่นสดชื่นแบบส้มเหมาะทานกับของหวาน ช็อคโกแลต ไอศกรีมวานิลา สลัดรสขม อาหารจำพวกซีฟู้ด ถัดไปเป็นน้ำมันมะกอกชนิดผสมชิลีเปเปอร์ (Huil d’ Olive (France) Extra Virgin with Chili Pepper) มาจากพื้นที่เพาะปลูกที่มีผล จะได้กลิ่นพริก แต่ไม่มีรสเผ็ด เหมาะกับการทานกับไข่คน พิซซ่า สลัด เนื้อย่าง และสุดท้าย เป็นน้ำมันมะกอกที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก คือ โอลีฟ ออย แอนด์ กรีน เลมอน ((Huile d’ Olive Citrens Bioloqilles Curellis Verts Oilve Oil & Green Lemon from Portugal) เป็นน้ำมันมะกอกที่คั้นรวมกับมะนาวเขียว จะมีกลิ่นเข้มข้น สดชื่นกว่ามะนาวเหลือง ใช้ทานกับปลา และสลัด
อย่างที่รู้กันว่าน้ำมันมะกอกจะถูกนำมาปรุงอาหารด้วยวิธีง่าย ๆ คือ การนำมาทำเป็นท็อปปิ้ง ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเสิร์ฟ หรือคลุกกับอาหาร ดังนั้นเชฟ นอร์แมน ธนกมลนันท์ (Norman Thanakamonnun) ที่บินตรงจากเมืองอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย มาโชว์ฝีมือทำอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอก หรือทานกับน้ำมันมะกอก โดยเชฟนอร์แมน เป็นเชฟสายเลือดไทย ที่มีฝีมือเยี่ยมในการปรุงอาหารสไตล์ซีฟู้ด ทั้งยังเป็นเจ้าของร้านบล็องซ์ (Blanc) ที่โด่งดังและมีชื่อเสียงมาก ในออสเตรเลีย ทยอยออกมาเสิร์ฟ ได้แก่ ขนมปังบาเกท เสิร์ฟพร้อมน้ำมัน พาร์เมซานชีส มะกอก และถั่วโรสแมรี่ (Freshly Baked Baguetle served with Parmesan Oil, and Olive with Rosemary nuts) เมนูนี้มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอกมูล่า โดซอล (Huile d’ Olive ( France) Extra Virgin Moulin Dozel- Autrand) กับพาร์เมซานชีส เมนูที่ 2 สลัดรวมผักกาดวีทโลฟ กับแอปเปิ้ล ถั่ววอลนัท และน้ำสลัดสมุนไพรโยเกิร์ต ( Salad of Witlof Apple, Walnut and Cucumber with Herbs Yoghurt) เมนูนี้ก็ยังคงมีส่วนผสมของน้ำมันมะกอกมูล่า โดซอล (Huile d’ Olive ( France) Extra Virgin Moulin Dozel- Autrand) โดยนำน้ำมันมาราดก่อนเสิร์ฟ
ถัดไปอิ่มหนำกันต่อกับ สตูว์หอยลายซัฟฟร้อนกับ ซอสมะเขือเทศ และโหระพาทอดกรอบ ( Baby Clam with Roasted Tomato & Saffron Stew and Crispy Basil) มีส่วนผสมของเกสรดอกไม้ safran saffron ในน้ำซอส ไปต่อกันที่เมนู กุ้งลายเสือย่าง กับกระเทียม มะนาว น้ำมันมะกอก และสมุนไพรจาก โพรวองซ์ ( Char- grilled Prawn with Garlic Lime , Provence Herbs and Olive Oil) เมนูนี้มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอกผสมเลมอน (Huile d’ Olive (France) Extra Virgin with Lemon) ใช้เป็นส่วนผสมในการหมักกุ้ง และราดก่อนเสิร์ฟ เมนูสุดท้าย แซลมอนหนังกรอบ เสิร์ฟกับ นิซัวสลัด และแคปเบอร์ และมะกอกบด ( Crispy Skin Atlantic Salmon Nicoise with Capers and Olive Tapenade) โดยใช้น้ำมันมะกอกผสมเบซิล (Huile d’ Olive (France) Extra Virgin with Basil) เป็นเดรสซิ่งราดก่อนเสิร์ฟ
บรรยากาศภายในร้านโอลิวิเย่ร์ แอนด์ โก สำหรับผู้ที่มองหาของดีจาก แถบเมดิเตอร์เรเนียน ร้านนี้เป็นร้านแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีผลิตภัณฑ์ทุกอย่างเกี่ยวกับมะกอก พร้อมทั้งอาหารที่ปรุงจากมะกอก มารวมไว้ที่นี่ เพลิดเพลินไปกับกลิ่นอายแบบเมดิเตอร์เรเนียน ผู้ที่ชื่นชอบน้ำมันมะกอก ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัทแม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ชลธิชา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net