กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--สหมงคลฟิล์ม
เรื่องย่อ
เอียน ราฟเฟอร์ตี้ เด็กหนุ่มวัยย่างสิบแปด ได้ตัดสินใจออกเดินทางไปพร้อมกับ แลนส์ และเฟลิเซีย เพื่อนของเขา เพื่อที่จะได้เสียความบริสุทธ์ ให้กับสาวฮ๊อตที่เขาเจอทางอินเตอร์เน็ต Sex Drive เป็นหนังโรด-มูฟวี่ ที่เปี่ยมไปด้วยหายนะระหว่างการเดินทาง แต่การออกนอกลู่นอกทางของพวกเขานั้น มันก็สอนให้ทั้งสามคนรู้จักถึงคำว่าการใช้ชีวิตและความรัก และมันก็จะพาคุณเข้าสู่การเดินทางครั้งที่สำคัญของชีวิต
Sex Drive เป็นหนังวัยรุ่นที่มีความโรแมนติคอย่างคาดไม่ถึง เราได้เดินทางตามเด็กวัยรุ่นสามคนไปในการเดินทางที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา แสดงโดย จอร์ช ซัคเคอร์แมน (Lion for Lambs), อแมนด้า ครูว (The Haunting in Connecticut), คลาร์ค ดุ๊ก (Clark Duke), เจมส์ มาร์สเดน (Enchanted) และ เซ็ธ กรีน (Austin Powers in Goldmember) รวมถึงนักแสดงสมทบอย่าง อเล็ค เกรคซิน (Shrooms), แคทธาลีน่า บาวเดน (30 Rock), ชาร์ลี แม็คเดอม็อต (The Ten) และ มาร์ค แอล ยังค์ (Dexter) หนังกำกับและเขียนบทโดย ณอน แอนเดอร์ (Never Been Thawed) ร่วมเขียนบทโดย จอห์น มอร์ริส (She’s Out of My League) จากนวนิยายเรื่อง All the Way ของ แอนดี้ เบอเรนส์ อำนวยการสร้างโดย จอห์น มอร์ริส, เลสลี่ มอร์เกนสไตน์ (The Sisterhood of the Traveling Pants) และ บ๊อบ ลีวี่ (Gossip Girl) และร่วมอำนวยการสร้างโดย ไมค์ เนลสัน
ทีมงานในส่วนของโปรดักชั่นประกอบไปด้วย ผู้กำกับภาพ ทิม ออร์ (Year of the Dog), ผู้กำกับศิลป์ แอรอน ออสบอร์น (Kiss Kiss, Bang Bang), ผู้ตัดต่อภาพยนตร์ จอร์จ ฟอลซี่ จูเนียร์ (Cheaper by the Dozen) และ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คริสติน เอ็ม เบิร์ค (The Grudge 2) Sex Drive เป็นผลงานจากสตูดิโอ An Alloy Entertainment Production จัดจำหน่ายโดย Summit Films
เอียน ราฟเฟอร์ตี้ (จอร์ช ซัคเกอร์แมน) เป็นเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีที่ถูก เร๊กส์ พี่ชายของเขาคอยกลั่นแกล้งอยู่เสมอ อีกทั้งยังถูกน้องชายวัย 14 ล้อเลียน เพราะว่าเขาต้องใส่ชุดรูปโดนัทที่ดูเหมือนคนพิการ ในการทำงานที่ร้านขายโดนัท แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาที่เขากังวล เพราะว่าปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา นั้นก็คือการเข้าเรียนมหาวิทยาลับ ทั้งๆที่ตัวเองยังเป็นเวอร์จิ้นอยู่
ถึงแม้ว่าเขาจะแอบรักเพื่อนสาวตั้งแต่สมัยเด็กอย่างเฟลิเซีย (อแมนด้า ครูวส์) แต่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่ที่จะเอ่ยปากบอก เอียนจึงตัดสินใจหาเดทจากทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งในที่สุดก็เจอสาวที่ใช้ชื่อว่า “มิส เทสตี้” สาวบลอนด์ไฟแรงสูงที่พร้อมรับทุกสถานการณ์ แต่ปัญหามันก็อยู่ที่ เขาต้องเดินทางออกจากชิคาโก้ ไปยังน๊อกซ์วิลล์เป็นระยะทางกว่า 500 ไมลล์
นอกจากนั้นเอียนก็ยังเสี่ยงชีวิต ด้วยการแอบเอารถสุดคลาสสิค Pontiac GTO จาก เร๊กส์ โดยไม่ได้รับอนุญาติ ซึ่งการเดินทางนี้ เขาก็ยังมีเพื่อนผู้แสนบ้าระห่ำ แลนส์ (คลาก ดุกส์) และเพื่อนสาว เฟลิเซีย ออกเดินทางไปด้วย
เรื่องมันก็อาจจะยุ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อกำหนดการขับรถแปดชั่วโมงแปรเปลี่ยนสามวัน เมื่อทั้งสามหลงทางในฮาร์ทแลนด์และก็ไปโผล่ในถนนตัดเก่าแถบมิดเวสเทิร์น เพราะคู่รักในอินเตอร์เน็ตของเขาเริ่มที่จะรอไม่ไหว ในขณะที่พี่ของเขาก็กำลังจะกลับมาถึงบ้าน ชีวิตของ เอียน ก็เหมือนกับแขวนอยู่บนเส้นด้าย
รถของพวกเขาเกิดมีปัญหา ซึ่งทำให้พวกเขาได้พบกับชาวนาอามิชแปลกๆ (เซท กรีน) และงานปาร์ตี้ของชาวอามิช ที่ชื่อว่า Rumspringa ในตอนกลางคืน ก็ทำให้เรื่องราวของเอียนนั้นยุ่งยากขึ้นไปอีก เพราะความหื่นกระหายของ แลนส์ ในเรื่องใต้เข็มขัด ที่ได้ไปปิ๊งรักกับสาวชาวอามิช ทำให้แผนของเขาผิดพลาดมากขึ้นไปอีก
สำหรับผู้ชมแล้ว พวกเราต่างก็คงคงอยากรู้ว่า เร๊กส์ จะเจอ เอียน ก่อนหรือไม่ หรือ แลนส์ จะเจอการแก้แค้นที่สาสมจากสามีของหญิงสาวอามิชที่เขาคิดว่าเป็นคู่แท้ของเขาไหม หรือ มิส เทสตี้ จะสวยเหมือนในรูปหรือเปล่า หรือว่า เอียน จะรู้ตัวไหม ว่าเขาต้องการอะไรจากชีวิตกันแน่ และสิ่งที่สำคัญที่สุด นั้นก็คือทั้งสามจะมีชีวิตรอดจากการผจญภัย เพื่อการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ครั้งนี้หรือไม่
เรื่องราว
