กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--ซีพีเอฟ
นายวินัย จิตรัว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟจะร่วมกับเกษตรกรในโครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 20 ครอบครัว ทำการยกระดับมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ให้เทียบเท่ามาตรฐาน เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตไข่ให้สูงขึ้น
“เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ในพื้นที่โครงการห้วยองคตฯ มีความต้องการจะพัฒนาประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตไข่ไก่ให้สูงขึ้น แม้ที่ผ่านมาแต่ละครอบครัวจะมีมาตรฐานการผลิตอยู่ในระดับกว่า 90% แล้ว ซึ่งการยกระดับมาตรฐานให้เต็ม 100% นี้ถือเป็นหน้าที่ของซีพีเอฟที่จะช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ให้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกร”
ทั้งนี้ ปัจจัยในการเพิ่มผลผลิตไข่ไก่ของเกษตรกร ได้แก่ การยกระดับมาตรฐานโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ จากที่เคยใช้โรงเรือนระบบปิดแบบเดิมมาเป็นระยะเวลาหลายปี ทำให้โรงเรือนมีสภาพทรุดโทรม จำเป็นต้องมีการปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยสอดรับกับเทคโนโลยีการเกษตรที่ก้าวหน้าขึ้น ขณะเดียวกัน เกษตรกรเองก็ให้ความสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มความเข้มงวดในระบบบริหารจัดการฟาร์มตามหลักการของ Food Safety นอกจากนี้ การแก้ไขเรื่องน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโครงการก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ซึ่งทางซีพีเอฟจะประสานงานร่วมกับมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการสนับสนุนมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อพัฒนาและปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในโครงการต่อไป โดยการยกระดับมาตรฐานฟาร์มคงต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยเกษตรกรในพื้นที่โครงการห้วยองคตฯ จะสามารถยกระดับประสิทธิภาพการผลิตมาอยู่ที่ 100% ภายหลังการปรับปรุงปัจจัยการผลิตทั้งหมดแล้ว
ด้านนายพจน์ สูตรอุดม เกษตรกรในโครงการฯ กล่าวว่ารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากไร้ให้พ้นจากความยากจน และสามารถประกอบอาชีพตามหลักวิชาการแผนใหม่ ทำมาหากินเลี้ยงชีวิตครอบครัวได้อย่างพอเพียง มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเก่ามาก โดยนอกจากการเลี้ยงไก่ไข่แล้ว ตนยังได้ทำเกษตรผสมผสาน ทั้งการเลี้ยงไก่พื้นเมือง การปลูกไม้ผล และพืชผัก ทำให้มีรายได้จากอาชีพหลักและอาชีพเสริมตลอดทั้งปี
โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกิดขึ้นได้ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล กอปรกับการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของ “การบริหารและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่” โดยมูลนิธิชัยพัฒนาได้ดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและปรับปรุง สภาพแวดล้อม ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเริ่มจัดระเบียบชุมชน ตั้งแต่ปี 2534 เพื่อให้ราษฎรที่บุกรุกทำลายป่าได้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่เหมาะสม มีการจัดสรรพื้นที่อาศัยและที่ดินทำกินให้กับราษฎรรวม 400 ครอบครัว ครอบคลุม 3 หมู่บ้าน ใน อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี
นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพทั้งการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนการส่งเสริมหัตถอุตสาหกรรมในครัวเรือน ซึ่งในการนี้มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้น้อมเกล้าฯ รับแนวพระราชดำริมาดำเนินการ โดยเข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินการของมูลนิธิชัยพัฒนาและมีส่วนในการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต ยังผลให้ราษฎรมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ 10 เท่า ควบคู่ไปกับการพัฒนาและฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับคืนมาสู่ความสมบูรณ์อีกครั้ง โดยให้ราษฎรได้อยู่อาศัยและทำมาหากินร่วมกับการคงอยู่ของธรรมชาติอย่างเกื้อหนุน
บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร เป็นผู้รับผิดชอบในการส่งเสริมให้ประชาชนได้รู้วิธีการประกอบอาชีพตามหลักวิชาการแผนใหม่มาตั้งแต่ปลายปี 2536 เพื่อเพิ่มผลผลิตให้ประชาชนในการประกอบอาชีพหลักและส่งเสริมการประกอบอาชีพรองให้มีรายได้ตลอดทั้งปี
พรรณินี นันทพานิช, ศุภกิติ สหเวชชภัณฑ์, อัญชลี วิสุทธิรัตนกุล,ปริศนา เซ่งเส้ง
สำนักสื่อสารและประชาสัมพันธ์ CPF
โทร. 0-2625-7344-5, 0-2638-2713, 0-2631-0641
Email: pr@cpf.co.th