กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
PYLON คว้างานรับเหมาฐานรากเข้ามาเพิ่มอีก 7 โครงการมูลค่ารวม 168 ลบ. พร้อมรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด ผู้บริหารเผยช่วยหนุน Backlog ในมือเพิ่มขึ้นทะลุ 210 ลบ.อีกครั้ง ขณะไตรมาสสุดท้ายของปีเตรียมเข้าร่วมประมูลงานอีกมูลค่ากว่า 400-500 ลบ. ประเมินจะได้รับงานไม่น้อยกว่า 20-25% มั่นใจปีนี้รายได้ทะลุเป้า 500-550 ลบ.แน่ ส่วนปีหน้าเล็งเข้าร่วมประมูลงานรถไฟฟฟ้าสายสีม่วงจากผู้รับงานประมูลหลัก เชื่อส่งผลดีให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ได้
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) PYLON เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้รับการยืนยันการจ้างงานตามโครงการต่างๆ เพิ่มเติมจำนวนทั้งสิ้น 7 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงิน 168 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ได้แก่โครงการ เมโทร อเวนิว รัชโยธิน เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับอาคาร ของ บมจ. เมโทร สตาร์ พร๊อพเพอร์ตี้ ระยะเวลาก่อสร้าง 75 วัน นับจากวันที่เริ่มเจาะเสาเข็มต้นแรก โครงการ Four Points by Sheraton Bangkok Sathorn เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ของ บจ. ฮิบ เฮง คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) ระยะเวลาก่อสร้าง 60 วัน นับจากวันที่เริ่มเจาะเสาเข็มต้นแรก โครงการ อพาร์ทเม้นท์ สูง 26 ชั้น ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ของ บจ. แคปปิตอล เรสซิเด้นท์ ระยะเวลาก่อสร้าง 45 วัน นับจากวันที่เริ่มเจาะเสาเข็มต้นแรก
โครงการ สุพรีม เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ของ บจ. สุพรีม สามเสน ระยะเวลาก่อสร้าง 113 วัน นับจากวันที่ส่งมอบพื้นที่ โครงการ เดอะ เซอร์เคิล เป็นเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ของ บจ. เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้ ระยะเวลาก่อสร้าง 40 วัน นับจากวันที่เริ่มเจาะเสาเข็มต้นแรก โครงการ Ethane Separation Plant & 6th Gas Separation Plant เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับโรงงานของ บจ. บาลานซ์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ระยะเวลาก่อสร้าง 36 วัน นับจากวันที่ส่งมอบพื้นที่ และ โครงการ MTP - 156 MCB Distillation เป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับโรงงาน ของ บจ. บายเออร์ ไทย ระยะเวลาก่อสร้าง 7 วัน นับจากวันที่เริ่มเจาะเสาเข็มต้นแรก โดยโครงการทั้งหมด จะรับรู้รายได้ในปี 2551
นายบดินทร์กล่าวอีกว่า หลังจากบริษัทฯ ได้รับงานชุดดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมี Backlog ในมือรอรับรู้เป็นรายจำนวน 210 ลบ. นอกจากนั้น ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเข้าประมูลโครงการภาครัฐและเอกชนอีกมูลค่ามากกว่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานไม่น้อยกว่า 20-25% ของงานที่เข้าร่วมประมูล และหากได้รับงานในโครงการจะกล่าว จะทยอยรับรู้รายได้ทันทีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551
"ถึงแม้ว่าปีนี้จะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจของอเมริกา และปัญหาการเมืองในประเทศเข้ามากระทบ จนทำให้งานเข้าสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้โครงการภาครัฐออกมาน้อย และส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของภาคเอกชน นอกจากนั้น ยังส่งผลต่อเนื่องทำให้เกิดภาวะการแข่งขันสูง แต่ยังมั่นใจว่าผลประกอบการ
ของบริษัทฯ จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมามาก เนื่องจากได้บริหารงานอย่างระมัดระวัง ทำให้ในสามไตรมาสที่ผ่านมา PYLON ได้รับผลกระทบจากปัจจัยข้างต้นไม่มากนัก โดยในปีนี้คาดว่ารายได้จะทะลุเป้าหมายที่ระดับ 500-550 ล้านบาทได้แน่นอน ในขณะเดียวกันบริษัทฯ จะพยายามบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตลาดจะมีการแข่งขันด้านราคาเพิ่มมากขึ้น "
นายบดินทร์กล่าวต่อถึงแนวโน้มธุรกิจในปีหน้าว่า เชื่อว่าสภาพการแข่งขันที่สูง น่าจะลดลง เมื่อการเมืองเริ่มคลี่คลาย และโครงการรถไฟฟ้าเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปีหน้า อาทิ โครงการสายสีม่วง ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทฯอย่างชัดเจน เนื่องจากมีความพร้อมในการรับงานในโครงการขนาดใหญ่เป็นอย่างดี ทั้งด้านกระแสเงินสด ประสบการณ์ในโครงการขนาดใหญ่ รวมทั้ง เครื่องมือและบุคลากรที่มีอยู่อย่างครบครัน ซึ่งในปีหน้านี้ PYLON พร้อมจะเข้าร่วมงานกับผู้รับเหมาหลักในส่วนของงานฐานรากในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายอื่นๆ
นอกจากนั้น จะมุ่งขยายกลุ่มลูกค้า โดยจะเน้นเจาะกลุ่มผู้รับเหมาหลักที่ยังไม่เคยใช้บริการของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนงานภาคเอกชนจะยังคงเน้นตลาดคอนโดมิเนียมซึ่งน่าจะได้รับผลบวกจากโครงการรถไฟฟ้าที่จะเริ่มก่อสร้างได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเป็นผลดีเพราะจะมีรายได้เข้ามาทั้งทางภาครัฐและเอกชน หลังจากในปีนี้งานส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นงานภาคเอกชนเป็นหลัก
ข้อมูล บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) PYLON
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) PYLON ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากซึ่งแบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก คือ งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile) เป็นเสาเข็มที่นิยมใช้กับการก่อสร้างฐานรากของโครงสร้างขนาดใหญ่ และโครงสร้างอาคารในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด
งานปรับปรุงคุณภาพดิน (Ground Improvement) เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับโครงสร้างของดินเดิม ทำให้ดินมีกำลังรับน้ำหนักมากขึ้นและป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน โดยบริษัทมีการให้บริการโดยวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง (Jet Grouting) ที่ความดันประมาณ 200 ถึง 400 บาร์ งานก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม (Diaphragm Wall) เพื่อใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักและป้องกันการเคลื่อนตัวของดินทางด้านข้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเป็นโครงสร้างของชั้นจอดรถใต้ดิน กำแพงอาคารผู้โดยสารสำหรับระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และอุโมงค์ลอดทางแยก เป็นต้น
งานก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนคอนกรีตหล่อสำเร็จรูป (Prefabricated Concrete System) เป็นการก่อสร้างโดยการหล่อชิ้นส่วนโครงสร้างคอนกรีตในส่วนต่างๆ เช่น เสา คาน พื้น ผนัง ขึ้นมาก่อน แล้วจึงนำไปติดตั้ง ณ บริเวณที่ก่อสร้างจริง ทำให้สามารถก่อสร้างได้เร็วกว่า รวมทั้งยังสามารถควบคุมคุณภาพให้เป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานทางวิศวกรรมได้ดีกว่า
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ : จุฬารัตน์ เจริญภักดี (ฟ้า) 02-5549395 , 089-4888337