กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
โครงการโคคา-โคลา อนุรักษ์ชายฝั่งสากล ประจำปี 2551 เป็นกิจกรรมที่เกิดจากการรวมตัวของอาสาสมัครที่มีจิตสาธารณะ และการร่วมมือร่วมใจขององค์กรต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกันใน 34 ประเทศทั่วโลก โดยมีมูลนิธิโคคา-โคลา ให้การสนับสนุนด้วยเงินมูลค่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อคืนความสมดุลให้กับทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง สำหรับปีนี้ ในไทยได้เลือกชายหาดสวยงาม 2 แห่ง ซึ่งได้แก่ บริเวณชายหาดอ่าวนาง จ.กระบี่ และชายหาดพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อทำกิจกรรมกำจัดขยะทั้งบนบกและในท้องทะเล โดยมีกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา (ประเทศไทย) นำโดย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด, บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำ ซึ่งผลของการร่วมแรงร่วมใจอย่างแข็งขันของอาสาสมัคร 2,100 คน ทั้งที่อ่าวนาง จ.กระบี่ และที่พัทยา จ.ชลบุรี สามารถบันทึกข้อมูลขยะที่รวบรวมได้มากถึง 3,658 กิโลกรัม หรือเกือบ 4 ตัน ทีเดียว
โครงการ โคคา-โคลา อนุรักษ์ชายฝั่งสากล ประจำปี 2551 ในไทย ได้เลือกชายหาดพัทยา เป็นหนึ่งในสถานที่ในการจัดกิจกรรมทำความสะอาดชายหาดในประเทศไทย ซึ่งโครงการฯ นี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของ โครงการทำความสะอาดเมืองพัทยา (Cleanup Pattaya) โดยได้รับเกียรติจาก ดร.มณทิพย์ ศรีรัตนา ทาบูกานอน อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิด และได้เล่าถึงสถานการณ์ปัญหาของคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งให้ฟังว่า “ปัจจุบันปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคเอเชียทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงอย่างมาก จากสถิติพบว่า ทั่วโลกมีขยะที่ถูกทิ้งลงในทะเลปริมาณมากถึงปีละ 6.4 ล้านตัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นกทะเลและสัตว์ทะเลหายาก เช่น โลมาตายมากกว่าปีละ 1 แสนตัว เนื่องจากความเข้าใจผิดว่าขยะเหล่านี้เป็นอาหาร ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะได้รับการเยียวยาให้ดีขึ้น ต้องอาศัยแผนการจัดการที่ดี และหัวใจสำคัญคือการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการบริหารจัดการขยะ โดยเฉพาะชุมชนบริเวณชายฝั่ง มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและกำหนดมาตรการต่างๆ ไม่ให้เป็นปัญหาต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง”
ด้าน นายวีระ อัครพุทธิพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ องค์กรสัมพันธ์ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ซึ่งได้นำอาสาสมัครโคคา-โคลาที่มีจิตอาสาเกือบ 500 ชีวิตเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวว่า “กิจกรรมโคคา-โคลา อนุรักษ์ชายฝั่งสากล จะบรรลุวัตถุประสงค์ได้ ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน นักท่องเที่ยว องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ต้องเข้ามาขยายผลและกระทำอย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากจะได้อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลร่วมกันแล้ว ยังได้ช่วยประเทศชาติทางอ้อมในการทำให้แหล่งท่องเที่ยวติดอันดับในประเทศไทยอย่างพัทยา ที่เป็นศูนย์กลาง (Hub) เมืองหนึ่งด้านการท่องเที่ยว มีชายหาดที่สะอาด สวยงาม นักท่องเที่ยวเพิ่มปริมาณมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการไหลเวียนด้านเงินตราเข้าสู่ประเทศ และประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งธุรกิจการท่องเที่ยวนั้น ยังคงเป็นรายได้หลักที่สำคัญของประเทศไทย”
จากสถิติที่ได้รับการบันทึกไว้สำหรับปีนี้ ปรากฏว่า อาสาสมัครบริเวณชายหาดพัทยาพันกว่าคน สามารถเก็บขยะได้ทั้งสิ้น 880 กิโลกรัม และอีก 1,558 กิโลกรัม เก็บได้จากในท้องทะเล และสำหรับที่อ่าวนาง น้ำหนักของบนบกและท้องทะเลรวมกันนับได้ 1,220 กิโลกรัม รวมแล้วปีนี้ อาสาสมัครใน โครงการโคคา-โคลา อนุรักษ์ชายฝั่งสากล ประจำปี 2551 ในไทย สามารถช่วยลดปริมาณขยะทั้งที่ชายหาดและในท้องทะเลได้มากถึง 3,658 กิโลกรัม ซึ่งกิจกรรมนี้ ทางมูลนิธิโคคา-โคลา ได้สนับสนุนให้ทุกประเทศเกิดจิตสำนึกที่ดีและร่วมผนึกใจกัน เพื่อคืนสมดุลระหว่างทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพยากรสำคัญของโลกที่มีความสำคัญต่อทุกชีวิต เพราะต้องพึ่งพาอาศัย “น้ำ” ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย
หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร. 02-434-8300, 02-434-8547 คุณสุจินดา, คุณแสงนภา, คุณอนุศักดิ์