กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--ปตท.
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทั้งตลาดหุ้น Dow Jones ปิดตัวลดลง 6% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และต่อการจ้างงาน รวมถึงปัญหาการขาดสภาพคล่อง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 13 เดือน ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัว ล่าสุดวันนี้ (8 ต.ค. 51) ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 77.85 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันสำเร็จรูปดีเซลในตลาดสิงคโปร์อยู่ที่ 95.16 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ปตท. จึงสามารถพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลทุกชนิดลงให้ผู้บริโภคได้ทันทีอีก 60 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันของ ปตท.ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (9 ต.ค. 51) เป็นต้นไป เป็นดังนี้ หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที E 85 พลัส 18.29
น้ำมันเบนซิน พีทีที E 20 พลัส 25.59
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95 26.89
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91 26.09
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 33.79
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที B5 พลัส 27.44
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ 28.14
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา (รวมครั้งนี้) ปตท. ได้ลดราคาน้ำมันขายปลีกลงให้ผู้บริโภคติดต่อกัน 4 ครั้ง (วันที่ 1, 5, 7 และ 9 ต.ค.51) และนับเป็นครั้งที่ 24 แล้ว (นับตั้งแต่ ก.ค. 51 เป็นต้นมา) รวมลดราคาลงถึง 12.30 -16.10 บาท/ลิตร (กลุ่มเบนซินลดลง 12.30 บาท/ลิตร กลุ่มดีเซลลดลง 16.10 บาท/ลิตร ) ซึ่ง ปตท. ได้ถือปฏิบัติตามนโยบายที่ตั้งไว้มาโดยตลอด กล่าวคือพร้อมปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกให้ผู้บริโภคทันทีที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง และชะลอการปรับราคาขึ้นเป็นรายสุดท้ายเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ขอให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการใช้จ่ายโดยรวมและช่วยประหยัดการใช้พลังงานให้มากที่สุดเช่นกัน