กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--โฟร์ฮันเดรท
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประสบความสำเร็จในการทำ “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50” ที่สามารถปลูกป่าถาวรได้ทั้งหมดกว่า 5 ล้านไร่ ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2535 ที่ทรงให้หามาตรการหยุดยั้งการทำลายป่า และเร่งฟื้นฟูสภาพต้นน้ำลำธาร โดยทรงโปรดให้พิจารณาปัญหาการขาดแคลนน้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของชาติที่จะต้องเร่งแก้ไขโดยด่วนที่สุด รัฐบาลจึงได้จัดทำ “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50” เพื่อรักษาฝืนป่า และอนุรักษ์ต้นน้ำ ให้อยู่ชั่วลูกชั่วหลาน
ดังนั้นรัฐบาลจึงได้จัดทำโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50 ขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2537 กำหนดให้ดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 — 2539 มีเป้าหมายให้ปลูกป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่เสื่อมโทรม 5 ล้านไร่ รวมทั้งพื้นที่นอกเขตป่าอนุรักษ์ ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่สองข้างทางหลวง พื้นที่สองฝั่งแม่น้ำลำคลอง พื้นที่ในบริเวณสถานที่ราชการ ในบริเวณวัดวาอาราม
นายไพศาล กุวลัยรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50 เป็นโครงการเพิ่มฐานทรัพยากรป่าไม้ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ สามารถช่วยให้สภาพของป่าไม้มีปริมาณและ มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถช่วยรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพให้กับระบบนิเวศทั้งในดิน และเหนือพื้นดิน และยังเป็นการคืนผืนป่าให้แผ่นดิน เพื่อสนองแนวพระราชดำริด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งในวันนี้โครงการฯ ก็ได้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยสามารถปลูกป่าในเขตอนุรักษ์ได้ทั้งหมด 5,116,732.16 ไร่ และ การปลูกป่านอกเขตอนุรักษ์ สามารถปลูกป่าสองข้างทางได้ระยะทาง 83,264.55 กิโลเมตร ปลูกป่าในพื้นที่ สาธารณประโยชน์ 173,381.24 ไร่ ปลูกป่าในสถานที่ราชการ วัด โรงเรียน 1,142,407.76 ไร่ ปลูกป่าสองฝั่งแม่น้ำลำคลองทั่วประเทศ 11,171.14 กิโลเมตร และ 98,341.17 ไร่ รวมทั้งปลูกโดยเงินกองทุน 1,044 ไร่ และ 3,860 ต้น
นายไพศาล กุวลัยรัตน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันพื้นที่ป่าของโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ อยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมีหน่วยงานภาคสนาม คือ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั่วประเทศ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในระดับพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ปลูกป่าของโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ จะครอบคลุมพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขตวนอุทยาน เขตป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ เมื่อเสร็จสิ้นโครงการฯ แล้วจะนำพื้นที่ป่าน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้นจะส่งคืนพื้นที่ปลูกป่าทั้งหมดให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่โดยตรงรับไปดูแลต่อไป
โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นโครงการหนึ่งที่สร้างพื้นที่ป่าให้เพิ่มขึ้น จึงสามารถกล่าวได้ว่า โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นด้านอุทกภัย ไฟป่า และปัญหาภัยแล้งได้ทั้งหมด มิใช่เฉพาะในพื้นที่ของโครงการฯ จำนวน 5 ล้านไร่เท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลครอบคลุมไปถึงพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ที่ราบลุ่มการเกษตร ชุมชนที่อยู่อาศัยทั้งชุมชนเมืองและชนบท ตลอดจนที่สาธารณะอื่นๆ ทั่วประเทศ เมื่อมีป่าเพิ่มขึ้นย่อมมีสัตว์ป่ามาอาศัยมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาแผงม้า จังหวัดนครราชสีมา สภาพพื้นที่เดิมก่อนที่จะทำการปลูกป่าตาม โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ นั้น มีสภาพค่อนข้างจะเสื่อมโทรม มีต้นไม้ใหญ่จำนวนน้อย ไม่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ แต่เมื่อมีการปลูกป่าและเวลาผ่านไป พื้นที่ป่าบริเวณนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลง มีจำนวนต้นไม้เพิ่มมากขึ้น สภาพของป่ามีความอุดมสมบูรณ์และมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น ทำให้มีสัตว์ป่ากลับเข้ามาอาศัยในพื้นที่นี้อีกครั้ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท โฟร์ฮันเดรท จำกัด
คุณสิทธิกร เสงี่ยมโปร่ง (คุณแป๋ง) โทร. 081-913-1291
คุณจิรสุดา จิตราภรณ์ (น้องไก่) โทร. 089-770-6113 หรือ 02-362-4123-4