ธนาคารกรุงเทพรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2551 มีกำไรสุทธิ 4,212 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 21, 2008 08:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--ธนาคารกรุงเทพ จุดเด่นของผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2551 - สินเชื่อขยายตัวร้อยละ 13.1 จากสิ้นปี 2550 - สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ลดลงเป็นร้อยละ 5.6 - สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ส่วนที่เกินเกณฑ์ของ ธปท. สูงถึง 21,915 ล้านบาท - ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.37 ธนาคารกรุงเทพรายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาส 3 ของปี 2551 มีกำไรสุทธิ 4,212 ล้านบาท หลังจากการตั้งสำรองด้อยค่าเงินลงทุนจำนวน 3,081 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการสำรองด้อยค่าดังกล่าว ธนาคารจะมีกำไรก่อนหักสำรองและภาษี 10,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2551 จำนวน 1,159 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.6 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ รายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากการปริวรรตเงินตรา ในขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลง ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ธนาคารมีการขยายตัวด้านสินเชื่อในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 13.1 โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 จำนวน 135,128 ล้านบาท เป็น 1,170,519 ล้านบาท และในช่วงเวลาดังกล่าว ธนาคารประสบความสำเร็จในการแก้ไขหนี้มีปัญหา และมีสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลง 14,584 ล้านบาท เป็น 67,087 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.6 ของสินเชื่อรวม เทียบกับร้อยละ 7.9 ณ สิ้นเดือนธันวาคม ปี 2550 ในไตรมาส 3 ปี 2551 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 13,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2550 จำนวน 1,565 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.2 โดยรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเพิ่มขึ้น ทั้งจากปริมาณเงินให้สินเชื่อที่สูงกว่าปีก่อน และอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 1,093 ล้านบาท ดังนั้น ในไตรมาสนี้ ธนาคารจึงมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.14 ในปีที่แล้ว เป็นร้อยละ 3.37 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการในไตรมาสนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 248 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.1 จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว เป็น 4,338 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมของบริการค้ำประกัน บริการบัตรเครดิต และบริการประกันชีวิตผ่านธนาคาร ส่วนกำไรจากการปริวรรตมีจำนวน 1,038 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน ในไตรมาสนี้ ธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าเงินลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมูลค่าของตราสารดังกล่าวได้รับผลกระทบจากความผันผวนในตลาดการเงินในสหรัฐฯ โดยธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าเต็มจำนวนเป็นเงินรวม 3,081 ล้านบาท เป็นผลให้รายได้เงินลงทุนมียอดขาดทุน 2,518 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 142 ล้านบาท นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 469 ล้านบาท เป็น 3,350 ล้านบาท เนื่องจากการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี การให้เงินช่วยเหลือค่าครองชีพ และการจัดรับพนักงานเพิ่ม และในส่วนของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์ เพิ่มขึ้น 103 ล้านบาท เป็น 1,704 ล้านบาท จากการขยายเครือข่ายสาขา ในไตรมาส 3 นี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมอีก 1,067 ล้านบาท โดยสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมียอดสะสม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 จำนวน 60,351 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90.0 ของสินเชื่อด้อยคุณภาพ โดยมีสำรองส่วนที่เกินเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยสูงถึง 21,915 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 มีจำนวน 167,295 ล้านบาท และหากนับรวมกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ของปี 2551 ด้วยแล้ว อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นและเงินกองทุนชั้นที่ 1 มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 15.0 และร้อยละ 12.3 ตามลำดับ ธนาคารมีกำไรต่อหุ้นสำหรับงวด 9 เดือนแรกของ ปี 2551 เท่ากับ 7.78 บาท สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ พร้อมพร เวชชาชีวะ (แตง) โทร. 0-2230-2709 บรรพต จันทรธาดา (บิ๊ก) โทร. 0-2230-1375 ธนัชพร จารุวนากุล (กี๊ฟ) โทร. 0-2353-5348

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