กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--คอร์ แอนด์ พีค
ระบบระบุเอกลักษณ์ของวัตถุด้วยคลื่นความถี่วิทยุ หรือ อาร์เอฟไอดี (Radio frequency identification: RFID) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีแห่งความหวังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีบทความมากมายตามหน้านิตยสาร รายการโทรทัศน์ รายงานการวิเคราะห์ และอื่นๆ ล้วนยกย่องถึงข้อดีในการใช้อาร์เอฟไอดี รายงานฉบับนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงอาร์เอฟไอดีว่าทำงานอย่างไร และบอกถึงมาตรฐานปัจจุบัน ตลอดจนข้อควรพิจารณาบางอย่างที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าคุณสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ให้สำเร็จและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนได้อย่างไร
ผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และหน่วยงานภาครัฐกำลังใช้เทคโนโลยีนี้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั้งในด้านการติดต่อ รักษาความปลอดภัย และจัดการรายการสินค้าตั้งแต่ระดับวัตถุดิบจนถึงตลอดอายุใช้งานของผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้กระบวนการภายในมีประสิทธิภาพมากขึ้นและปรับปรุงการตอบสนองทางซัพพลายเชน จากการศึกษาของบริษัท เอเอ็มอาร์ รีเสิร์ช ระบุว่า ผู้นำอาร์เอฟไอดีไปใช้ในการผลิตสินค้าสำหรับผู้บริโภคสามารถลดค่าใช้จ่ายในด้านซัพพลายเชนได้ 3-5% และมีรายได้เพิ่มขึ้น 2-7%
ผู้ใช้รถหลายคนพบว่ามีการนำอาร์เอฟไอดีไปใช้แล้วในด่านเก็บเงินค่าผ่านทางอัตโนมัติ ในทางธุรกิจ อาร์เอฟไอดีถูกใช้ในการระบุแท่นวางสินค้า คอนเทนเนอร์ ยานพาหนะ เครื่องมือ และสินทรัพย์อื่นๆ ตรวจสอบสินค้าคงคลัง และติดตามเส้นทางของวัสดุตลอดทั้งกระบวนการผลิต
วิธีทำงานของอาร์เอฟไอดี
ระบบอาร์เอฟไอดีประกอบด้วยแท็ก เครื่องอ่าน และซอฟต์แวร์ที่จะประมวลผลข้อมูล โดยปกติแท็กจะนำไปใช้กับสิ่งของ ซึ่งมักจะเป็นส่วนหนึ่งของป้ายบาร์โค้ดแบบติดกาว นอกจากนี้ แท็กยังถูกรวมไว้ในบัตรประจำตัวหรือสายรัดข้อมือก็ได้ เครื่องอ่านอาจแยกเป็นชุดต่างหาก (เช่น สำหรับตรวจสอบที่ประตูเข้าออกหรือสายพานขนส่ง) หรือจะรวมกับคอมพิวเตอร์แบบเคลื่อนที่สำหรับพกพา หรือใช้กับรถโฟร์คลิฟท์หรือต่อกับเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
เครื่องอ่านจะส่งสัญญาณวิทยุเพื่อให้แท็กซึ่งอยู่ในระยะทำการทั้งหมดได้รับ จากนั้นแท็กจะรับสัญญาณผ่านทางสายอากาศและตอบสนองด้วยการส่งข้อมูลที่เก็บไว้ในแท็กออกไป แท็กสามารถเก็บข้อมูลได้หลายอย่าง เช่น หมายเลขผลิตภัณฑ์ คำสั่งการกำหนดค่า ประวัติของสิ่งของนั้นๆ หรือแม้แต่อุณหภูมิและข้อมูลอื่นๆ ที่เซ็นเซอร์ตรวจวัดได้ อุปกรณ์แบบอ่าน/เขียนได้จะรับสัญญาณของแท็กผ่านทางสายอากาศ ถอดรหัสลับและส่งผ่านข้อมูลไปยังระบบคอมพิวเตอร์ผ่านทางการเชื่อมต่อแบบมีสายหรือไร้สาย