ผู้อำนวยการสร้าง บ๊อบ เลวี่ (Bob Levy) ไม่ได้มองหาไกลในการค้นหาวัตถุดิบสำหรับผลงานชิ้นล่าสุดของเขา เลวี่ ซึ่งเป็นหัวหน้าของฝ่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์ของ Alloy Entertainment ที่ได้รับสิทธ์ตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง All the Way ของ แอนดี้ เบอเรนส์ (Andy Behrens) ได้นำเอาตัวหนังสือมาปรับใช้ให้กลายมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง Sex Drive โดย Alloy Entertainment นั้น ก่อตั้งโดย เลสลี่ มอร์เกนสไตน์ (Leslie Morgenstein) และยังเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างของ Sex Drive โดยเขาได้พบกับวิธีการในการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยบริษัทนี้ได้ผลิตทีวีซีรี่ย์สุดฮิตเรื่อง Gossip และภาพยนตร์เรื่อง Sisterhood of the Traveling Pants ทั้งสองภาค ซึ่งทั้งคู่ก็มาจากนวนิยายที่อยู่ภายใต้การจัดจำหน่ายของ Alloy Entertainment ทั้งสิ้น
ด้วยการที่มีวัตถุดิบอยู่ในมือพร้อมแล้ว ผู้อำนวยการสร้างจึงได้เริ่มก้าวต่อไปด้วยการหานักเขียนบทภาพยนตร์ ที่มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องจากหน้ากระดาษให้เป็นภาพยนตร์ เลวี และ มอร์เกนสไตน์ ได้พบกับนักเขียนหลายคนก่อนที่จะมาลงเอยกับทีมของ ณอน แอนเดอร์ (Sean Anders) และ จอห์น มอร์ริส (John Morris) ที่มีความสามารถดัดแปลงหนังสือ ให้เป็นบทภาพยนตร์ที่มีความสนุกสนานและจริงใจเช่นนี้
เลวี่ เล่าว่า "เมื่อเราได้พบกับทั้ง ณอน และ จอห์น และได้ล่วงรู้ถึงวิสัยทัศน์ของพวกเขา ทุกอย่างมันก็ลงเอยไปด้วยดี พวกเขาเสนอไอเดียที่ฉลาดและสนุกสนาน มากกว่าที่พวกเราเคยได้ยินกันมาก่อนเป็นพันเท่า พวกเขามองได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าการพัฒนาจากหนังสือเป็นหนังนั้นต้องทำเช่นไรบ้าง"
มอร์ริส และ แอนเดอร์ เคยร่วมงานกันมาแล้วในหนักตลกวัยรุ่นเรื่อง Never Been Thawed ที่กลายเป็นหนังฮิตในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัยทั่วประเทศ พวกเขาพยายามจะใส่ลายเซ็นของตัวเองเอาไว้ในหนังเรื่องนี้ แอนเดอร์ เล่าว่า "ตัวภาพยนตร์จะมีความแตกต่างจากหนังสือที่ บ๊อบ ส่งมาให้พวกเราอ่าน แต่มันก็ยังมีพล็อตที่เหมือนกัน คือพระเอกเดินทางข้ามรัฐเพื่อที่จะเสียความบริสุทธ์ ผมและ จอห์น รู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่จะเล่าถึงการผจญภัย ที่น่าจะสนุกและบ้าบอมากกว่าตัวหนังสือ"
โดยทั้งคู่นั้นเล่าว่า Sex Drive เป็นหนังที่มีแรงบันดาลใจจากหนังของ John Hughes ผู้เป็นปรมาจารย์หนังวัยรุ่น และเป็นผู้กำกับของหนังชื่อดังเช่น Pretty in Pink และ Sixteen Candles แอนเดอร์ กล่าว่า "เหมือนกับ ฮิวจ์ ที่พวกเราเริ่มสร้างเรื่องราวด้วยตัวละคร และหลังจากนั้นเราก็จะมาคิดว่า เราจะใส่ความสนุกสนานลงไปในส่วนไหนตรงไหนดีบ้าง"
เลวี่ พูดถึงคู่หูคู่นี้ว่า "การทำให้ตลกนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะในฮอลลิวู้ดนั้นก็มีนักเขียนที่ตลกมากมาย แต่สิ่งที่เหนือไปกว่านั้นคือพวกเขายังฉลาดอีกด้วย พวกเขาได้สร้างมุขที่ดูสดและใหม่ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังได้สร้างเรื่องงราวที่น่าประทับใจที่ทั้งลึกซึ้ง และมีการเล่ารายละเอียดของตัวละครอย่างชัดเจน การที่จะหาสองสิ่งที่ควบคู่กันไปอย่างนี้มันเป็นเรื่องยากจริงๆ" โดย
เลวี่ ยังได้เล่าถึงพล็อตของ Sex Drive ว่าเป็นหนังแม่แบบของเรื่อวราวที่เกี่ยวกับมนุษย์ "มันคือเรื่องราวของการหาความรักผิดที่ มันเป็นเรื่องของความต้องการอยากมีเซ็กส์ ซึ่งก็มาเรียนรู้ในภายหลังว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่เขาต้องการคือความการรัก Sex Drive เป็นหนังที่มีทุกอย่าง มันฉลาด มันงี่เง่า มันมีอารมณ์ร่วม มันเจ็บตัว มันเกี่ยวกับเซ็กส์ มันเกี่ยวกับความกล้าและความขี้ขลาด และสิ่งเหล่านั้นมันก็ทำให้การเล่าเรื่องสมบูรณ์แบบขึ้น ทำให้มุขดูตลกขึ้น และทำให้คุณหลงรักตัวละครในเรื่องมากขึ้นอีกด้วย"
แอนเดอร์ เสนอตัวที่จะกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ ทั้งๆที่เขามีหนังเพียงแค่เรื่องเดียวเป็นเครดิต แต่การทำงานของเขาก็ช่างดูเหมือนคนที่ผ่านงานมาแล้วอย่างโชกโชน เลวี่ พูดถึง แอนเดอร์ เอาไว้ว่า "เขามีความคิดแน่วแน่ในการเซ็ทโทนหนัง ซึ่งมันก็ทำให้เรื่องราวดูมีความสมจริงขึ้นไปอีก ที่สำคัญคือการแบ่งความตลกให้กับตัวละครหลักทั้งสามอย่างเท่าเทียมกัน และมันก็จะยิ่งสนุกขึ้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดต้องออกไปตกระกำลำบาก ซึ่งการเดินทางนี้แหละ ที่ยังเป็นหนึ่งในตัวละครที่เราสามารถสื่อถึงได้อีกด้วย"
คลาร์ค ดุ๊ก ที่รับบทเป็น แลนส์ ได้พูดถึง Sex Drive ว่า แน่นอนที่หนังยังเข้าถึงได้ง่าย ทั้งความฉลาดในการเล่าเรื่องและมุขตลก แต่ผมจะไม่เอาไปเปรียบกับ American Pie หรอกน่ะ ผมว่ามันสามารถเทียบได้กับหนังวัยรุ่นยุค 80 มันเป็นหนังตลกประเภท screwball ที่ผม จอร์ช และ อแมนด้า มาจากสถานที่ที่มีตัวตนจริงๆ หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นอาจจะดูน่าขัน แต่มันก็เป็นไปในทางที่ดี และที่สำคัญคือตัวละครทั้งสามที่พวกเขาเล่นก็ถูกสร้างมาจากทัศนคติที่สมจริง"
