รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า วันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 เวลา 18.00 น.

ข่าวทั่วไป Friday November 10, 2006 11:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--ปภ.
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม — 9 พฤศจิกายน 2549)
1.1 ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่
1.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 47 จังหวัด 390 อำเภอ 32 กิ่งอำเภอ 2,648 ตำบล 16,085 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4,296,017 คน 1,217,693 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร
1.3 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 248 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 44 คน พิจิตร 27 คน สิงห์บุรี 19 คน อ่างทอง 25 คน สุโขทัย 14 คน พิษณุโลก 12 คน นครสวรรค์ 15 คน ปราจีนบุรี 12 คน ชัยภูมิ 10 คน ยโสธร 9 คน ชัยนาท 8 คน เชียงใหม่ 7 คน อุทัยธานี 7 คน ปทุมธานี 6 คน สุพรรณบุรี 11 คน แม่ฮ่องสอน 3 คน ลำปาง 3 คน จันทบุรี 3 คน ลพบุรี 4 คน ร้อยเอ็ด 3 คน กรุงเทพมหานคร 2 คน เพชรบูรณ์ 1 คน พังงา 1 คน และศรีสะเกษ 2 คน (จากเดิม 227 คน เป็น 248 คน เพิ่มขึ้น 21 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 54 หลัง เสียหายบางส่วน 12,015 หลัง ถนน 7,375 สาย สะพาน 490 แห่ง ท่อระบายน้ำ 428 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 561 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตร 3,773,702 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 44,276 บ่อ วัด/โรงเรียน 1,335 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 6,432,561,892 บาท
2. พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 32 จังหวัด
3. ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม และกรุงเทพมหานคร จำนวน 66 อำเภอ 13 เขต ราษฎรเดือดร้อน 1,180,806 คน 378,389 ครัวเรือน แยกเป็น
3.1 จังหวัดพิษณุโลก ในพื้นที่ 1 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ (3 ตำบล คือ ตำบลบางระกำ ปลักแรด และท่านางงาม) ระดับน้ำสูง 0.20-0.30 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
ทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง แจกจ่ายเครื่องอุปโภค-บริโภค จำนวน 30,305 ชุด
3.2 จังหวัดพิจิตร ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (5 ตำบล) อำเภอวชิรบารมี (2 ตำบล) อำเภอสามง่าม (1 ตำบล) อำเภอโพธิ์ประทับช้าง (4 ตำบล) อำเภอโพทะเล (8 ตำบล) และอำเภอบางมูลนาก (3 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.40 ม. และน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่การเกษตรเน่าเสีย ซึ่งทางราชการได้นำสารชีวภาพ (EM) มาทำให้น้ำอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดพิจิตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมอบถุงยังชีพ 97,621 ชุด ข้าวกล่อง 300,048 กล่อง น้ำดื่ม 104,824 ลิตร ยารักษาโรค 5,924 ชุด เรือท้องแบน 13 ลำ เครื่องสูบน้ำ 34 เครื่อง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.3 จังหวัดนครสวรรค์ ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชุมแสง (9 ตำบล) และอำเภอเก้าเลี้ยว (1 ตำบล) และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (5 ตำบล) อำเภอโกรกพระ (7 ตำบล) อำเภอพยุหะคีรี (4 ตำบล) และอำเภอท่าตะโก (3 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.25-0.40 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดนครสวรรค์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มอบถุงยังชีพ 159,582 ชุด น้ำดื่ม 65,720 โหล ยาและเวชภัณฑ์ 39,489 ชุด กระสอบทราย 20,000 ใบ เครื่องสูบน้ำ 92 เครื่อง เรือท้องแบน 72 ลำ ห้องน้ำสำเร็จรูป 87 ห้อง ถังน้ำดื่ม 8 ใบ เครื่องจักรกล 28 คัน เต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว 148 หลัง อาหารสัตว์ 184,500 กก. กำลังพลจาก มทบ.31 อส. อปพร. รวม 406 นาย ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.4 จังหวัดอุทัยธานี ในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง ของอำเภอเมืองฯ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลเกาะเทโพ ท่าซุง และสะแกกรัง ระดับน้ำสูง 0.10-0.25 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดอุทัยธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มอบกระสอบทราย 50,000 ใบ ถุงยังชีพ 26,710 ชุด เรือท้องแบน 18 ลำ เต็นท์ 200 หลัง น้ำดื่ม 90,000 ลิตร น้ำดื่ม 56,888 ขวด ชุดเวชภัณฑ์ 15,669 ชุด รวมทั้ง นพค.15 มทบ.31 อปพร. อส. สถานีวิทยุ 934 สนับสนุนกำลังพลรวม 485 นาย ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่
3.5 จังหวัดชัยนาท มีน้ำท่วมใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (2 ตำบล) อำเภอมโนรมย์ (4 ตำบล) และอำเภอสรรพยา (6 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.10-0.50 ม. ลดลงอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบถุงยังชีพ 65,496 ชุด กระสอบทราย 461,400 ใบ น้ำดื่มขนาด 1,000 ลิตร 260 ถัง น้ำดื่มชนิดขวด 2,000 ขวด น้ำประปา 6,852,000 ลิตร ชุดเวชภัณฑ์ 7,948 ชุด เต็นท์ 185 หลัง เครื่องสูบน้ำ 45 เครื่อง เรือท้องแบน 38 ลำ ส้วมชั่วคราว 157 ที่ อาหารสัตว์รวม 115,360 กก.