แท็กอาร์เอฟไอดีสามารถเป็นแบบอ่านอย่างเดียวหรืออ่านและเขียนได้ (ซึ่งอย่างหลังเป็นมาตรฐานในปัจจุบันแล้ว) แท็กอ่านอย่างเดียวจะถูกโปรแกรมมาจากโรงงานด้วยหมายเลขผลิตภัณฑ์หรือข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ส่วนข้อมูลในแท็กแบบอ่าน/เขียนได้นั้นสามารถแก้ไขได้นับพันครั้ง และมักจะแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับอ่านอย่างเดียวเพื่อเก็บหมายเลขไอดีที่ไม่ซ้ำกันและส่วนหน่วยความจำที่สามารถเขียนได้ที่ผู้ใช้สามารถโปรแกรมใหม่ได้อย่างอิสระ ดังนั้นผู้ใช้อาจเข้ารหัสหมายเลขไอดีแท่นวางสินค้าในหน่วยความจำแบบอ่านอย่างเดียว และใช้ส่วนอ่าน-เขียนได้เพื่อบันทึกสิ่งของที่วางบนแท่นวางนั้น จากนั้นเมื่อเอาของออกจากแท่นวางสินค้าแล้ว ส่วนที่สามารถเขียนได้จะถูกลบข้อมูลเพื่อนำไปใช้ใหม่
นอกจากนี้ แท็กยังแบ่งออกเป็นพาสซีฟ กึ่งพาสซีฟ หรือแอ็คทีฟ โดยแท็กพาสซีฟ ซึ่งใช้กันมากที่สุด ได้รับพลังงานที่ส่งผ่านจากเครื่องอ่าน ขณะที่แท็กแบบแอ็คทีฟจะมีแบตเตอรีที่จะให้พลังงานในการส่งผ่านสัญญาณ ซึ่งทำให้มีระยะการส่งที่ไกลขึ้น ส่งผลให้แท็กแบบแอ็คทีฟมีขนาดใหญ่กว่าและมีราคาแพงกว่าแท็กแบบพาสซีฟ ส่วนแบบกึ่งพาสซีพจะสื่อสารเหมือนกับแท็กพาสซีฟ แต่จะมีแบตแตอรี่ในตัวด้วย มีระยะรับส่งสัญญาณจะอยู่ระหว่างแท็กพาสซีฟและแอ็คทีฟ และแม้ว่าแท็กรูปแบบนี้จะแบตเตอรี่แต่ก็มีขนาดได้เทียบเท่ากับแท็กแบบพาสซีฟ
ตัวเลือกเครื่องอ่าน/เครื่องเขียน
อุปกรณ์อาร์เอฟไอดีมีความยืดหยุ่นในการจัดวางต่างจากเครื่องอ่านบาร์โค้ด เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้ระดับแนวเดียวกับสายตาในการทำงาน และระยะการอ่านก็ไกลกว่า โดยเครื่องอ่านสามารถติดตั้งใต้พื้นและติดกับหลังคาได้ ในช่วงคลื่นความถี่ UHF ที่ใช้กันมากในเชิงพาณิชย์ให้ระยะในการอ่านได้ไกลกว่า 10 เมตร มีเครื่องอ่านหลายชนิดที่สามารถทำงานร่วมกับการดำเนินงานของซัพพลายเชนทั้งในรูปแบบเครื่องอ่านแบบพกพาที่ต่อกับอุปกรณ์พกพา เครื่องอ่านที่ติดกับยานพาหนะ/รถโฟร์คลิฟท์ และเครื่องอ่านประจำที่ที่ติดกับประตูเข้าออก
ระบบอาร์เอฟไอดียังสามารถทำงานในเครือข่ายไร้สายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นโฮสต์ได้ โดยระบบแลน Wi-Fi ไม่รบกวนระบบอาร์เอฟไอดี (ระบบที่เก่ากว่า อุปกรณ์เครือข่ายไร้สายขนาด 915 เมกะเฮิรตซ์ สามารถรบกวนระบบอาร์เอฟไอดีช่วง UHF ได้ แต่อุปกรณ์เหล่านี้มีใช้งานอยู่ไม่มากแล้ว)
ประสิทธิภาพของอาร์เอฟไอดี
ระบบอาร์เอฟไอดีมีหลากหลายตามระยะการอ่านและความถี่ที่ใช้ หน่วยความจำของชิพ ความปลอดภัย ชนิดข้อมูลที่เก็บรวบรวม และคุณลักษณะอื่นๆ ความเข้าใจสิ่งเหล่านี้จะทำให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพของอาร์เอฟไอดีและวิธีที่ระบบสามารถนำไปใช้ในการดำเนินงานได้ ต่อไปนี้คือคุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของอาร์เอฟไอดีซึ่งนำมาอธิบายไว้โดยย่อ
ความถี่
