กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--เวเบอร์ แชนด์วิค ประเทศไทย
เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการทางการเงินที่ดีขึ้น สำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ ผลกำไรของจีเอ็มสืบเนื่องมาจากแผนปฏิรูปและปรับปรุงองค์กร และระบบการทำงานทั้งหมด นำไปสู่รายรับที่โดดเด่นเป็นประวัติการของจีเอ็ม ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่3
สำหรับผลประกอบการในปี 2549 จนถึงไตรมาสที่ 3 จีเอ็มรายงานผลขาดทุนสุทธิทั้งหมดเพียง 115 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมาซึ่งจีเอ็มขาดทุนอยู่ราว 1,700 ล้านเหรียญ เฉพาะในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จีเอ็มมีรายรับสุทธิที่ปรับแล้ว 529 ล้านเหรียญ จากรายได้ 48,800 ล้านเหรียญ ยอดตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงรายรับที่เพิ่มขึ้นกว่า 1,600 ล้านเหรียญ จากยอดขาดทุนสะสม 1,100 ล้านเหรียญของจีเอ็มในปี 2548 เหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานใหม่แทบทั้งหมดในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกของจีเอ็ม
มร. ริค แวกอนเนอร์ ประธานและประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 ของเรา สะท้อนให้เห็นถึงความคิดริเริ่มที่นับเป็นก้าวกระโดดสู่การพลิกโฉมธุรกิจ และการดำเนินการบริหารให้บริษัทมีรายจ่ายที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ก้าวไปข้างหน้าเร็วขึ้น และอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในระยะยาว นอกจากนั้น ความพยายามของเราต่อการฟื้นฟูธุรกิจในอเมริกาเหนือและยุโรปก็อยู่ในภาวะที่ดำเนินไปได้ด้วยดี ซึ่งจะส่งผลโดยรวมกับบริษัทฯ อย่างมาก ทั้งนี้เมื่อรวมปริมาณการเติบโตของยอดขายและผลประกอบการที่สร้างกำไรในเอเชียและลาตินอเมริกา ทำให้เรายืนยันได้ว่าแผนของเรานั้นเป็นไปตามที่กำหนดไว้ ถึงอย่างนั้นก็ตาม เรายังมีอีกหลายสิ่งที่ยังต้องดำเนินการต่อไป”
ในไตรมาสที่ 3 นี้ ส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกของจีเอ็มเท่ากับ ร้อยละ 13.9 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 13.7 ของไตรมาสที่ 2 แต่ลดลงจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกอยู่ที่ร้อยละ 14.4 ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้น จีเอ็มมีส่วนแบ่งการตลาดในไตรมาสที่ 3 อยู่ร้อยละ 25.1 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนแบ่งการตลาดของไตรมาสอื่น ๆ ในปี 2549
จีเอ็ม เอเชียแปซิฟิก ประกาศรายได้สุทธิที่ปรับแล้วอยู่ที่ 83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับไตรมาสที่ 3 (จากรายได้สุทธิ 231 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ลดลงจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 188 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนต่างนี้เป็นผลสะท้อนจากการที่จีเอ็มลดจำนวนหุ้นในซูซิกิลง ทำให้ขาดรายได้ในส่วนนี้ กอปรกับมีการใช้เงินลงทุนเพื่อแนะนำรถยนต์โฮลเด้น รุ่นคอมโมดอร์ (Commodore) และรุ่นสเตทแมน (Statesman) ในประเทศออสเตรเลียอีกด้วย
ยอดส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.9 เป็นร้อยละ 6.2 แสดงให้เห็นถึงผลดำเนินงานด้านยอดขายที่แข็งแกร่งของจีเอ็มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีการเติบโตของตลาดรถยนต์ในประเทศเกาหลีและจีนเป็นกำลังขับเคลื่อนหลัก สำหรับประเทศจีนแล้ว รถยนต์ของจีเอ็มยังคงได้รับการยอมรับสูงจากตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เห็นได้จากจำนวนรถยนต์ 192,000 คัน ที่จำหน่ายได้ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
มร. วิลเลี่ยม บอทวิค ประธานกรรมการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทย บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 แสดงให้เห็นว่าการฟื้นฟูกิจการในอเมริกาเหนือนั้นประสบผลสำเร็จด้วยดีและเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่เป็นบวก ทั้งนี้โดยได้รับแรงหนุนจากการดำเนินการที่แข็งแกร่งของแต่ละภูมิภาคทั่วโลก รวมทั้งเอเชียแปซิฟิกเอง ความนิยมในรถยนต์ของจีเอ็ม ซึ่งรวมถึงเชฟโรเลต อาวีโอ ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทย ยังคงสร้างความต้องการในระดับท้องถิ่นและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้กับตลาดเอเชียอย่างแท้จริง”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
คุณชาติชาย สุวรรณเสวก
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2791-3400 แฟกซ์. 0-2937-0171
อีเมล: chartchai.suwanasevok@gm.com