3.6 จังหวัดลพบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรที่ติดกับริมแม่น้ำลพบุรีของอำเภอเมืองฯ (8 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.15-0.25 ม. ลดลงอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ 93 เครื่อง เรือท้องแบน 46 ลำ รถแบ็คโฮ 2 คัน รถเกรด 4 คัน ถุงยังชีพ 16,616 ชุด รถกู้ภัย 11 คัน และกระสอบทราย 37,800 ใบ กำลังพลจากหน่วยทหาร อปพร. อส. 735 นาย ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เสริมคันดินป้องกันน้ำท่วมบริเวณริมคลองชัยนาท-ป่าสัก
3.7 จังหวัดสระบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรของอำเภอดอนพุด (4 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.50-0.90 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค 4,095 ชุด น้ำดื่ม 26,516 ขวด ยารักษาโรค 4,586 ชุด เสื้อผ้า 45 ชุด รองเท้า/ถุงมือ 545 คู่ เครื่องสูบน้ำ 34 เครื่อง เรือท้องแบน 48 ลำ ถังน้ำขนาด 1,000 ลิตร 30 ถัง เต็นท์ที่พักชั่วคราว 61 หลัง กระสอบทราย 8,272 ถุง อาหารกล่อง 1,520 ชุด พร้อมสนับสนุนน้ำมันเติมเครื่องสูบน้ำ 11,841 ลิตร สูบน้ำลงทะเลสาบบ้านหมอ
3.8 จังหวัดสิงห์บุรี ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (3 ตำบล) อำเภออินทร์บุรี (7 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.80-1.20 ม. อำเภอพรหมบุรี (7 ตำบล) อำเภอท่าช้าง (1 ตำบล) อำเภอบางระจัน (3 ตำบล) และอำเภอค่ายบางระจัน (1 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.30-0.70 ม. (ระดับน้ำลดลง)
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดสิงห์บุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย มอบถุงยังชีพ 83,741 ชุด ยารักษาโรค 22,700 ชุด รถขุด 7 คัน เรือท้องแบน 42 ลำ เครื่องสูบน้ำ 68 เครื่อง รถบรรทุก 56 คัน
3.9 จังหวัดอ่างทอง ในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย ระดับน้ำสูง 0.35-1.20 ม. ส่วนที่อำเภอแสวงหา อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอสามโก้ (4 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.35-0.90 ม. (ระดับน้ำทรงตัว)
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดอ่างทอง อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ มูลนิธิฯ องค์กรเอกชน ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดส่งรถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ 3 คัน เต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว 190 หลัง น้ำดื่ม 502,187 ขวด ถุงยังชีพ 91,577 ชุด ยาและเวชภัณฑ์ 39,950 ชุด เรือพาย/เรือกาชาด/เรือไฟเบอร์/เรือท้องแบน/เรือบริจาค 327 ลำ รถบรรทุก 31 คัน รถยนต์ Pick-up 16 คัน รถ Unimog 7 คัน เครื่องสูบน้ำ 79 เครื่อง สุขาเคลื่อนที่ 155 ห้อง แท็งค์น้ำ 2,000 ลิตร 68 ถัง
3.10 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในพื้นที่ 15 อำเภอ 3 เทศบาล ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา (14 ตำบล) อำเภอบางบาล (16 ตำบล) อำเภอบางไทร (23 ตำบล) อำเภอผักไห่ (16 ตำบล) อำเภอเสนา (15 ตำบล) อำเภอมหาราช (12 ตำบล) อำเภอนครหลวง (9 ตำบล) อำเภอบางปะหัน (16 ตำบล) อำเภอบางปะอิน (17 ตำบล) อำเภอบ้านแพรก (5 ตำบล) อำเภอภาชี (8 ตำบล) อำเภอลาดบัวหลวง (6 ตำบล) อำเภอวังน้อย (10 ตำบล) อำเภออุทัย (2 ตำบล) อำเภอบางซ้าย (6 ตำบล) เทศบาลเมืองเสนา เทศบาลเมืองอโยธยา และเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำสูง 0.20-1.30 ม. (ระดับน้ำลดลง อำเภอท่าเรือสถานการณ์คลี่คลายแล้ว)
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หน่วยทหาร อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มูลนิธิฯ องค์กรเอกชน ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 315,701 ชุด น้ำดื่ม 1,347,970 ขวด เต็นท์ 183 หลัง เรือท้องแบน 30 ลำ เรือไม้/เรือเหล็ก/เรือไฟเบอร์ 826 ลำ รถบรรทุกน้ำ 40 คัน รถแบ็คโฮ 10 คัน เครื่องสูบน้ำ 100 เครื่อง กระสอบทราย 779,790 ใบ รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน ห้องสุขาลอยน้ำ 70 ห้อง กำลังพล 4,796 คน สนับสนุนหญ้าแห้งอาหารสัตว์ 63,000 กก. ออกหน่วยเคลื่อนที่ตรวจรักษาโรคแจกจ่ายยาเวชภัณฑ์จำนวน 20,884 ชุด ตั้งโรงทานประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัย พร้อมจัดรถรับส่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประสบภัยในการเดินทางไปทำงาน
3.11 จังหวัดสุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของจังหวัด เนื่องจากน้ำที่ท่วมจังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง ไหลหลากเข้าทุ่งทำให้ท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (7 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.40-0.60 ม. อำเภอบางปลาม้า (7 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.80-1.40 ม. และอำเภอสองพี่น้อง ระดับน้ำสูง 1.00-1.90 ม. ระดับน้ำทรงตัว (สำหรับในเขตเทศบาลเมืองระดับน้ำเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว)
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 137,943 ชุด กระสอบทราย 300,000 ใบ เครื่องสูบน้ำ 35 เครื่อง เรือท้องแบน 22 ลำ พล ร.9 และศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี จัดรถบริการรับส่งประชาชนและเรือท้องแบนให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบภัย
3.12 จังหวัดนครปฐม น้ำที่ระบายจากคลองพระยาบรรลือ คลองพระพิมล คลองบางเลน ไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน (15 ตำบล) เทศบาลตำบลบางหลวง เทศบาลตำบลลำพญา เทศบาลตำบลบางภาษี และเทศบาลตำบลบางเลน ระดับน้ำสูง 1.10-1.70 ม. แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อำเภอนครชัยศรี (14 ตำบล) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.60 ม. อำเภอพุทธมณฑล (3 ตำบล) น้ำท่วมชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ ริมคลองโยง และริมคลองทวีวัฒนา และอำเภอกำแพงแสน (4 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.55-0.75 ม. เนื่องจากน้ำทะเลหนุนทำให้แม่น้ำท่าจีนระบายลงทะเลได้ช้า
การให้ความช่วยเหลือ
1) จังหวัด อำเภอ ได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น และประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ส่งเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ จากศูนย์ฯ เขต 2 สุพรรณบุรี 3 ลำ และ ศูนย์ฯ เขต 8 กำแพงเพชร 15 ลำ รวม 18 ลำ รถบรรทุก 2 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกันนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐมได้จัดถุงยังชีพ จำนวน 10,000 ชุด และน้ำดื่ม แจกจ่ายให้อำเภอต่าง ๆ ที่ประสบอุทกภัย และสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,692,134.40 บาท
3.13 จังหวัดปทุมธานี ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอสามโคก และอำเภอลาดหลุมแก้ว ระดับน้ำสูง 0.50-1.00 ม. เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจาก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับอำเภอคลองหลวง อำเภอธัญบุรี และอำเภอลำลูกกา ระดับน้ำสูง 0.20-0.50 ม. (ระดับน้ำทรงตัว)
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดปทุมธานีได้ระดมสรรพกำลังจากทุกหน่วยงานไปช่วยเสริมกระสอบทรายริมแม่น้ำ เพื่อป้องกันมิให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่เหมือนเช่นปี 2538 ที่ผ่านมา พร้อมกับมอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย 30,917 ชุด เรือท้องแบน 133 ลำ กระสอบทราย 2,360,204 ใบ เครื่องสูบน้ำ 127 เครื่อง น้ำขวด 40,000 ขวด สร้างสะพานไม้เป็นทางเดินชั่วคราว 48 แห่ง จัดรถบริการรับส่งประชาชน 4 คัน
3.14 จังหวัดนนทบุรี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้มีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำของอำเภอปากเกร็ด และอำเภอเมืองฯ ระดับน้ำสูง 0.40-0.60 ม. ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของกรมชลประทานจากทุ่งเจ้าเจ็ดผ่านคลองพระยาบรรลือ และคลองพระพิมลทำให้มีพื้นที่น้ำท่วม 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางกรวย อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางใหญ่ และอำเภอไทรน้อย ระดับน้ำสูง 0.50-1.80 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
1) จังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 154 ลำ กระสอบทราย 1,768,495 ใบ เครื่องสูบน้ำ 169 เครื่อง เรือสุขา 3 ลำ ถุงยังชีพภาครัฐและเอกชน 38,204 ชุด สร้างสะพานไม้ชั่วคราว 68 แห่ง กำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัย 1,379 นาย รวมทั้งช่วยเหลือด้านยารักษาโรค และจัดรถบริการรับส่งประชาชนและเรือท้องแบนให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบภัย
2) จังหวัดได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำคันดินกันน้ำในลำคลองสายหลักและลำคลองสาขา พร้อมประสานกรมชลประทานนำเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำ เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีน
3.15 กรุงเทพมหานคร ปริมาณน้ำท่วมขังในเขตลาดกระบัง (5 ชุมชน) และพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ นอกแนวคันกั้นน้ำมีราษฎรเดือดร้อนใน 11 เขต 33 ชุมชน 2,111 ครัวเรือน
การให้ความช่วยเหลือ
สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ได้เสริมกระสอบทรายเป็นแนวกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจากเดิมที่ทำไว้ 2.50 ม.รทก. เป็น 2.70-2.90 ม.รทก. พร้อมใช้เครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ได้จัดเตรียมกระสอบทรายเพิ่มเติม 600,000 ใบ พร้อมสร้างสะพานไม้เป็นทางเดินชั่วคราว
4. สิ่งของพระราชทาน
4.1 ในวันนี้ (9 พ.ย.49) มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยนายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการ และคณะ จากส่วนกลางเดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานแก่ผู้ประสบอุทกภัยในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ อบต.ตลาดเกรียบ อำเภอบางปะอิน จำนวน 460 ชุด ที่วัดพญาญาติ ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จำนวน 520 ชุด ที่ อบต.บางกระสั้น อำเภอบางปะอิน จำนวน 1,200 ชุด
4.2 ในวันนี้ (9 พ.ย.49) มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยนายกมล พันธุ์มีเชาวน์ ประธานฝ่ายบรรเทาทุกข์และคณะ จากส่วนกลางเดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานแก่ผู้ประสบอุทกภัยในท้องที่เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ที่ชุมชนวัดปุรณาวาส จำนวน 196 ชุด ชุมชนหลังสถานีรถไฟศาลาธรรมสพน์ จำนวน 185 ชุด ชุมชนประตูน้ำฉิมพลี จำนวน 213 ชุด ชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ จำนวน 150 ชุด
4.3 ในวันนี้ (9 พ.ย.49) สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย จัดหน่วยแพทย์พร้อมรถตรวจโรคเคลื่อนที่ไปให้บริการตรวจรักษาแก่ผู้ประสบภัย ที่อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และครัวเคลื่อนที่สภากาชาดไทยนำอาหารพร้อมรับประทาน ไปมอบให้ผู้ประสบอุทกภัยและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน จำนวน 1,750 ชุด
5. การให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย
5.1 ในวันนี้ (9 พ.ย.49) หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (นายธีรภัทร สันติเมทนีดล) และคณะได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัย ที่อำเภอไทรน้อย อำเภอบางบัวทอง และอำเภอบางใหญ่ พร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย
5.2 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้
(1) เครื่องจักรกล 155 คัน/เครื่อง เรือท้องแบน 182 ลำ รถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน เต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคราว 555 หลัง (อ่างทอง 177 หลัง พระนครศรีอยุธยา 88 หลัง สุโขทัย 20 หลัง นครสวรรค์ 50 หลัง อุตรดิตถ์ 124 หลัง น่าน 39 หลัง ชัยนาท 35 หลัง และ สิงห์บุรี 22 หลัง) พร้อมเจ้าหน้าที่ 642 คน และสนับสนุนถุงยังชีพ 79,698 ชุด ไปปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
(2) จ่ายเงินค่าจัดการศพ 174 ราย รายละ 15,000 บาท กรณีเป็นหัวหน้าครอบครัว รายละ 40,000 บาท เป็นเงิน 4,535,000 บาท (คงเหลือ 74 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ) ทั้งนี้จังหวัดที่ประสบภัยได้ใช้จ่ายเงินช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไปแล้ว 345.401 ล้านบาท
(3) จัดส่งถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ผ้าขาวม้า ผ้าถุง รองเท้ายาง ไปสนับสนุนจังหวัด ที่ประสบภัย คิดเป็นมูลค่า 41,649,800 บาท