ความถี่เป็นปัจจัยหลักที่จะกำหนดระยะอ่านของอาร์เอฟไอดี โดยระบบอาร์เอฟไอดีเชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่จะทำงานในช่วงคลื่นความถี่ UHF ซึ่งอยู่ระหว่าง 859-960 เมกะเฮิรตซ์ หรือ HF ที่ระดับ 13.56 เมกะเฮิรตซ์ ส่วนความถี่อาร์เอฟไอดีอื่นๆ ทั่วไป ได้แก่ 125 เมกะเฮิรตซ์ (ความถี่ช่วงสั้นมักใช้ในการระบุรถยนต์) และ 460 เมกะเฮิรตซ์ และ 2.45 กิกะเฮิรตซ์ ทั้งสองใช้ในระยะอ่านช่วงที่ไกลกว่า มักจะใช้กับแท็กที่มีแบตเตอรีและมีราคาแพง โดยช่วง UHF ใช้กันมากในแอพพลิเคชันอัตโนมัติในอุตสาหกรรม และซัพพลายเชน และมาตรฐาน Gen2 ยอดนิยมของ EPCglobal ก็เป็นเทคโนโลยี UHF
ระยะการอ่าน
ระยะการอ่านของระบบอาร์เอฟไอดีจะแตกต่างกันออกไปตั้งแต่ไม่กี่เซนติเมตรจนถึงหลายสิบเมตร ขึ้นอยู่กับความถี่ที่ใช้ แรงส่งของพลังงาน และความไวของสายอากาศ เทคโนโลยี HF ถูกใช้กับแอพพลิเคชันระยะสั้นและสามาถอ่านได้จนถึงประมาณ 3 เมตร เทคโนโลยี UHF ให้ระยะการอ่าน 20 เมตรหรือกว่านั้น นอกจากนี้ ระยะการอ่านยังขึ้นอยู่สภาพแวดล้อมจริง สิ่งกีดขวาง เช่น โลหะ และของเหลว อาจมีผลต่อระยะและประสิทธิภาพการอ่าน/เขียนได้ ดังนั้น ระบบต่างๆ ภายในโรงงานเดียวกันอาจทำงานภายในระยะที่ต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและตำแหน่งสายอากาศ สำหรับแท็กอ่าน/เขียนได้นั้น โดยทั่วไประยะการอ่านจะไกลกว่าระยะการเขียน
ความปลอดภัย
ชิพอาร์เอฟไอดียากที่จะปลอมแปลงได้ แฮคเกอร์จะต้องมีความรู้เฉพาะในด้านวิศวกรรมไร้สาย การเข้ารหัสอัลกอริธึมและเทคนิคการเข้ารหัสลับ นอกจากนี้ ยังมีการนำระดับความปลอดภัยต่างๆ เข้ามาใช้กับข้อมูลภายในแท็กด้วย ทำให้ข้อมูลที่อ่านได้ในบางจุดอาจไม่สามารถอ่านได้ในอีกจุด
มาตรฐาน
ในช่วงเริ่มต้นของอาร์เอฟไอดี เทคโนโลยีนี้ยังไม่มีมาตรฐาน แต่ในปัจจุบันมีมาตรฐานจำนวนมากตามความถี่และแอพพลิเคชันที่หลากหลาย เช่น มาตรฐานอาร์เอฟไอดีที่มีอยู่ในการจัดการสิ่งของ คอนเทนเนอร์ของระบบโลจิสติก บัตรค่าโดยสาร ระบบระบุสัตว์ ระบบระบุยางและล้อ และอื่นๆ โดยองค์กรมาตรฐานสากล หรือ ไอเอสโอ (International Standards Organization: ISO) และอีพีซีโกลบอล อิงค์. (EPCglobal Inc.) เป็นองค์กรด้านมาตรฐานสองแห่งที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนมากที่สุด มาตรฐานแห่งชาติและอุตสาหกรรมจำนวนมากจะใช้มาตรฐาน ISO หรือ EPCglobal
มาตรฐาน ISO ใช้ทุกที่ในโลกได้กลายเป็นมาตรฐานแห่งชาติของหลายประเทศ ขณะที่มาตรฐาน EPCglobal Generation 2 (EPC Gen 2) UHF ได้ยื่นเสนอไปยัง ISO แล้ว คาดว่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานในชุด ISO-18000 เช่นกัน
การใช้อาร์เอฟไอดี
อาร์เอฟไอดีให้ทางเลือกต่งๆ เมื่อไม่สามารถใช้เทคโนโลยีอื่นๆ หรือแรงงานคนในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ อาร์เอฟไอดีสามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น ระยะที่ไม่ได้อยู่ในแนวสายตาโดยตรง การอ่านระดับความเร็วสูง ทนอุณหภูมิสูง และทนแก๊สและสารเคมีได้ในขณะที่วิธีอื่นทำไม่ได้ นอกจากนี้ อาร์เอฟไอดียังอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เช่น ผู้บริโภคสามารถใช้อาร์เอฟไอดีในการปลดล็อกประตูรถระยะไกล ตรวจสอบหนังสือยืมเข้า-ออกในห้องสมุด และการให้บริการในสถานนีน้ำมัน ขณะที่องค์กรธุรกิจใช้อาร์เอฟไอดีเพื่อติดตามและรายงานตำแหน่งสินทรัพย์นับพันรายการ การจัดส่ง และสิ่งของในสินค้าคงคลัง
