กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทในเครือ ประจำไตรมาส 3/2551 มีกำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ สำรองเงินลงทุนในตราสาร CDO และภาษี) จำนวน 3,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2550 และหลังตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 1,720 ล้านบาท การบันทึกขาดทุนตามมูลค่าตลาดของตราสาร CDO จำนวน 852 ล้านบาท และภาษี จำนวน 275 ล้านบาทแล้ว ธนาคารมีกำไรสุทธิ ประจำไตรมาส 3 ปี 2551 จำนวน 1,019 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการรอบ 9 เดือน ธนาคารมีกำไรสุทธิ จำนวน 4,052 ล้านบาท ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2550 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 4,957 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานปกติของธนาคารในไตรมาส 3 ปี 2551 ปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 43% และรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2550 และในไตรมาสนี้ ธนาคารมีสินเชื่อเติบโตสุทธิ จำนวน 11,000 ล้านบาท ส่งผลให้สินเชื่อของธนาคารในรอบ 9 เดือนของปี 2551 เติบโตสุทธิ รวมจำนวน 101,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22% ขณะเดียวกันคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารก็ปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลง 1,752 ล้านบาท ขณะที่ NPL ที่ธนาคารได้ขายไป ในไตรมาส 3 จำนวนประมาณ 8,900 ล้านบาทอยู่ระหว่างรอโอน ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ของปีนี้
นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ท่ามกลางวิกฤติการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้วและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารพอใจกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปีนี้ เพราะเรายังสามารถขยายสินเชื่อเติบโตสุทธิได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะเดียวกันคุณภาพสินทรัพย์ก็ยังปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งความคืบหน้าดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารมีนโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่เหมาะสม และมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในเรื่องของการจำหน่าย NPL นั้น ในปีนี้ ธนาคารสามารถจำหน่าย NPL แล้วรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่ธนาคารสามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่วางไว้”
“ความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ทั้งจากการขยายธุรกิจที่เรามีอยู่และจากการเข้าซื้อธุรกิจ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปกติของธนาคารเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 28% อย่างไรก็ตาม ผลจากภาวะความผันผวนของตลาดโดยรวม ทำให้ธนาคารเพิ่มเงินสำรองสำหรับการลงทุนในตราสาร CDO ขึ้นเป็น 80% ถึงแม้ว่าการลงทุนดังกล่าวยังคงให้ผลตอบแทนตามเงื่อนไขและข้อกำหนดอย่างต่อเนื่อง” นาย ตัน คอง คูน กล่าว
นายโยชิอากิ ฟูจิโมริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ จีอี มันนี่ เอเชีย กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานล่าสุดของธนาคารกรุงศรีอยุธยาย้ำให้เห็นว่า ธนาคารมีผลงานคืบหน้าเป็นไปตามแผนงานที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งสมฐานะที่เป็นกลุ่มการเงินชั้นนำของประเทศไทย และในฐานะที่ จีอี เป็นผู้ถือหุ้นและเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นธนาคารสามารถยืนหยัดก้าวหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นพร้อม ๆ ไปกับการเร่งหาโอกาสที่จะช่วยให้ธนาคารบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้เร็วขึ้น”
“ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย ธนาคารถือว่าโชคดีที่เรามีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย คือ จีอี และกลุ่มรัตนรักษ์ ซึ่งทั้งสองต่างมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจบริการทางการเงินเป็นอย่างดี และธนาคารได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งสองรายมาโดยตลอด” นายตัน คอง คูน กล่าวในที่สุด
ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 702,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 จำนวน 50,529 ล้านบาท หรือ 8% มีเงินให้สินเชื่อรวม 551,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 101,217 ล้านบาท หรือ 22% มีเงินฝาก หุ้นกู้ และตั๋วแลกเงิน รวมจำนวน 565,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46,787 ล้านบาท หรือ 9% และธนาคารยังคงรักษาความแข็งแกร่งของอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 17.7% โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) 13.7%
ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร แก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขา 579 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเพื่อรายย่อยชั้นนำของโลกได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยปัจจุบัน จีอี มันนี่ถือหุ้นของธนาคารในสัดส่วนร้อยละ 33 ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ จีอี มันนี่ เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร www.krungsri.com
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ดร. เยาวลักษณ์ พูลทอง
ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์หมายเลข 0 2296 3729, 02 296 2443
อีเมล์: pyawalak@krungsri.com