เซธ กรีน รับบทเป็นเป็นชาวอามิชที่น่าจดจำ และยังสามารถซ่อมรถได้เก่งกว่าช่างเครื่องซะอีก ได้พูดถึงส่วนผสมของหนังตลกที่มีความเป็นศิลปะมากกว่าวิทยาศาสตร์ว่า "มันเหมือนการทอยลูกเต๋า ถ้าคุณโชคดีคุณก็จะได้ร่วมงานกับบุคคลากรที่ยอดเยี่ยม และคุณก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยถ้าคุณไม่ปล่อยมืออกจากลูกเต๋า ผมรู้สึกยินดีที่เมื่อผมเดินทางถึงกองถ่าย ผมก็ได้สิ่งที่คาดหวังเอาไว้ทั้งหมด"
กรีน ที่เป็นนักแสดงตลกผู้มีความสามารถ และถูกผู้คนจดจำได้จากบทลูกของ ดร. อีวิล ใน Austin Power ทั้งสามภาค และยังให้เสียงภาคเป็น คริส ในซีรี่ย์ยอดฮิต Family Guy พูดถึงผู้กำกับไว้อีกว่า "คุณจะแปลกใจเมื่อรู้ว่า ณอน คือผู้กำกับหน้าใหม่ เขาเป็นคนที่มีความรู้หลากหลาย มีความคิดที่แน่วแน่ว่าต้องการอะไร เขาก็ยังมีรสนิยมในมุขตลกและก็ยังมีความเฉียบแหลมในการมองให้ทะลุถึงแก่นแท้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังเปิดรับการเปลี่ยนแปลงใของตัวบทภาพยนตร์ และผมคิดว่านั้นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะพวกเรามีบุคลากรที่จะสามารถดั้นบทสดได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้ามีคนเปิดโอกาสให้ ณอน เก่งมากให้การหาโอกาสที่เหมาะสม ในการปล่อยให้พวกเราเล่นกันได้อย่างตามใจชอบ"
ผู้อำนวยการสร้าง บ๊อบ เลวี่ ก็เห็นด้วยกับ กรีน "ผมรู้สึกเป็นเกี่ยรติที่ได้อยู่ในกองถ่าย และได้เห็นกลุ่มบุคลากรที่มีความสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาถนัด และยังได้เห็น ณอน มีความเป็นกันเองและเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำให้สิ่งที่นักแสดงตลกเกิดมาเพื่อทำ"
คัดเลือกนักแสดง
ส่วนหนึ่งในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Sex Drive ก็คือการรวบรวมกลุ่มคนที่ตลกที่สุด และปล่อยให้พวกเขาเล่นกันเต็มที่ บ๊อบ เลวี่ เล่าว่า "พวกเราคัดเลือกคนที่มีความสามารถหลายคน มอบบทภาพยนตร์ให้พวกเขาอ่าน และให้พวกเขาตีความตัวละครที่เขาต้องเล่นออกมาเอง"
ทั้ง แอนเดอร์ และ เลวี่ เล่าว่า พวกเขารู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าตัวละครหลักทั้งสามคน มีความเหมือนกับที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้แค่ไหน "พวกเราแค่หันกล้องไปหาพวกเขาและพูดว่า 'เป็นตัวของตัวเอง' จอร์ช เป็นคนที่นิสัยดีมากและก็ยังเป็นคนที่ติดประหม่าหน่อยๆ ส่วน คลาร์ค ก็คือเครื่องจักรล่าผู้หญิง ดังนั้นพวกเราก็แค่ตั้งกล้องไว้หน้าพวกเขา และให้พวกเขาทำสิ่งที่อยากทำเท่านั้น"
จอร์ช ซัคเคอร์แมน (Josh Zuckerman) ผู้ซึ่งมีผลงานทั้งภาพยนตร์และในทีวีมาตั้งแต่อายุ 10 ปี เพราะด้วยความอ่อนไหวที่เขามีมาตั้งแต่กำเนิด และรวมถึงความสามารถในการเล่นบทตลกได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เขาเป็นตัวเลือกแรกในการมารับบทเป็น เอียน เลวี่ เล่าว่า "หน้าที่หลักของเขาคือต้องทำให้คนดูตกหลุมรักเขา เขาต้องทำให้คนดูต้องรู้สึกห่วงว่า เขาจะได้สิ่งที่ต้องการไหมในตอนจบ จอร์ช มีอารมณ์ร่วมและมีความอ่อนไหว มีความฉลาดและไหวพริบ ซึ่งมันก็เป็นลักษณะคาแร็คเตอร์ที่ เอียน ราฟเฟอตี้ ควรมีอยู่แล้ว" แอนเดอร์ เสริมว่า "สำหรับผมแล้ว จอร์ช เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะตัวจริงของเขาก็เป็นคนที่สุภาพและอ่อนหวานอยู่แล้ว ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังเป็นเหมือนกับคนธรรมดาในรุ่นเดียวกัน เขาไม่มีความมั่นใจ และก็มีความกังวลแบบเดียวกับเด็กทุกๆคนที่กำลังจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่"
ซัคเคอร์แมน รู้สึกสนใจเมื่อพบว่าหนังตลกวัยรุ่นเรื่องนี้ มีการซ่อนระดับของอารมณ์เอาไว้หลายชั้น "เมื่อผมอ่านบทภาพยนตร์ครั้งแรก ผมรู้สึกว่ามันตลกมาก มันมีมุขตลกอยู่เต็มไปหมด และผมก็ยังได้เห็นถึงการพัฒนาของตัวละครทั้ง เอียน, คลาร์ค และ เฟลิเซีย ถ้าเรามองผิวเผินแล้ว มันก็เป็นหนังตลกสัปดนธรรมดา แต่ความจริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น มันเป็นเรื่องของมิตรภาพและการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นสิ่งใหม่ในชีวิตของพวกเขาในตอนสุดท้าย”
สำหรับบทของ เฟลิเซีย ทีมผู้สร้างก็ได้เปิดการทดสอบบทที่แอลเอ แอนเดอร์ เล่าว่า "จนในที่สุดเราก็ได้รับเทปการเทสหน้ากล้องของ อแมนด้า ครูว (Amada Crew) ซึ่งมันก็ทำให้เราก็หยุดการค้นหาคนที่จะมารับบทเป็น เฟลิเซีย เพราะ อแมนด้า เหมือนกับที่ผมจินตนาการเอาไว้ทุกอย่าง เธอสวย แต่ก็ยังมีความแก่นแก้วแทมยังดูเท่อีกตะหาก เธอมีลักษณะเหมือนกับสาวข้างบ้านของคุณ ที่เป็นเพื่อนกับผู้ชายที่อยู่ในระแวกนั้น แต่เธอก็ยังฮ็อตมากๆ"
บ๊อบ เลวี่ เสริมว่า "อแมนด้า มีความเป็น เฟลิเซีย ก่อนที่พวกเราจะได้ทำความรู้จักกับเธอซะอีก เธอเป็นคนที่มีความจริงใจและกล้า เธอยังเป็นคนที่ไม่ปิดกั้นตัวเอง และนั้นก็คือ เฟลิเซีย ที่พวกเราได้วาดภาพเอาไว้อยู่แล้ว"
การที่ไม่ได้เล่นเป็นบทผู้หญิงทั่วไปในหนังตลกวัยรุ่นเรื่องอื่นๆ ทำให้ อแมนด้า รู้สึกสนใจในบทนี้ "ปกติแล้วนักแสดงหญิงจะต้องเล่นเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายทุกคนใฝ่หา ในเรื่อง เฟลิเซีย เป็นทอมบอยที่ดูภายนอกแข็งแกร่ง แต่ข้างในเธอก็ยังเป็นเพียงหญิงสาวทั่วๆไปที่ต้องการการถูกปกป้อง และเมื่อฉันอ่านบท ฉันก็รู้สึกว่าต้องการเล่นบทนี้ เพราะว่านี้คือตัวฉันเลย"
คลาร์ค ดุ๊ก (Clark Duke) คือนักแสดงที่เล่นเป็นเพื่อนสนิทของ เอียน ที่ชื่อ แลนส์ เป็นหนึ่งในแสดงของของซีรี่ย์เรื่อง Greek และได้รับบทเป็นตัวประกอบใน Superbad แต่ผลงานที่สร้างชื่อให้กับเขา คือซีรี่ย์ที่เขาทำร่วมกับ ไมเคิล เซร่า ที่ถูกถ่ายทอดในอินเตอร์เน็ตเรื่อง Clark and Michael ทางทีมผู้สร้างรู้สึกไม่แน่ใจในตอนแรก เพราะ คลาร์ค ในบทนั้น จะต้องมีคาแร็ตเตอร์เป็นเสือผู้หญิง ที่ผอม, สูง และมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ซึ่งมันก็อยู่ตรงกันข้ามกับ ดุ๊ก ทุกอย่าง
ตอนแรกนั้น ดุ๊ค ถูกนำตัวเข้ามาทดสอบบท เอียน "สาเหตุที่พวกเขาเรียกผม นั้นก็คือพวกเขาได้ดู Clark and Michael ในฉากที่ผมกำลังกระโดดถีบผู้หญิง พวกเขารู้สึกมีความมั่นใจแปลกๆในความกล้าบ้าบิ่นของผม" เลวี่ เล่าถึงการคัดเลือก ดุ๊ก มารับบทในเรื่องว่า "มันเป็นเรื่องชองบุคคลิกภาพ มันเกี่ยวกับสไตล์ มันเกี่ยวกับความมั่นใจ มากกว่าที่จะเกี่ยวกับความหล่อเหลาในแบบอเมริกัน คุณรัก Clark and Michael เพราะเขาคือคนที่สามารถจีบผู้หญิงด้วยการวางท่าเพียงอย่างเดียว"
ซัคเคอร์แมน เห็นด้วยที่ว่า คลาร์ค ไม่ใช่แม่แบบของคนที่จะเป็นที่ป๊อปปูล่าแย่ยอย "ผมว่า คลาร์ค เป็นคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด เขามีความมั่นใจและเสน่ห์มากกว่าคนอื่นๆที่ผมรู้จัก และมันก็ยังเกี่ยวกับความเป็นคนอารมณ์ดีและความฉลาดของเขาด้วย"
ดุ๊ค เล่าว่า "เมื่อผมอ่านบทครั้งแรก ผมคิดว่ามันตลกมาก แต่ผมรู้สึกสนใจในตัว แลนส์ มากกว่าใคร ซึ่งเป็นตัวละครที่ฉีกกฏความซ้ำซากออกไปหมด และมีความรู้สึกสมจริง มันแสดงให้เราเห็นว่า ยิ่งคุณมีความมั่นใจและความตั้งใจมากกว่าหน้าตาของคุณ มันก็ทำให้คุณมีบุคคลิกที่ชัดเจนได้เหมือนกัน ผมคิดว่าในโลกแห่งความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้นด้วย"
ทีมผู้สร้างก็ยังถูกแจ็คพ็อตเมื่อพวกเขาได้ เจมส์ มาร์สเด็น (James Marsden) นักแสดงที่มากไปด้วยความสามารถ ที่เล่นในหนังฮิตเช่น Enchanted และ Hairspray มาเล่นเป็น เร็กส์ พี่ชายที่นิสัยเสียของ เอียน โดย เลวี่ ได้เล่าถึงการได้ตัว มาร์สเด็น มารับบทนี้ว่า "เมื่อคุณทำงานร่วมกับนักแสดงอย่าง เจมส์ มาร์สเดน คุณก็จะต้องมีความกังวลว่า เขาจะสามารถเล่นคาแร็ตเตอร์ที่มีนิสัยที่ไม่น่ารักอย่างนี้ได้ไหม แต่จากวินาทีแรกที่เขาสวมบทเป็น เร็กส์ มันก็ช่างเป็นการแสดงที่กล้าบ้าบิ่นและตลกมาก และเขาก็รู้สึกสนุกที่ได้เล่นเป็นคนงี่เง่าอย่าง เร็กส์ ด้วย”
มาร์สเด็น เล่าว่า “นี้เป็นบทภาพยนตร์ที่ตลกที่สุดที่ผมเคยอ่าน แต่เมื่อคุณอ่านบท คุณก็จะนึกถึงการการสร้าง แล้วใครจะมาเป็นผู้กำกับล่ะ ใครเป็นนักแสดงนำในหนังล่ะ หรือพวกเขาจะทำให้มันดูงี่เง่าหรือเปล่า ผมว่าการแสดงในหนังตลกมันยากกว่าหนังดราม่าน่ะ เพราะคุณต้องเชื่อว่าตัวละครเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง และถ้าคุณเล่นในสถานการณ์จริงแบบไม่เสแสร้งแล้ว สถานการณ์มันก็จะพาไปให้ตลกเอง"
มาร์สเด็น มีความมั่นใจในไอเดียที่จะแสดงตัวละครตัวนี้ "ผมเติบโตขึ้นมาใน โอกลาโฮมา และผมรู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่อายุประมาณ 30 กว่าๆ เขายังอยู่ร่วมชายคาเดียวกับพ่อแม่ เขาขัดฟันขาวใสและใส่ตุ้มหูที่เขาซื้อมาจากห้าง แต่เขาใส่เอาไว้ที่หูซ้ายน่ะ ไม่ใช่หูขวา เพราะไม่งั้นเขาอาจจะเป็นเกย์ เขาอยากจะทำให้ทุกคนแน่ใจว่าเขาไม่ใช่เกย์"
เพระว่านักแสดงหลักทั้งสามต้องใช้เวลาในการเดินทางข้ามรัฐ ทีมงานเขียนบทจึงมีโอกาสในการสร้างตัวละครสมทบที่มีความหลากหลาย เลวี่ เล่าว่า "ทุกๆครั้งที่พวกเขาหยุดที่ไหนสักแห่ง พวกเราก็เสนอตัวละครใหม่ออกมาเผชิญหน้ากับพวกเขา มันทำให้พวกเราสามารถใส่นักแสดงตลกฝีมือเยี่ยมมาไว้ได้อย่างเต็มที่
เซธ กรีน (Seth Green) เล่นเป็น เอเซเคียว ชายชาวอามิชที่อยู่นอกเขตอามิชมากนาน จนมีความสามารถพิเศษในการเป็นช่างซ่อมรถ บ๊อบ เล่าว่า "เอเซเคียวเป็นตัวละครที่มาจากจินตนาการของ ณอน และ จอห์น ล้วนๆ และ เซธ กรีน ก็เป็นคนที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสามารถเล่นเป็นตัวละครตัวนี้ได้"
แอนเดอร์ เล่าว่าเขาคิดถึง กรีน อยู่ในใจตั้งแต่แรกแล้ว "พวกเราอยากให้ชายชาวอามิช ถูกตีแผ่ออกมาในลักษณะของการประชด และก็ไม่มีใครที่จะแสดงออกถึงการประชดได้ดีเท่า เซธ กรีน อีกแล้ว" เลวี่ เสริมว่า "เซธ ยินดีที่จะสวมชุดและเคราปลอมที่ทั้งร้อนและอึดอัด เพื่อแสดงเป็นชายชาวอามิช และทีมงานออกแบบเครื่องแต่งกายของเรา ก็ออกไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมการแต่งกายของพวกเขา เพื่อให้เกิดความสมจรืงที่สุด"
