ไทยเบฟยื่นคำขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ข่าวทั่วไป Friday October 24, 2008 13:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ "ไทยเบฟ" แถลงในวันนี้ว่าไทยเบฟ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนหุ้นสามัญทั้งหมดของไทยเบฟต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ จะมีการนำหุ้นสามัญเดิมจำนวน 80 ล้านหุ้นออกเสนอขายแก่นักลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้ การยื่อขอจดทะเบียนในครั้งนี้เป็นไปตามคำเชิญจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ไทยเบฟมีความตั้งใจที่จะเปิดโอกาสให้คนไทยได้มีส่วนร่วมถือหุ้นในบริษัทของคนไทยที่มีชื่อเสียง สำหรับการตัดสินใจยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ มาจากหลายปัจจัยสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นการได้รับเชิญจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบกับการผ่านร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ซึ่งทำให้ระเบียบข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของไทยเบฟมีความชัดเจนมากขึ้น เราเชื่อว่า การที่ไทยเบฟเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศจะเป็นการช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตลาดทุนไทย และหากการยื่นขอจดทะเบียนในครั้งนี้ได้รับการอนุมัติ ไทยเบฟจะเป็นบริษัทไทยรายที่สองที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สองแห่ง คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX-ST) นายอวยชัย ตันทโอภาส กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าบริษัทฯ ได้ยื่นขอจดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญเพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมถือหุ้นในบริษัทของเรา ซึ่งหากการยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับอนุมัติ จะมีการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวน 80 ล้านหุ้นให้แก่นักลงทุนในประเทศ" ตามระเบียบข้อกำหนด การพิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้องจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน หลังจากขั้นตอนดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงจะมีการเสนอขายหุ้นให้แก่นักลงทุน และหากไทยเบฟได้รับอนุมัติให้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไทยเบฟก็น่าจะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงสุดติดอันดับหนึ่งในสิบของตลาดทุนไทย และจะเป็นบริษัทที่มีหุ้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สองแห่ง คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (dual listing) ทั้งนี้ ไทยเบฟได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2549 ที่ผ่านมา ซึ่ง ณ ขณะนั้น นับเป็นการกระจายหุ้นสู่สาธารณชน (ไอพีโอ" ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสิบปีของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ นอกจากนี้ ไทยเบฟยังได้รับการยอมรับว่า เป็นบริษัทที่มีการปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ตลอดจนมีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน และมีระบบนักลงทุนสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม โดยในปี 2549 ไทยเบฟได้รับรางวัล Merit Award สาขา "บริษัทที่มีความโปร่งใสสูงสุด" สำหรับบริษัทจดทะเบียนใหม่ จากสมาคมนักลงทุนหลักทรัพย์แห่งสิงคโปร์ นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของรางวัลเหรียญเงิน ประเภทการจัดทำรายงานประจำปียอดเยี่ยมสำหรับบริษัทจดทะเบียนใหม่จาก Singapore Corporate Award และรางวัล "นักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม" ประเภทบริษัทไทย จาก IR Magazine ในปี 2549-2550 ติดต่อกัน นายอวยชัย กล่าวต่อไปว่า "ไทยเบฟเป็นหนึ่งในบริษัทข้ามชาติของประเทศไทยที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทั้งยังเป็นต้นแบบของการเป็นพลเมืองบรรษัท (Corporate citizen) ทั้งนี้ ธุรกิจของไทยเบฟได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศและคนไทยในหลากหลายมิติ อาทิ การจ้างงานจำนวนมาก ทั้งการจ้างเป็นพนักงานโดยตรงของบริษัทมากกว่า 22,000 คน และยังช่วยสร้างงานให้กับคนไทยหลายหมื่นคนผ่านการจ้างงานของบริษัทคู่ค้าที่เกี่ยวข้องตลอดวงจรธุรกิจ นอกจากนี้ เรายังได้ชำระภาษีนิติบุคคลและภาษีสรรพสามิตแก่รัฐบาลไทยเป็นจำนวนเงินกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 4% ของยอดรวมการเก็บภาษีทั้งปีของรัฐบาล" "นอกจากการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวมแล้ว ไทยเบฟยังตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการพัฒนาสังคม เราได้มีการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องเคียงคู่กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทมาโดยตลอด ทั้งในด้านการสนับสนุนการศึกษา สุขภาพอนามัย ศิลปะวัฒนธรรม และการบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ต่างๆ โดยกิจกรรมเพื่อสังคมของไทยเบฟหลายโครงการเป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วประเทศ และได้รับการยกย่องจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ" นายอวยชัยกล่าวเสริมในตอนท้าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ สุวิมล หรือ หงสินันท์ อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ โทร. 0 2252 9871 / 08 6908 2228 / 08 1842 0031

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