การจัดการสินทรัพย์
แท็กอาร์เอฟไอดีสามารถติดกับอุปกรณ์และสินทรัพย์อยู่กับที่ได้ถาวร เช่น แท่นวางสินค้า เครื่องมือ รถบรรทุกขนส่ง ยานพาหนะ เทรเลอร์ และอุปกรณ์ เครื่องอ่านแบบติดตั้งกับที่จะวางในจุดยุทธศาสตร์ภายในโรงงานที่สามารถติดตามการเคลื่อนย้ายและตำแหน่งของสินทรัพย์ที่ติดแท็กได้อย่างแม่นยำ 100% ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาค้นหา เครื่องอ่านสามารถตั้งค่าเพื่อเตือนผู้ดูแลหรือส่งสัญญาณเตือนถ้ามีความพยายามที่จะเอาสิ่งของที่ติดแท็กออกไปจากบริเวณที่ต้องได้รับอนุญาตก่อน และผู้ใช้ยังสามารถมองเห็นระดับสินค้าคงคลังและระบุตำแหน่งได้ ทำให้สามารจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การติดตามการผลิต
จากการศึกษาของศูนย์ระบุข้อมูลอัตโนมัติพบว่าผู้ผลิตสามารถลดต้นทุนในการดำเนินการได้ 2-8% โดยใช้อาร์เอฟไอดีในการติดตามกระบวนการทำงานและสินค้าคงคลังของวัสดุ ผู้ผลิตสามารถมองเห็นคลังสินค้าได้แบบเวลาจริงในขณะที่สภาพแวดล้อมที่ใช้บาร์โค้ดทำไม่ได้ การควบคุมและระบบจัดการวัสดุสามารถรวมเข้ากับเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีเพื่อระบุการเคลื่อนย้ายวัสดุในสายการผลิตและเส้นทางที่สิ่งของนั้นย้ายไปยังแผนกประกอบหรือการทดสอบโดยอัตโนมัติ ความสามารถนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานคน
การควบคุมสินค้าคงคลัง
ข้อดีหลักในการใช้อาร์เอฟไอดีในซัพพลายเชนคือการติดตามสินค้าคงคลังที่ดีขึ้น ผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย ผู้ให้บริการโลจิสติก และผู้ค้าปลีกสามารถใช้อาร์เอฟไอดีกับแอพพลิเคชันสินค้าคงคลังได้ทั้งหมด และอาจใช้แท็กร่วมกันเพื่อลดต้นทุนการนำไปใช้ได้ สามารถอ่านผ่านบรรจุภัณฑ์ ไม่ต้องกังวลเรื่องทิศทางของฉลาก ไม่ต้องอยู่ในตำแหน่งแนวเดียวกับสายตาระหว่างวัตถุและเครื่องอ่าน และสามารถทนต่อฝุ่น ความร้อน ความชื้น สิ่งปนเปื้อน ที่ทำให้บาร์โค้ดใช้ไม่ได้
ความสามารถในการรติดตามวัตถุดิบและกระบวนการผลิตได้อย่างครอบคลุม ทำให้ผู้ผลิตสามารถตรวจสอบระดับสินค้าคงคลงโดยรวม ค่าจ้าง และการดูแลความปลอดภัยให้กับสต็อกสินค้าได้
การจัดส่งและการรับสินค้า
แท็กเดียวกันนี้นอกจากจะใช้เพื่อระบุกระบวนการทำงานหรือสินค้าคงคลังของผลิตัภัณฑ์แล้ว ยังสามารถใช้ในแอพพลิเคชันการติดตามการจัดส่งอัตโนมัติได้ด้วย โดย สิ่งของ กล่อง หรือแท่นวางสินค้าที่ติดแท็กอาร์เอฟไอดีสามารถถูกอ่านได้ทุกขั้นตอน การอ่านแต่ละครั้งจะใช้เพื่อสร้างบันทึกการจัดส่ง ซึ่งจะถูกพิมพ์ในรูปของเอกสาร และเก็บไว้ในระบบจัดส่งโดยอัตโนมัติที่เข้ารหัสในแท็กอาร์เอฟไอดี พิมพ์เป็นบาร์โค้ดสองมิติบนป้ายจัดส่งสินค้า ข้อมูลที่เข้ารหัสในแท็กจะถูกอ่านโดยองค์กรที่ได้รับสินค้าเพื่อทำให้กระบวนการรับง่ายขึ้น
