กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนผู้ใช้รถใช้ถนนควรเพิ่มความระมัดระวังมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเช้า เนื่องจากอุณหภูมิลดลง ทำให้มีหมอกหนาตอนเช้าในบางพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยควรเปิดไฟหน้ารถแบบต่ำ ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากคันหน้ามากกว่าช่วงปกติ กรณีมองไม่เห็นเส้นทางควรจอดรถในสถานที่ปลอดภัยรอให้หมอกจาง จึงขับรถต่อไปได้
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว อุณหภูมิจะเริ่มลดลง ทำให้พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีหมอกและหมอกหนาในตอนเช้า อาจส่งผลให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง เนื่องจากในช่วงที่มีหมอกหนาอาจทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง สามารถมองเห็นเส้นทางได้ในระยะน้อยกว่า ๕๐ เมตร จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะในเส้นทางเสี่ยง เช่น หุบเขา เชิงดอย ทางลาดชัน ทางโค้งต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเฉี่ยวชนจนรถเสียหลักและรถตกไหล่ทางได้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงควรขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง เปิดไฟหน้ารถแบบต่ำหรือไฟตัดหมอก เพื่อให้การมองเห็นเส้นทางชัดเจนมากขึ้น ไม่ขับรถเร็ว และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าช่วงปกติ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะสามารถหักหลบได้ทัน หากจำเป็นต้องหยุดรถควรจอดพ้นทางเดินรถให้มากที่สุด และให้สัญญาณเตือนที่ชัดเจน โดยเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อป้องกันรถที่วิ่งตามมาเฉี่ยวชน กรณีที่หมอกลงจัดจนไม่สามารถมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ ควรจอดพักรถในบริเวณที่ปลอดภัย รอจนหมอกจางลงจนสามารถมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนขึ้น จึงขับรถต่อไปได้ สำหรับนักท่องเที่ยวควรศึกษาสำรวจเส้นทางก่อนออกเดินทาง และหมั่นสังเกตป้ายเตือน และเครื่องหมายจราจรต่างๆ รวมทั้งเตรียมรถให้พร้อมก่อนออกเดินทาง จะทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่สายด่วน ปภ.๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง