กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
บิ๊กซีเดินหน้ารุกสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ Only@Big C ไตรมาสสุดท้าย ชวนลูกค้า “แต่งตามสไตล์ที่เป็นคุณกับราคาที่ประหยัดกว่า” เริ่มต้นที่ 49 บาท พร้อมจัดแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นรับลมหนาว คาดสิ้นปียอดขายโตตามเป้า
นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทจะรุกตลาดสินค้าเสื้อผ้ามากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 10% โดยจะ หันมาเน้นกลยุทธ์ด้านราคาของสินค้าเสื้อผ้าให้มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ของบิ๊กซี Only@Big C ภายใต้แนวคิด “แต่งตามสไตล์ที่เป็นคุณกับราคาที่ประหยัดกว่า” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคที่มีค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ซึ่งที่ผ่านมา บิ๊กซีมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ Only@Big C ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง ผ่านการจัดแฟชั่นโชว์นำเสนอคอลเลคชั่นฤดร้อนและฤดูหนาวปีละ 2 ครั้ง รวมถึงการจัดทำแคตตาล็อคคอลเล็คชั่นใหม่ๆ แจกลูกค้าในทุกซีซั่น ทำให้ผลการตอบรับดีขึ้นและเป็นที่จดจําของลูกค้าและสร้างฐานลูกค้าได้ ส่วนหนึ่ง
“กลยุทธ์ด้านราคาภายใต้แนวคิด “แต่งตามสไตล์ที่เป็นคุณกับราคาที่ประหยัดกว่า” จะเป็นการบุกตลาดโดยตรงและตอกย้ำภาพลักษณ์ของบิ๊กซีในฐานะผู้นำด้านราคา คาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายของสินค้า Only@Big C ทั้งของผู้หญิง ผู้ชายและเด็ก ซึ่งจะทำให้สัดส่วนยอดขายของ Only@Big C เพิ่มขึ้นกว่า 20%
สำหรับราคาสินค้าเสื้อผ้าเฮ้าส์แบรนด์ของ Only@Big C จะเริ่มต้นที่ 49 บาทจนถึง 399 บาท เช่น กางเกงขาสั้น 49 บาท เสื้อ T- shirt ราคา 59 บาท เสื้อแขนสั้น ราคา 199 บาท กางเกงยีนส์ ราคา 229 บาท และแจ๊คเก็ต/สเว้ตเตอร์ ราคา 359 บาท เป็นต้น
สำหรับสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า Only@Big C ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่มีดีไซน์และคุณภาพ ครอบคลุมตั้งแต่เด็กเล็กจนถึง ผู้ใหญ่ ประกอบด้วย โมดา บิมบิ สำหรับเด็กอ่อน ดอนโดลิโอ สำหรับเด็กผู้ชาย เอมิลี่ สำหรับเด็กผู้หญิง เอฟเอฟดับบลิวดี สำหรับเสื้อผ้าวัยรุ่นชายสไตล์ลำลอง ซีโซน เสื้อผ้าสตรีวัยรุ่น เน้นแฟชั่นสีสันสดใส ดีไลน์ เสื้อผ้าสตรีใส่ทํางานแบบกึ่งลําลอง เดอะโคฟ เสื้อผ้าแฟชั่นยีนส์ สไตล์ทะมัดทะแมง เท่ๆ เหมาะกับทั้งหญิงและชายทุกวัย
ปัจจุบันแบรนด์ในกลุ่ม Only@Big C ที่มียอดขายสูงสุดคือ เดอะโคฟ ซีโซน และเอฟเอฟดับบลิวดี ทั้งนี้เพราะเดอะโคฟเป็นสินค้าที่เหมาะสำหรับทุกวัย กลุ่มลูกค้าบิ๊กซีซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัวสามารถหาซื้อได้ทั้งครอบครัว ขณะที่ ซีโซน และเอฟ เอฟ ดับบลิว ดี เป็นแบรนด์สำหรับวัยรุ่น ซึ่งจะมีความถี่ในการซื้อสินค้ามากกว่า เพราะตามเทรนด์แฟชั่น
“การที่บริษัทไม่ได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายในสถานการณ์ที่มีความผันผวนและไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบัน เพราะที่ผ่านมาเราสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นั่นเป็นเพราะบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดมาโดยตลอดเพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยบริษัทจะจัดหาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า มีการทำสำรวจและทดลองตลาด อีกทั้งมีทีมออกแบบที่แข็งแกร่งของบิ๊กซี ความหลากหลายของแบบและดีไซน์ รวมถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐานและมีการตัดเย็บที่ดี มีราคาถูกเมื่อเทียบกับสินค้าของคู่แข่ง ทำให้เราคาดว่าจากการรุกตลาดอย่างจริงจังนี้ จะทำให้เราสามารถทำยอดขายได้ตามเป้า” นางสาวจริยากล่าวในตอนท้าย
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ: BIGC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบซูเปอร์เซ็นเตอร์ ชื่อ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่หลากหลายในราคาสมเหตุสมผล ภายใต้สโลแกน “เราให้คุณมากกว่าคำว่าถูก” เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการจำนวน 63 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.bigc.co.th
รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ:
สุภาภรณ์ หรือ สาธิดา
อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
โทร. 0 2252 987