กรีน ได้พูดติดตลกถึงคาแร็คเตอร์ที่เขาเล่นว่า "เป็นตัวแทนของอามิชยุคใหม่" โดยเขาพูดว่า "มันเป็นเหมือนการแสดงให้เห็นถึงชาวอามิช ที่ไม่รู้สึกจริงจังและก็บ้าบอไปเลย มันไม่มีการแสดงให้เห็นถึงเด็กวัยรุ่นชาวอามิชจริงๆ ไม่คุณก็เป็น ลูคัส ฮาส (Lucas Hass) ใน Witness หรือ แรนดี้ เคว็ด (Randy Quaid) ใน Kingpin ไปเลย ผมว่านี้เป็นโอกาสที่ดี"
การเดินทางยังให้ผู้สร้างมีโอกาสที่จะใส่บทรับเชิญขำๆจากดาราตลกแถวหน้า ไม่ว่าจะเป็น เดวิด โคสเนอร์ (David Koechner) ที่ร่วมแสดงอยู่ในหนังของ วิลล์ ฟาร์เรล (Will Ferrel) หลายเรื่อง และเขาก็เล่นได้ฮามากในการรับบทเป็นนักโบกรถ ไคล์ กลาส (Kyle Grass) ที่เป็นคู่หูของ แจ็ต แบล็ค (Jack Black) ใน Tenacious D in The Pick of Destiny ก็แสดงได้เยี่ยมในบทคนขับรถบรรทุก ไบรอัน โพเซน (Brian Posehn) จาก The Sarah Silverman Program ก็เล่นเป็นนักแสดงเร่ ที่ต่อล้อต่อเถียงกับ เอียน และ แลนส์ ได้อย่างเมามัน
และสุดท้ายคือนักแสดงที่เล่นเป็น Ms. Tasty สาวสุดฮ๊อตของ เอียน จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งบทนี้ก็ต้องรับบทโดยนักแสดงมีความสวยและเซ็กซี่ แต่ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่าง แคททรีน่า บาวเดน (Katrina Bowden) เป็นที่รู้จักจาก ซีรี่ย์ 30 rocks เล่นเป็นสาวสวยที่ชอบล่อหลวงเด็กๆ เป็นผู้หญิงที่ไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ ผู้กำกับอย่าง แอนเดอร์ ได้เล่าถึงการพบเธอว่า "มันเป็นเรื่องน่าสนใจที่พอเจอตัวจริงแล้ว เธอไม่ได้มีลักษณะนิสัยที่แย่ๆเหล่านั้นอยู่เลย มันตลกดีที่เห็นหญิงสาวอ่อนโยนขนาดนี้ ต้องเล่นเป็นยัยมารร้ายในเรื่อง"
การเดินทาง
การขับจาก ชิคาโก สู่ น๊อกส์วิลล์ นั้น ต้องผ่านทั้ง อิลินอยส์, อินเดียน่า, โอไฮโอ้ และ เคนตั๊กกี้ ก่อนที่จะเข้าสู่ เทนเนสซี่ ในอีก 500 ไมล์ต่อมา ระหว่างทางนั้น ถนนก็ได้พาดผ่านเมืองใหญ่ๆหลายเมือง เช่น อินเดียนาโปลิส, กลุ่มเมืองเล็กๆ และฟาร์มต่างๆ ซึ่งมันก็ทำให้ทีมผู้สร้างได้มาเข้าใจ และค้นพบในระหว่างการเดินทางว่า นี้เป็นการผจญภัยที่ตื่นเต้นมากแค่ไหน
เลวี่ กล่าวว่า "ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับการเดินทาง และเรื่องที่เกิดขึ้นกับ เอียน กับเพื่อนทั้งสองของเขาระหว่างการเดินทาง ผมคิดว่าหนังที่เกี่ยวกับการเดินทางของเรานั้น เหมือนกับการประกาศอิสระภาพและความเป็นเอกเทศของวัยรุ่น เด็กทุกคนคงอยากจะทำอย่างที่ใจต้องการ นี้คือการเดินทางด้วยกายและใจของพระเอก ที่สุดท้ายแล้วจะทำให้เขากลายเป็นคนใหม่” แอนเดอร์ ได้กล่าวเสริมว่า "ตัวหนังสือมีแนวคิดที่ร่วมสมัย เพราะมันเกิดขึ้นจากอินเตอร์เน็ต และมันก็ยังเชื่อมความสัมพันธ์ได้กับทุกๆคน เพราะผมเชื่อว่าหลายคนก็คงกำลังจะผ่านประสบการณ์นี้ หรือว่าผ่านไปแล้ว"
คลาร์ค ดุ๊ก คิดว่าเรื่องของการพักเรียนและออกเดินทางนั้น น่าจะทำให้ผู้ชมสนใจไม่มากก็น้อย "คนหลายคนคงจะสัมผัสกับประสบการณ์ในช่วงชั้นมัธยมปลายว่า จะไปมหาวิทยาลัยหรือออกมาทำงานดี และช่วงเวลาของซัมเมอร์ระหว่างที่กำลังจะเข้ามาหาวิทยาลัยนั้น มันช่างแปลกและก็เป็นช่วงที่อาจจะเปลี่ยนแปลงของชีวิตคุณ ผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การทำออกมาเป็นหนังที่สุด"
หนังที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางก็ควรต้องมีพาหนะที่เหมาะสม ซึ่งรถที่ เอียน, แลนส์ และ เฟลิเซีย เลือกใชั้นั้น มันก็ลงตัวที่สุด "The Judge" หรือรถ Pontiac STO สีส้มแสดคันงาม ที่เป็นจ้าวถนนในช่วงปี 1969 ถึง 1971 บ๊อบ เลวี่ เล่าว่า "รถคันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี ในการที่ ณอน และ จอห์น ยกระดับหนังขึ้นไปสูงอีกกว่าตัวนวนิยาย เพราะในหนังสือนั้น มันถูกเรียกว่า The Monster และก็เป็นเพียงรถเก่าๆปี 1980
แอนเดอร์เล่าว่า "มันทั้งรวดเร็ว, เครื่องยนต์ที่น่ากลัว และก็ยังเป็นตัวละครที่สำคัญของหนังเรื่องนี้ มันเหมือนเป็นตัวแทนของ เอียน มันมีพลังที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ เขากลัวมันในตอนเริ่มต้นของเรื่อง แต่เมื่อหนังดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย เขาคือเจ้านายของ The Judge”
หนึ่งในหลายๆที่ ที่ เอียน, แลนส์ และ เฟลิเซีย ได้หยุดระหว่างการเดินทาง ก็คือหมู่บ้านชาวอามิช ที่อาจจะเป็นจุดพักผ่อนที่น่าจดจำที่สุดของพวกเขา เมื่อ แอนเดอร์ และ มอร์ริส ได้ค้นพบว่ามีสังคมนี้อยู่ในอินเดียน่า และ โอไฮโอ้ พวกเขาก็ได้จับใส่เอา Rumspringa ที่เป็นที่รู้จักกันส่วนน้อยในหมู่ชาวอามิชลงไปในบทด้วย ซึ่งมันเป็นงานรื่นเริงของชาวอามิช เมื่อวัยรุ่นชาวอามิชอายุ 16 เมื่อไร เขาหรือเธอต้องทดสอบตัวเองในพิธีกรรมต้องห้าม สำหรับบางคนแล้วอาจจะเป็นแค่การขับรถเป็นครั้งแรกในชีวิตเท่านั้น แต่สำหรับบางคนก็อาจจะเป็นการทดลองยาเสพติดก็ได้ เซธ กรีน ได้อธิบายว่า "มันเป็นช่วงเวลาที่วัยรุ่นชาวอามิช ถูกอนุญาติให้ทดลองอะไรก็ได้ที่อยู่ภายนอกสังคมของพวกเขา เพื่อที่เขาจะได้อุทิศตัวเองให้กับชุมชนของพวกเขาในอนาคต แต่บางครั้งมันก็อาจจะเกิดสิ่งที่บ้าบอขึ้น เหมือนดังเช่นที่เกิดในหนังเรื่องนี้"
