กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2552 ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมองว่า ไทยจะเผชิญหน้ากับความท้าทายที่หนักหน่วงทั้งสองด้าน คือจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ
หลังเกิดภาวะวิกฤตทางการเงินในสหรัฐฯ มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะต่ำลงทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียปรากฎชัดเจนมากขึ้น ปริมาณการค้าโลกจะมีแนวโน้มลดลงในอนาคต ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในโลกตะวันตกมีแนวโน้มจะแผ่ขยายผลมายังภูมิภาคเอเชียโดยผ่านภาคส่งออกที่ชะลอตัวลง ท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจดังกล่าว สิ่งที่ต้องให้ความสนใจอย่างจริงจังคือความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากที่ผ่านมาการเติบโตของไทยมีการพึ่งพิงภาคการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนหลักมากขึ้นเรื่อยๆ
ธนาคารมองว่าภาวะวิกฤตทางการเงินโลกในครั้งนี้ อาจมีผลกระทบในทางลบต่อทั้งภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย และส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลมากขึ้นในอนาคต ถึงแม้ว่าตลาดการส่งออกของไทยกระจายตัวค่อนข้างดี โดยมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นรวมกันประมาณ 1 ใน 3 ของยอดรวมทั้งหมดของประเทศ แต่หากรวมตลาดหลักอื่นๆในภูมิภาค ได้แก่ อาเซียน จีน และฮ่องกง รวมกันแล้วมีมูลค่ามากกว่า 2 ใน 3 ของยอดส่งออกรวมของประเทศ ดังนั้นหากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวไปพร้อมๆ กัน ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกและการเจริญเติบโตของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ วิกฤตทางการเงินโลกยังอาจส่งกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยให้ลดลงด้วย ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมผลกระทบที่เกิจจากความไม่สงบทางการเมืองในช่วงก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ สถานการณ์ทางการเมืองยังคงส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ภายในประเทศ สถานการณ์การเมืองที่ยังขาดเสถียรภาพ ทำให้ความเชื่อมั่นภายในประเทศทั้งจากนักลงทุนและผู้บริโภคจะยังคงอ่อนแอและเปราะบางต่อไป ขณะเดียวกัน ความคืบหน้าของโครงการลงทุนสาธารณูปโภคขนาดใหญ่อาจจะล่าช้าเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งหมดนี้แล้ว ธนาคารคาดว่า อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีของไทยจะเติบโตต่ำลงจากที่ประมาณการไว้ที่ 4.7% ในปี 2551 มาอยู่ที่ 3.9% ในปี 2552 ในเวลาเดียวกัน ธนาคารเชื่อว่า ภาวะเงินเฟ้อของไทยจะคลายตัวลงอย่างมาก จากอัตราเฉลี่ยที่ 6.4% ในปี 2551 มาอยู่ที่อัตราเฉลี่ย 2.5% ในปี 2552 ภาวะเงินเฟ้อที่คลายตัวลงนี้น่าจะเอื้อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้เพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบนี้น่าจะได้เห็นในในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 โดยปรับลดดอกเบี้ยสองครั้ง ๆ ละ 25bps (หรือ 0.25%) ตามด้วยอีก 25bps (หรือ 0.25%) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 ซึ่งจะส่งผลให้อัตรานโยบายลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.0% แต่ถ้าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงเร็วและมากกว่าที่คาด ก็อาจได้เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เร็วขึ้น
ในส่วนทิศทางค่าเงินบาท ธนาคารเชื่อว่า แนวโน้มภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ต่อเนื่องในอนาคต ประกอบกับเงินลงทุนที่ยังไหลออกอย่างต่อเนื่องจะมีผลกดดันต่อค่าเงินบาท ซึ่งคาดว่าจะอ่อนตัวลงไปอยู่ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงปลายปี 2551 และไปที่ 36 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงกลางปี 2552
ข้อมูลธนาคาร:
กลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
กลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนและตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และจัดอันดับอยู่ในลำดับที่ 25 ตามมูลค่าตลาดใน FTSE-100 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เปิดดำเนินการมากกว่า 150 ปี ในตลาดสำคัญๆ และเกิดใหม่ทั่วโลก เป็นผู้นำในตลาดเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง รายได้และจำนวนพนักงงานของกลุ่มในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัว ทั้งจากการเติบโตภายในของกิจการเองและทางการเข้าควบรวมกิจการ
กลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีเจตจำนงที่จะเป็นธนาคารระหว่างประเทศที่ดีที่สุดในตลาด โดยเน้นที่จะเป็นคู่คิดมิตรแท้ (The Right Partner) สำหรับคู่ค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝาย ปัจจุบันกลุ่มธนาคารมีพนักงานรวมกว่า 73,000 คน จากประมาณ 115 สัญชาติ สาขาราว 1,700 แห่งในกว่า 70 ประเทศ รายได้กว่าร้อยละ 90 ของกลุ่มมาจากธุรกิจในแถบเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง โดยการกระจายตัวของรายได้มาจากกลุ่มสถาบันธนกิจ และบุคคลธนกิจ
กลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และเป็นที่ไว้วางใจทั่วโลกในมาตรฐานระดับสูงของกลุ่ม ทั้งด้านบรรษัทภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายของบุคลากร
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) นำเสนอนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และบริการ โดยสายงานบุคคลธนกิจให้บริการด้านบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ บริการรับฝากเงิน บริการด้านการบริหารสินทรัพย์ให้แก่ลูกค้ารายบุคคล ลูกค้าเจ้าของธุรกิจรายย่อยและกลาง ส่วนสายงานสถาบันธนกิจ ให้บริการลูกค้าสถาบันและบริษัทในด้านต่างๆ เช่น สินเชื่อพาณิชย์ การบริหารเงินสด การให้กู้ บริการด้านหลักทรัพย์ บริการด้านเงินตราต่างประเทศ บริการด้านการกู้ยืมในตลาดทุนและบริการด้านเงินกู้สำหรับธุรกิจ
เว็บไซต์กลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด www.standardchartered.com
เว็บไซต์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) www.standardchartred.co.th
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
สุพัตรา เวชศาสตร์ แผนกองค์กรสัมพันธ์
โทร: 02 724 8022 แฟกซ์: 02 724 8018
supattra.wetchasart@standardchartered.com