กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--สหมงคลฟิล์ม
ทั้งที่มีผลงานดีๆ ในหนังเยี่ยมๆ อยู่มากมายหลายชิ้น อีกทั้งยังเวียนว่ายในวงการมาจำนวนไม่น้อยปี แต่กลับเหมือนมีกรรมเก่าขวางทางรุ่ง เพราะ ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน เป็นนักแสดงที่ผู้ชมหลายต่อหลายคนอาจจำหน้าได้ แต่ไม่เห็นมีใครที่ไหนจำชื่อเขาได้สักที
อย่างไรก็ตาม วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป หลังจากที่ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน คว้าบทเด่นชนิดที่ไม่ต้องมีใครประกบและไม่ต้องประกบใครให้ตัวเองหมองเป็นครั้งแรก ในหนังเรื่อง Capote
ซีมัวร์ ฮอฟแมนสำแดงฝีมือได้สุดยอด ส่งผลให้เขาคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีการประกวดสำคัญๆ มาได้ท่วมท้น เรียกได้ว่า ในเวทีใดก็ตามที่เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ที่สุดแล้วรางวัลที่ว่านั้นจะตกเป็นของเขาทุกคราวไป
ด้วยเหตุนี้จึงไม่แน่แปลกใจที่ซีมัวร์ ฮอฟแมนได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประจำปี 2006 นี้ แบบแทบจะไร้ซึ่งคู่แข่ง
การประกาศผลรางวัลออสการ์ใกล้เข้ามาทุกขณะ เรื่องสำคัญที่นักดูหนังทั้งหลายควรต้องทำ ณ ขณะนี้ ก็คือการทำความรู้จักฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมนกันสักนิด เพราะนักแสดงที่มีฝีไม้ลายมือจัดจ้านเช่นนี้ หาไม่ได้ทั่วไปตามท้องตลาด และไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ เลย
ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมนเกิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 1967 ที่นิวยอร์ก พ่อของเขาเป็นอดีตผู้บริหารบริษัท ซีรอกซ์ ส่วนแม่เป็นผู้พิพากษาศาลครอบครัว
ซีมัวร์ ฮอฟแมนจบการศึกษาด้านการละครจากโรงเรียนศิลปะทริช ในสังกัดมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เมื่อปี 1989 และเริ่มต้นงานแสดงในอีก 2 ปีถัดมา ด้วยการปรากฏตัวในทีวีซีรีส์เรื่อง Law & Order และหนังอินดี้เล็กๆ ที่ชื่อ Triple Bogey on a Par Five Hole
ปีแรกที่ก้าวเข้ามาเป็นนักแสดงเต็มตัว ซีมัวร์ ฮอฟแมนถือได้ว่ามีงานแสดงไม่น้อย ทว่าเพราะหนังที่เขาร่วมแสดงไม่ใช่เรื่องเด่นเรื่องดังอะไร และบทบาทที่เขาได้รับก็ไม่ถึงกับเป็นบทเด่นหรือสำคัญสักเท่าไรนัก เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่ในเวลานั้นแทบไม่มีใครรู้เลยว่า มีดาราชื่อ ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน อยู่ในโลก
จุดหักเหครั้งที่ 1 ในอาชีพนักแสดงของซีมัวร์ ฮอฟแมน เกิดขึ้นในปี 1992 เขาร่วมแสดงในหนังดังเรื่อง Scent of a Woman โดยรับบทเป็น จอร์จ วิลลิส จูเนียร์ นักเรียนรวยแต่เลวที่ร่ำๆ จะทำให้นักเรียนดีเด่นแต่ฐานะอยากจนซึ่งแสดงโดย คริส โอดอนเนล ต้องถูกไล่ออก บทของซีมัวร์ ฮอฟแมนใน Scent of a Woman เป็นรองโอดอนเนลและ อัล ปาชิโน (ซึ่งได้รับออสการ์ สาขานำชายจากหนังเรื่องนี้) อยู่มาก แถมช่วงเวลาที่ได้ปรากฏตัวในหนังยังเทียบกันไม่ติด กระนั้น ด้วยมาดยียวนกวนได้ที่ของเขา บวกรวมกับฝีมือการแสดงที่เขาปล่อยออกมาเต็มที่แม้จะรู้ว่าตัวเองมีเวลาในหนังจำกัด ก็ทำให้ใครต่อใครเริ่มจะจำเขาได้บ้าง — แม้จะไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรก็ตาม