ซึ่งความบ้าบอนั้น ก็รวมถึงการปรากฎตัวของ Fall Out Boy ใน Rumspringa เลวี่ เล่าว่า "พวกเราได้เรียบเรียงรายชื่อของวง ที่พวกเราคิดว่าทุกคนจะต้องจำได้เมื่อประตูโรงนาเปิดออกมา และชื่อแรกของเราคือ Fall Out Boy เราส่งบทภาพยนตร์ให้เขาและก็สวดภาวนา พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่พวกเขาตอบตกลง มันเหมือนกับว่าพวกเราเป็นเด็กวัยรุ่นชาวอามิชที่รู้สึกตื่นเต้นกับ Rumspringa ยังไงยังงั้นเลย”
สำหรับผู้อำนวยการสร้าง บ๊อบ เลวี่ ช่วงเวลาที่น่าสนใจที่สุดมาจากการค้นพบที่เขา และ จอห์น มอร์ริส คิดถึงเรื่องเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย "พวกเราพยายามที่จะใส่ทุกอย่างลงไปในหนังเรื่องนี้ ตลก, เซ็กส์, ดราม่า, อารมณ์, และมันก็น่าแปลกที่ว่า เราคิดถึงต้นไม้ที่มีรองเท้าอยู่เต็มไปหมดเหมือนกัน เพราะ จอห์น ก็ได้ใส่มันลงไปในบทอยู่แล้ว ทิม ออร์ ซึ่งเป็นผู้กำกับภาพของเรา ก็ได้ออกไปพร้อมกับทีมงานและก็ถ่ายมันออกมาได้อย่างสวยงาม”
เขาเล่าต่อว่า "สำหรับผมแล้ว นั้นเป็นฉากที่สวยที่สุดในหนัง Shoe Tree คือการที่ต้นไม้ถูกปกคลุมไปด้วยรองเท้าที่ผูกเชือกไว้ด้วยกันโดยการขว้างขึ้นไป มันอาจจะดูแปลกๆแต่ภาพที่ออกมามันก็สวยงามมาก ทีมงานตกแต่งฉากต้องออกไปซื้อรองเท้ามาจำนวนมหาศาลถึงง 480 คู่ พวกเราถ่ายทำกันประมาณ 3 ถึง 4 ชั่วโมง มันแทบทำให้ผมหัวใจสลาย เมื่อพวกเราได้สร้างสรรค์งานที่สวยงามขึ้น แต่สุดท้ายแล้วมันก็ต้องถูกรื้อออก"
ทีมนักแสดง
จอร์ช ซัคเคอร์แมน (รับบทเป็น เอียน)
ก่อนหน้านี้เขามีบทในหนังเรื่อง Lion for Lambs ซึ่งนำแสดงโดย โรเบิร์ต เร็ดฟอร์ด (Robert Redford), ทอม ครูซ (Tom Cruise) และ เมอรีล สตรีพ (Meryl Streep) โดยยังได้ โรเบิร์ต เร็ดฟอร์ด ควบหน้าที่เป็นผู้กำกับ และเขายังได้แสดงเป็นเพื่อนของ มาร์ค เว็บเบอร์ ในหนังของ อีธาน ฮอร์ค (Ethan Hawke) เรื่อง The Hottest State และเล่นเป็นเด็กหนุ่มที่ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นในหนังคัลท์สุดคลาสสิคเรื่อง Feast
ผลงานเรื่องอื่นๆของเขาก็ยังมี Surviving Christmas ที่เขาแสดงร่วมกับ เบน เอฟเฟล็ค (Ben Affleck) และ เจมส์ แกนดอลฟินี (James Gandolfini), Pretty Persuasion ที่นำแสดงโดย อีวาน เรเชล วู้ด (Evan Rechel Wood) และยังแสดงเป็น ดร อีวิล ตอนเด็ก ในหนังสุดฮิตเรื่อง Austin Powers in Goldmember อีกด้วย
เขายังมีผลงานทางโทรทัศน์อีกด้วย โดยเป็นกลุ่มนักแสดงหลักของซีรี่ย์ดราม่าเรื่อง Kyle XY และ CSI: Miami และก็ยังมีบทรับเชิญในซีรี่ย์เรื่อง Boston Legal, Close to Home, Stand off และ House ส่วนผลงานทางละครเวทีของเขาก็ยังมี Women and Wallace ที่แสดงที่ Actor's Lab Theater ในแอลเอ โดยการแสดงของเขาได้รับคำชมจากนักวิจารณ์อย่างท่วมท้น
หลังจากที่เริ่มต้นการแสดงในหนังทีวีของ ABC เรื่อง Geppetto ที่นำแสดงโดย ดรูว์ แครี่ (Drew Carey) และ จูลี่ หลุยส์ เดรย์ฟัส (Julia Louis-Dreyfus) ซัคเคอร์แมน ยังได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มนักแสดงของซีรี่ย์เรื่อง Once and Again และ NYPD Blue และยังได้รับบทรับเชิญที่น่าจดจำใน The West Wing
เขาเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัว ซัคเคอร์แมนเริ่มแสดงตั้งแต่อายุ 10 ขวบที่ Los Altos Youth Theater ใน ลอส อัลตอส, แคลิฟอร์เนีย และเขาก็ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยพรินส์ตันอยู่ในขณะนี้
อแมนด้า ครูว (รับบทเป็น เฟลิเซีย)
ผลงานล่าสุดของเธอคือการร่วมแสดงใน The Haunting in Connecticut คู่กับ เวอร์จิเนีย แม็ดเซน (Virginia Madsen) และ เอเลียส โกทีส (Elias Koteas) ซึ่งเป็นผลงานกำกับของ ปีเตอร์ คอร์นวอลล์ (Peter Cornwall) ผลงานก่อนหน้านี้ของเธอก็ยังมี Final Destination 3 และ She’s the Man ที่นำแสดงโดย อแมนด้า ไบน์ส (Amanda Bynes)
ผลงานทางโทรทัศน์ ครูว ก็ได้แสดงเป็น แครี่ มิลเลอร์ ในซีรี่ย์สุดฮิต Whistler เป็นเวลาสองซีซั่น และก็ทำให้เธอได้รับรางวัล Leo Award สาขานักแสดงนำหญิงประเภทดราม่ายอดเยี่ยมไปครอง
เธอเกิดและโตใน แลงค์ลี่ย์ บริติส โคลัมเบีย โดยเริ่มต้นอาชีพนักแสดงของเธอ ด้วยการเป็นหนึ่งในนักแสดงหลักของซีรี่ย์วัยรุ่น 15/Love เป็นเวลาสองซีซั่น ส่วนผลงานทางโทรทัศน์เรื่องอื่นๆก็ยังมี Life as We Know It และ Smallville
คลาร์ค ดุ๊ก (รับบทเป็น แลนส์)
เขาได้รับบทใหญ่ครั้งแรกในเรื่อง Sex Drive และก็กำลังจะมีผลงานใหญ่อีกครั้งหนึ่งในหนังเรื่อง A Thousand Words ที่นำแสดงโดย เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ (Eddie Murphy)
เขาเป็นที่รู้จักที่สุดจากการเป็นผู้ร่วมสร้างซีรี่ย์ตลก ที่ถูกถ่ายทอดในอินเตอร์เน็ตเรื่อง Clark and Michael ที่เขาทั้งเขียนบท,กำกับ, อำนวยการสร้าง และนำแสดงร่วมกับเพื่อนของเขา ไมเคิล เซร่า (Michael Cera) จาก Superbad นี้คือซีรี่ย์ที่ติดอันดับยอดเยี่ยมประจำปี 2007 หลายสถาบันทั้ง Time Magazine, Entertainment Weekly, The New York Times และ The Los Angeles Times โดย ดุ๊ก ยังมีบทบาทที่สำคัญในบท เดล จากซีรี่ย์เรื่อง Greek และก็ยังให้เสียงในซีรี่ย์อนิเมชั่นสุดฮิตอขง เซธ กรีน เรื่อง Robot Chicken
