กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์
ทียูเอฟ ประกาศเข้าลงทุนในบริษัท อะแวนติ ฟีด จำกัด (Aventi Feeds Limited) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารกุ้งรายใหญ่เป็นอับดับ 2 ของประเทศอินเดีย เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมกุ้ง พร้อมกับขยายฐานการตลาดอาหารทะเล โดยใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของไทย เปิดเผยถึง การลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท อะแวนติ ฟีด จำกัด ว่า ทียูเอฟจะเข้าถือครองหุ้นสามัญของบริษัท อะแวนติ ฟีด จำกัด จำนวน 1,190,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 14.99% ของจำนวนหุ้นที่ถือทั้งหมด โดยบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นในมูลค่าหุ้นละ 40 รูปี คิดเป็นมูลค่าเงินลงประมาณ 40 ล้านบาท
สำหรับบริษัท อแวนติ ฟีด จำกัด นั้น เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารกุ้ง และกุ้งแช่แข็ง โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตอาหารกุ้งรายใหญ่ เป็นอันดับ 2 ของประเทศอินเดีย และเป็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ ประเทศอินเดีย
และเหตุผลของการเข้าลงทุนในครั้งนี้ นายธีรพงศ์ ชี้แจงว่า บริษัทเป็นพันธมิตรทางการค้ากับ อะแวนติ ฟีด มาเป็นเวลานานแล้ว โดยผ่านทางบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำ ประเภทอาหารกุ้งและอาหารปลา และเป็นบริษัทย่อยของทียูเอฟ โดยไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีทางด้านการผลิตอาหารกุ้งกุลาดำให้กับอะแวนติ ฟีด เนื่องจากเดิมนั้น รัฐบาลอินเดียอนุญาตให้ผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งกุลาดำได้เพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเร็วนี้ๆ รัฐบาลอินเดียมีนโยบายที่จะอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถเลี้ยงกุ้งขาวได้ ซึ่งจากจุดนี้เอง ทียูเอฟมองว่า โอกาสที่กุ้งขาวจะเป็นที่ยอมรับและเติบโตในอินเดียเหมือนอย่างประเทศอื่นๆ ที่หันมาเลี้ยงกุ้งขาวแทนกุ้งกุลาดำนั้น มีความเป็นไปได้สูง และไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์เองก็มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในเทคโนโลยีการผลิตอาหารกุ้งขาวด้วยเช่นกัน ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจอุตสาหกรรมกุ้งให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็มองโอกาสสำหรับการขยายช่องทางการตลาดของสินค้าอาหารทะเลแช่แข็ง และบรรจุกระป๋องอีกด้วย
ตลาดอินเดีย เป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ และเป็นตลาดที่มีอนาคตสดใส เพราะการบริโภคอาหารของคนอินเดียมีลักษณะใกล้เคียงกับสินค้าที่เราขายอยู่ ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากนักที่ชาวอินเดียจะยอมรับสินค้าประเภทอาหารกระป๋อง อย่างเช่น ปลาทูน่ากระป๋อง ได้
“สำหรับธุรกิจผลิตอาหารกุ้งนั้น เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างมากกับทียูเอฟ เพราะที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากผลการดำเนินงานของ บริษัทไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 บริษัทสามารถทำกำไรสูงถึง 120% และมียอดขายเติบโตขึ้น 5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 แม้ว่าจะต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น อาทิ ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ และค่าขนส่ง เป็นต้น อย่างไรก็ดีจากการเข้าลงทุนในครั้งนี้ บริษัทมีความเชื่อมั่นว่า จะได้รับผลตอบแทนกลับมาในอัตราที่น่าพอใจให้กับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะความรู้และเทคนิคการผลิตอาหารกุ้งของ ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จะเอื้อประโยชน์ให้อะแวนติ ฟีดมีโอกาสที่จะเติบโต และสร้างผลกำไรให้มากขึ้น ขณะที่ทียูเอฟเอง ก็จะนำประโยชน์ในเรื่องการเป็นเจ้าของตลาดของ อะแวนติ ฟีด มาขยายฐานการผลิตและตลาดสำหรับสินค้าอาหารกุ้ง และขยายต่อเนื่องถึงสินค้าอาหารทะเลในประเทศอินเดีย” นายธีรพงศ์กล่าวสรุป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
แผนกสื่อสารองค์กร
บมจ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์
โทร. 02- 298-0024 ต่อ 675-678