5 ปีถัดจากนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งการ ‘ตั้งไข่’ ของฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมนอย่างแท้จริง เขามีงานแสดงป้อนเข้ามาอยู่ไม่ขาด หนังดังหลายเรื่องในช่วงนี้ที่ซีมัวร์ ฮอฟแมนร่วมแสดง และหลายคนน่าจะได้ดูแล้ว ก็เช่น The Getaway (อเลค บอลด์วิน รับบทนำคู่ คิม บาซิงเจอร์), When a Man Loves a Woman (แอนดี การ์เซีย รับบทพ่อพระ ส่วน เม็ก ไรอัน เป็นสาวขี้เหล้า), Nobody’s Fool (หนังที่ทำให้ พอล นิวแมน ได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชาย แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับ ทอม แฮงก์ส จาก Forrest Gump) รวมถึงหนังเอฟเฟกต์เพียบที่ผู้ชมจำได้แต่พายุและ ‘วัวลอย’ เรื่อง Twister ด้วย
Boogie Nights หนังตีแผ่วงการหนังโป๊ ผลงานกำกับของ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน ซึ่งออกฉายในปี 1997 คือหนังที่สร้างจุดเปลี่ยนครั้งที่ 2 ในชีวิตนักแสดงของฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน — เขารับบทเป็น สกอตตี ชายหนุ่มน่าสมเพชที่คลั่งไคล้ เดิร์ก ดิกเลอร์ (รับบทโดย มาร์ก วอห์ลเบิร์ก) แบบโงหัวไม่ขึ้น
นับจากนั้นเป็นต้นมา ถือได้ว่าฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน ได้แจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์เป็นการถาวร เขาได้รับบทเด่นในหนังเล็กๆ แต่คุณภาพดีเยี่ยมหลายเรื่อง และเริ่มมีชื่อปรากฏในเวทีการประกวดต่างๆ หลายครั้ง
ถัดจาก Boogie Nights หนังสร้างชื่อของเขา ก็เช่น Happiness, Flawless, Magnolia, The Talented Mr. Ripley, State and Main, Almost Famous, Punch Drunk Love, Red Dragon, และอื่นๆ อีกคับคั่ง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าซีมัวร์ ฮอฟแมนจะแสดงได้สุดยอดเพียงใด ได้รับคำชื่นชมและรางวัลต่างๆ มามากแค่ไหน แต่สุดท้ายผลกลับลงเอยเหมือนอย่างเคย นั่นคือ เขายังคงเป็นนักแสดงฝีมือดี ที่ไม่มีใครจำชื่อได้สักที
การก้าวขึ้นรับบทนำเป็นครั้งแรกของฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน ใน Capote ครั้งนี้ จึงเป็น ‘วันนี้ที่รอคอย’ สำหรับกองเชียร์กลุ่มกระจ้อยและนักวิจารณ์ซึ่งติดตามผลงานของเขามาเนิ่นนาน รวมถึงผู้กำกับและนักแสดงซึ่งเคยร่วมงานกับเขาและได้ประจักษ์ถึงฝีไม้ลายมือความสามารถของเขามาก่อน