เขาโตมาใน ฮ๊อท สปริงค์, อาคันซอร์ โดย ดุ๊ก ยังเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถที่เคยตั้งวงดนตรีร่วมกับ ไมเคิล เซร่า เขายังมีโปรเจ็คอื่นๆอีก ที่เขาวางแผนที่จะทั้งเขียนบท, นักแสดง, ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย
เจมส์ มาร์สเด็น (รับบทเป็น เร็กส์)
ด้วยการประสบความสำเร็จกับหนังหลายเรื่อง ทำให้เขาเป็นนักแสดงที่มากความสามารถคนหนึ่งในฮอลิวู้ด ซึ่งล่าสุดนี้เขาก็ยังแสดงนำในหนังฮิตทำเงินเรื่อง 27 Dresses หนังโรแมนติค-คอมเมดี้ที่เขาเล่นคู่กับ แคทธาลีน ฮีเกิล (Katherine Heigl)
ก่อนหน้านี้ เขาได้รับคำชมอย่างท่วมท้นในหนังสุดฮิตเรื่อง Enchanted ที่เขาได้เล่นร่วมกับ เอมี อดัมส์ (Amy Adams), แพ็ททริค เด็มฟซี่ย์ (Patrick Dempsey) และ ซูซาน ซาแรนดอน (Susan Sarandon) หนังโรแมนติคแนวเทพนิยายที่ผสมผสานกับเทคนิคซีจีไออย่างลงตัว และยังถูกเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ ในสาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยมถึง 3 รางวัลด้วยกัน
มาร์สเด็น ยังเป็นหนึ่งในนักแสดงนำเรื่อง Hairspray ของ อดัม แชงค์แมน (Adam Shankman) ที่ร่วมแสดงโดย จอห์น ทราโวลต้า (John Travolta), ควีน ลาห์ติฟา (Queen Latifah), มิเชล ไฟเฟอร์ (Michelle Pfeiffer) และ คริสโตเฟอร์ วอลเค่น (Christopher Walken) โดยเชาเล่นเป็น คอร์นี่ คอลลิน พิธีกรนำของรายการเต้นทางโทศทัศน์ Hairspray ได้ถูกเสนอเข้าชิงรางวัลมากมาย ทั้ง Critics’ Choice Awards ในสาขากลุ่มนักแสดงยอดเยี่ยม, นักตลกยอดเยี่ยม และหนังครอบครัวยอดเยี่ยม รวมถึง Screen Actors Guild ในสาขากลุ่มนักแสดงยอดเยี่ยมอีกด้วย
มาร์สเด็น เพิ่งถ่ายทำหนังทริลเลอร์แนวจิตวิทยาเของผู้กำกับ ริชาร์ด เคลลี่ (Richard Kelly) เรื่อง The Box ที่เขาแสดงคู่กับ คาเมรอน ดิแอช (Cameron Diaz) ซึ่งเป็นหนังที่ถูกสร้างมาจากเรื่องสั้นสุดคลาสสิคของ ริชาร์ด มาเธอร์สัน (Richard Matheson) ที่ชื่อว่า Button, Button
มาร์สเด็น ได้แสดงใน Superman Returns กับ แบรนดอน รูธ (Brandon Routh), เควิน สเปซี่ย์ (Kevin Spacey), เคท บอสเวิร์ธ (Kate Bosworth) และ แฟรงค์ แลงเกลล่า (Frank Langella) ของผู้กำกับ ไบรอัน ซิงเกอร์ (Bryan Singer)
ผลงานเรื่องอื่นๆของเขาก็ยังมีการรับบทเป็น ไซคลอป ในไตรภาคเรื่อง X-Men, Notebook, The Alibi, Disturbing Behavior, 10th and Wolf, The 24th Day, Sugar and Spice และ Interstate 60 ส่วนผลงานในโทรทัศน์นั้น เขาก็ได้รับบทเป็น เกลน ฟอย ในซีวั่นสุดท้ายของซีรี่ย์รางวัลเอ็มมี่เรื่อง Ally McBeal ของ เดวิด อี เคลลี่ (David E. Kelley)
เซธ กรีน (รับบทเป็น เอเซเคียล)
ผลงานที่กำลังจะออกฉายของเขาคือเรื่อง Olddogs ที่แสดงร่วมกับ จอห์น ทราโวลต้า (John Travolta) และ โรบิน วิลเลี่ยม (Robin Williams) นอกจากนั้น กรีน ก็ยังได้รับคำชมจากบทที่เขาแสดงในหนังเรื่อง Without a Paddle, The Italian Job และ Party Monster
ผลงานก่อนหน้านี้ของ กรีน ก็คือบทที่เขาเล่นเป็น สก๊อต อีวิล ซึ่งเป็นลูกของ ดร.อีวิล ใน Austin Power ทั้งสามภาค เขายังได้แสดงในเรื่อง American's Sweethearts, Rat Race, Can't Hardly Wait, Knockaround Guys และเขาก็ได้รับบทเป็น วู้ดดี้ อัลเลน (Woody Allen) วัยเด็กในเรื่อง Radio Days อีกด้วย
ผลงานในโทรทัศน์ กรีน ได้สร้างอนิเมชั่นซีรี่ย์ที่ถูกแสนอเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่มาแล้ว อย่างเรื่อง Robot Chicken ที่สร้างกันจนมาถึงปีที่สี่แล้ว นี้เป็นซีรี่ย์ที่กำเนิดขึ้นตั้งแต่กุมภาพันธ์ ปี 2005 โดย Robot Chicken เป็นอนิเมชั่นที่ได้รับทั้งความนิยมและคำวิจารณ์ในแง่บวก และก็ยังเป็นซีรี่ย์ที่มีเรทติ้งที่ดีที่สุดของช่อง Cartoon Network ในเดือนกันยายนอีกด้วย กรีน ยังให้เสียงในอนิเมชั่นสุดฮิตเรื่อง Family Guy ที่เขาให้เสียงเป็น คริส กริฟฟิธ
กรีน ที่มีผลงานมามากกว่า 25 ปีแล้ว เขาเป็นนักแสดงที่มีไหวพริบ และเป็นจอมขโมยซีนอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเขาก็ยังได้ล้อเลียนตัวเอง ในซีรี่ย์สุดฮิตทาง HBO เรื่อง Entourage อีกด้วย
แคททรีน่า บาวเดน (รับบทเป็น มิส เทสตี้)
ปัจจุบันนี้ เธอมีผลงานในซีรี่ย์รางวัลเอ็มมี 30 Rock โดยเธอแสดงเป็นผู้ช่วยของ ลิส ฮาร์มอน ที่แสดงโดยนักแสดงรางวัลเอมมี่ ทีน่า เฟย์ (Tina Fey) ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ถูกเสนอเข้าชิง Screen Actors Guild Award ในสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยม
นักเรียนดีเด่นจาก Wycoff, New Jersey เธอได้รับงานแสดงในโฆษณาหลายชุด แต่มาเป็นที่รู้จักกันในมิสิควิดีโอของ Fall Out Boy เพลง Dance, Dance เธอยังปรากฏตัวอยู่ในซีรี่ย์ชื่อดังอีกเช่น Law & Order: Special Victim Unit และ One Life to Live
ในโลกของภาพยนตร์ เธอมีผลงานที่กำลังจะถูกฉายอย่างเช่น National Lampoon’s Ratko: The Dictator’s Son ที่กำกับโดย ซาเวจ สตีฟ ฮอลแลนด์ (Savage Steve Holland) และ The Last Film Festival ที่เธอเล่นคู่กับ เดนนิส ฮ็อปเปอร์ (Dennis Hopper)
ทีมผู้สร้าง
ณอน แอนเดอร์ (ผู้กำกับ/ผู้ร่วมเขียนบท)
เขาได้กำกับหนังอินดี้เรื่องแรกในปี 2005 ทีชื่อว่า Never Been Thawed ที่เขาร่วมเขียนกับ จอห์น มอร์ริส (John Morris) ซึ่งเป็นหนังตลกที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และได้รับเลือกให้ถูกฉายในเทศกาลหนัง Silver Lake ในลอส แองเจลลิส Sex Drive คือหนังเรื่องที่สองของเขา และเป็นเรื่องแรกที่อยู่ภายใต้การดูแลของสตูดิโอ
แอนเดอร์ และ มอร์ริส ยังได้ร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง She’s Out of My League ที่กำลังถูกทำให้เป็นหนังของค่าย DreamWorks/Paramount และพวกเขาก็ยังได้ขายบทไปแล้วให้กับทาง Lionsgate และ Comedy Central พวกเขายังถูกจ้างให้ไปเขียนบทให้กับไพล็อตซีรี่ย์ที่กำลังจะถูกฉายทาง Fox Television
แอนเดอร์ เกิดที่ แคลิฟอร์เนีย แต่มาเติบโตใน เดอฟอเรส, วิสคอนซิน ก่อนที่เขาจะมาเป็นผู้กำกับนั้น เขาก็ได้ตั้งวงดนตรีและเล่นอยู่ในแถบ วิสคอนซิน และ อริโซน่า เขายังทำงานเป็นกราฟฟิค ดีไซน์เนอร์อยู่หลายปี ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ฮอลลิวู้ดอย่างเต็มตัว
จอห์น มอร์ริส (ผู้อำนวยการสร้าง/ผู้ร่วมเขียนบท)
อำนวยการสร้างและร่วมเขียนบทกับ ณอน แอนเดอร์ ใน Never Been Thawed หนังที่ทำให้พวกเขาเป็นที่ต้อนรับในฮอลลิวู้ด โดยยังได้รับเลือกให้ถูกฉายในเทศกาลหนัง Silver Lake ในลอส แองเจลลิส Sex Drive คือหนังเรื่องที่สองของเขา ที่เป็นทั้งผู้อำนวยการสร้างและร่วมเขียนบท
แอนเดอร์ และ มอร์ริส ยังได้ร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง She’s Out of My League ที่กำลังถูกทำให้เป็นหนังของค่าย DreamWorks/Paramount และพวกเขาก็ยังได้ขายบทไปแล้วให้กับทาง Lionsgate และ Comedy Central พวกเขายังถูกจ้างให้ไปเขียนบทให้กับไพล็อตซีรี่ย์ที่กำลังจะถูกฉายทาง Fox Television
มอร์ริส เกิดที่ ชิคาโก เติบโตระหว่าง ชิคาโก และ แคลิฟอร์เนีย เขา และ แอนเดอร์ พบกันระหว่างที่ทั้งสองเป็นนักดนตรี แต่อยู่กันคนละวง หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่ที่ รีโน่, เนวาด้า และเปิดร้านขายฟูก ก่อนที่ แอนเดอร์ จะชวนเขามาเขียนเรื่อง Never Been Thawed
เลส มอร์เกนสไตน์ (ผู้อำนวยการสร้าง)
เป็นประธานบริษัทของ Alloy Entertainment มากตั้งแต่ปี 1999 โดยเป็นคนที่ควบคุมการทำงาน, แผนงาน และแนวคิดต่างๆภายในบริษัททั้งหมด เขายังได้เป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์และซีรี่ย์ทางโทรทัศน์มากมาย เช่น The Sisterhood of the Traveling Pants ทั้งสองภาค และซีรี่ย์สุดฮิต Gossip Girl
มอร์เกนสไตน์ จบปริญญาตรีจาก Sarah Lawrence College สาขาการเขียนและการถ่ายภาพ และต่อปริญญาโทที่ New York University’s Stern School of Business สาขาด้านการเงิน
บ๊อบ เลวี่ (ผู้อำนวยการสร้าง)
เลวี่ จบจากมหาวิทยาลัย บราวด์ ด้วยเกียรตินิยม และเขาแต่งงานกับนักสร้างหนัง อลิธซาเบ็ธ อัลเลน (Elizabeth Allen) เป็นรองประธานบริษัมในส่วนของการพัฒนาภาพยนตร์และโทรทัศน์ของ Alloy Entertainment เขาได้ทำงานให้ธุรกิจนี้มาแล้วกว่าสองทศวรรษ
เลวี่ ได้เข้ามาอยู่ใน Alloy Entertainment ในปี 2001 หลังจากที่อยู่กับ NBC มากกว่า 10 ปี ที่เขารับตำแหน่งเป็นรองประธานของซีรี่ยNในช่วงไพรมไทม์ ที่ผลิตซีรี่ย์ชื่อดังมากมาย เช่น Mad About You, Caroline in the City และ Working ส่วนในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ใน Alloy Entertainment เขาก็ได้สร้างผลงานที่ดังๆมากมาย เช่น Gossip Girl
ทิม ออร์ (ผู้กำกับภาพ)
เป็นผู้กำกับภาพี่มีผลงานมากมายทั้งภาพยนตร์, สารคดี และโฆษณา ผลงานเรื่องล่าสุดของเขาก็คือ Observe & Report และ Pineapple Express ซึ่งนำแสดงโดย เซ็ธ โรเกน ทั้งสองเรื่อง ส่วนหนังเรื่องอื่นๆก็ยังมี Choke, Year of the Dog, Snow Angels, Off the Black, Come Early Morning, Trust the Man และ Little Manhattan
ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของ ออร์ คือ งานที่ร่วมกับผู้กำกับ เดวิด กอร์ดอน กรีน (David Gordon Green) ในเรื่อง George Washington ที่ทำให้เขาได้ถูกเสนอเข้า Independent Spirit Award ในสาขากำกับภาพยอดเยี่ยม และ All the Real Girls ที่ชนะ Special Jury Prize ในงานเทสกาลหนังซันแดนส์ ผลงานเรื่องอื่นๆก็ยังมี Dandelion, The Undertow (ที่กำกับโดย เดวิด กอร์ดอน กรีน), Imaginary Heroes และ The Baxter
เขาเกิดและเติบโตใน นอร์ธ คาโรไลน่า ออร์ เรียนการถ่ายทำภาพยนตร์จาก North Carolina School of the Arts’ School of Filmmaking