เป็นไปตามกฎระเบียบ
บริษัทที่ขนส่งหรือดำเนินการด้านวัสดุอันตราย อาหาร ยา และวัสดุควบคุมอื่นๆ จะบันทึกเวลาที่พวกเขาได้รับและส่งถ่ายวัสดุไว้ในแท็กอาร์เอฟไอดีที่มีอยู่บนวัสดุนั้น การอัปเดตแท็กด้วยข้อมูลที่จัดการในเวลาจริงสร้างบันทึกที่สามารถตรงตรวจสอบได้ตามข้อบังคับของ FDA, DOT, OSHA และข้อกำหนดอื่นๆ
การจัดการการส่งกลับและเรียกคืน
บริษัทต่างๆ สามารถเสริมข้อมูลการระบุการจัดส่งพื้นฐานด้วยการบันทึกข้อมูลลูกค้าและเวลาของการจัดส่งลงในแท็กได้ทันทีก่อนที่จะจัดส่ง ในกรณีที่เรียกคืน บริษัทสามารถติดตามการจัดส่งที่ระบุไปยังลูกค้าที่ระบุได้ ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงเป้าหมายและดำเนินการส่งคืนได้ทันที สำหรับการส่งกลับทั่วไป บริษัทจะตรวจสอบว่าการส่งคืนสินค้านั้นเป็นของลูกค้าตัวจริง
การให้บริการและการรับประกัน
ในการดำเนินงานซ่อมหรือให้บริการบำรุงรักษา รายการของกิจกรรมที่ดำเนินการจะถูกเข้าหรัสในแท็กและมีประวัติการบำรุงรักษาที่จะไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์นั้น ถ้าต้องมีการซ่อมหรือรับบริการในอนาคต ช่างจะเข้าถึงข้อมูลการกำหนดค่าและการบำรุงรักษาของผลิตภัณฑ์นั้นโดยไม่ต้องเข้าไปยังฐานข้อมูลเพียงแค่อ่านจากแท็กเท่านั้น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้โทรศัพท์หรือสอบถามข้อมูลไร้สายเพื่อเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ
บทสรุป
บริษัท อินเตอร์เมค เทคโนโลยีส์ คอร์ป. นำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ในการช่วยให้องค์กรต่างๆ ประเมินว่าจะได้รับประโยชน์จากอาร์เอฟไอดีหรือไม่ และวีธีผนวกเข้ากับกระบวนการธุรกิจที่มีอยู่ บริษัท อินเตอร์เมค เป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีและมาตรฐานอาร์เอฟไอดี ด้วยประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญในการช่วยองค์กรนำระบบเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยอาร์เอฟไอดีแบบสมบูรณ์ไปใช้ สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์เพื่อดูกรณีศึกษาต่างๆ เกี่ยวกับผู้ใช้อาร์เอฟไอดีจากอุตสาหกรรมหลากหลาย และรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีและหัวข้อการเก็บรวบรวมข้อมูลอื่นๆ ได้ โดยที่ผ่านมาบริษัท อินเตอร์เมค ได้ช่วยบริษัทต่างๆ ทำกำไรด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการเก็บรวบรวมข้อมูลมากว่า 35 ปีแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่บริษัท อินเตอร์เมค สามารถช่วยคุณในการจัดเตรียมอาร์เอฟไอดีได้นั้น ดูได้ที่เว็บไซต์ www.intermec.com/RFID
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
คุณศรีสุพัฒ เสียงเย็น ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
บริษัท คอร์ แอนด์ พีค จำกัด โทร. 0-2439-4600 ต่อ 8300
อีเมล์: srisuput@corepeak.com