(4) สนับสนุนขวดบรรจุน้ำดื่ม 500,000 ขวด ให้แก่จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง และจังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา สำหรับนำไปบรรจุน้ำดื่มแจกจ่ายช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภัย
5.3 กรมชลประทาน ได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยในฤดูฝนปี 2549 ทั้งประเทศแล้ว รวม 1,033 เครื่อง แยกเป็นเพื่อการเกษตร 405 เครื่อง การอุปโภค-บริโภค 13 เครื่อง และช่วยเหลืออุทกภัย 615 เครื่อง นอกจากนี้ได้ส่งเครื่องผลักดันน้ำช่วยเหลืออุทกภัยทั่วประเทศ จำนวน 39 เครื่อง แยกเป็นจังหวัดสมุทรปราการ 5 เครื่อง กรุงเทพมหานคร 12 เครื่อง สมุทรสาคร 6 เครื่อง สุพรรณบุรี 4 เครื่อง นครปฐม 2 เครื่อง พระนครศรีอยุธยา 2 เครื่อง และเพชรบุรี 4 เครื่อง
5.4 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้ประสานงานให้ นขต.ศบภ.ทบ. จัดกำลังพล 1,320 นาย รถยนต์บรรทุก 131 คัน และเรือท้องแบน 27 ลำ ให้การช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ประสบอุทกภัย
6. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 07.00 น วันที่ 8 พ.ย.49 ถึง 07.00 น วันที่ 9 พ.ย.49 วัดได้ ดังนี้
จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อ.ท่าฉาง) 120.0 มม. จังหวัดสงขลา (อ.สทิงพระ) 32.0 มม. จังหวัดพัทลุง (อ.บางแก้ว) 30.0 มม. จังหวัดสตูล (อ.ละงู) 20.4 มม.
7. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 9 พ.ย.49) โดยกรมชลประทาน
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,263 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 199 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด วันนี้มีการระบาย 19.38 ล้าน ลบ.ม.
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 9,440 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 70 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด วันนี้มีการระบาย 8.10 ล้าน ลบ.ม.
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 922 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 39 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 96 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด วันนี้มีการระบาย 0.87 ล้าน ลบ.ม.
8. สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแนวโน้มสถานการณ์น้ำ (ข้อมูลวันที่ 9 พ.ย.49 โดย กรมชลประทาน)
- ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำสูงสุด 5,960 ลบ.ม./วินาที เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น. เริ่มลดลงในวันที่ 19 ตุลาคม 2549 และลดลงอย่างต่อเนื่องมาจนถึง วันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 มีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 2,498 ลบ.ม./วินาที เมื่อเวลา 06.00 น. และยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท มีปริมาณน้ำสูงสุด 4,188 ลบ.ม./วินาที เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำทรงตัวและเริ่มลดลงเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2549 และลดลงอย่างต่อเนื่องมาจนถึง วันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 มีปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 2,470 ลบ.ม./วินาที เมื่อเวลา 06.00 น. และยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำสูงสุด 3,719 ลบ.ม./วินาที เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2549 ปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร 2,048 ลบ.ม./วินาที (เขื่อนพระรามหกหยุดการระบายน้ำ)
9. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 เวลา 12.00 น.
ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า สำหรับภาคใต้และอ่าวไทยมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอยู่ ทำให้ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร
10. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4,11,12 จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ที่คาดว่าจะเกิดภัยให้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับ อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้นจัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที
11. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