ในเรื่อง ซีมัวร์ ฮอฟแมนต้องรับบทเป็น ทรูแมน คาโพที นักเขียนซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในวงการวรรณกรรมของสหรัฐอเมริกา มรดกล้ำค่าชิ้นหนึ่งซึ่งคาโพทีทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง ก็คือ การเป็นผู้ให้กำเนิดศัพท์คำว่า non-fiction novel เพื่อใช้อธิบายงานเขียนประเภทหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาเรื่องราวอิงจากเหตุการณ์จริงเช่นเดียวกับข่าวหรือสารคดี ทว่าใช้รูปแบบการดำเนินเรื่องที่น่าติดตามแบบเดียวกับงานประเภทนิยาย
ซีมัวร์ ฮอฟแมนทำหน้าที่ของตนครั้งนี้ได้สุดยอด ในหนังเขาดูเหมือนทรูแมน คาโพทีเอามากๆ ชนิดที่คนซึ่งเคยรู้จักทรูแมน คาโพทีตัวจริงมาก่อนเห็นแล้วยังอดที่จะตะลึงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ตัวซีมัวร์ ฮอฟแมนยืนยันหนักแน่นว่า ความ ‘เหมือนจนน่าตกใจ’ ระหว่างตัวเขาในหนังกับทรูแมน คาโพทีตัวจริงนั้น ไม่ได้เกิดจากการ ‘เลียนแบบ’ “แต่ผมเริ่มต้นจากการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคาโพทีให้ได้มากที่สุด ผมดูสารคดี ฟังเทปที่เขาให้สัมภาษณ์ หาหนังสือมาอ่าน เอารูปภาพรูปถ่ายทั้งหลายมาดู นอกจากนั้นผมยังตามสัมภาษณ์ผู้คนที่เคยรู้จักคาโพทีเมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิตอยู่อีกด้วย
“นอกจากนั้น ก่อนเปิดกล้องผมยังจัดให้มีห้องห้องหนึ่งซึ่งผมเก็บรวบรวมข้อมูลของคาโพทีเท่าที่ผมหามาได้เอาไว้ทั้งหมด แล้วผมก็หมกตัวอยู่ในห้องนั้นตามลำพังวันละ 1 — 2 ชั่วโมง ผมทำอย่างนั้นเป็นประจำทุกวัน เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานถึง 4 เดือนก่อนที่หนังจะเปิดกล้อง”
จากคำอธิบายของซีมัวร์ ฮอฟแมน - การทำความรู้จักและเข้าใจตัวตนของทรูแมน คาโพทีอย่างแจ่มแจ้งถ่องแท้ ส่งผลให้เขามีอากัปกิริยาตลอดจนวิธีพูดที่เหมือนทรูแมน คาโพทีตัวจริง — โดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะเลียนแบบให้เหมือนเลยแม้แต่น้อย
พูดง่ายๆ ก็คือ ซีมัวร์ ฮอฟแมนใช้วิธีสร้างคาแรกเตอร์จากภายใจ ไม่ใช่การลอกเลียนแบบอย่างผิวเผินเฉพาะแต่เพียงรูปลักษณ์และการแสดงออกภายนอกเท่านั้น!
อย่างที่ทราบกัน — ความทุ่มเทแบบ ‘มีร้อย ให้ร้อยยี่สิบ’ ของฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมนครั้งนี้ ให้ผลลัพธ์คุ้มค่าชนิดที่แม้แต่ตัวเขาเองก็คงไม่คาดคิดมาก่อน
ณ วันนี้บททรูแมน คาโพที ในหนัง Capote ทำให้เขามีเครดิตรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมติดตัวยาวเหยียด ที่ถือว่าสำคัญมากคือ รางวัลลูกโลกทองคำ และรางวัลจากสมาคมนักแสดงแห่งอเมริกา (Screen Actors Guild of America หรือ SAG) ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผลรางวัลมักไม่ค่อยต่างจากออสการ์มากนัก
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เกจิหลากหลายสำนักจึงออกมาทำนายล่วงหน้าแบบมั่นใจสุดชีวิตทีเดียวว่า “ออสการ์นำชายปีนี้ต้องเป็นของฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมนแน่นอน! ฟันธง!”
Capote จะเข้าฉายในวันที่ 16 มีนาคมนี้
ที่โรงภาพยนตร์ house RCA เพียงแห่งเดียวเท่านั้น!
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--