กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--เอ็มพิคเจอร์ส
หลังจากที่การ์ตูนต้นฉบับพิสูจน์ศักยภาพให้เห็นกันไปแล้วทั่วโลก หนังเรื่อง “ทเวนตี้ เซนจูรี่ บอยส์”ก็กำลังจ่อคิวรอพิสูจน์ตัวมันเองในระดับสากลเช่นเดียวกัน ข่าวคราวเกี่ยวกับการสร้างหนังได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม และทั่วโลกต่างใจจดใจจ่อรอให้มันเข้าโรงฉาย งานนี้ผู้กำกับ “ยูกิฮิโกะ ซึซึมิ” ยอมรับว่าเหมือนสร้างหนังจากคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่คิดดัดแปลง แต่ปรับให้เป็นภาพยนตร์มากขึ้น
“เรื่องราวในการ์ตูนนั้นยอดเยี่ยมมากๆ อยู่แล้ว ผมควรจะเจริญรอยตามมากกว่าจะเปลี่ยนแปลงมันน่ะครับ อันที่จริงแล้ว ผมอยากให้คุณดูหนังไปพร้อมๆ กับเปิดการ์ตูนตามไปเสียด้วยซ้ำ แต่คงทำไม่ได้หรอกครับ เพราะในโรงหนังน่ะมืด (หัวเราะ) สตอรี่บอร์ดที่ใช้ก็คือการ์ตูนนี่แหละครับ มิหนำซ้ำ ยังใช้มุมกล้องเดียวกันกับกรอบต่างๆ ในการ์ตูนอีกด้วย เราจะเลือกฉากต่างๆ จากการ์ตูนมาถ่ายเอกสาร แล้วแจกจ่ายให้ทีมงานทุกคน จะได้เข้าใจตรงกันว่าเราต้องการอะไรในแต่ละฉาก การเปลี่ยนแปลงแม้แต่เพียงเล็กน้อยอาจส่งผลให้เรื่องราวผิดเพี้ยนหลงทิศหลงทางไปเลยก็ได้ เพราะเรื่องราวทั้งหมดได้รับการถักทอต่อเนื่องกันไปโดยสลับซับซ้อนน่ะครับ เป็นต้นว่า ถ้านิ้วในการ์ตูนชี้ไปทางไหน ในหนังก็ต้องชี้ไปทางนั้นด้วย ไม่อย่างนั้นความหมายของเรื่องอาจเปลี่ยนไปจากเดิมได้ครับ ก็เลยตกลงใจว่าจะถ่ายทอดตามการ์ตูนต้นฉบับ อีกอย่างหนึ่งคือ ภาพในการ์ตูนมีความเป็นภาพยนตร์อยู่ในตัวมากอยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องปรับเปลี่ยนภาษาเล็กน้อยเพื่อให้มีความเป็นภาพยนตร์มากขึ้น นอกจากจะเป็นหนังไตรภาคทุนสร้างมหาศาล ก็ยังเป็นปรากฏการณ์ภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคทีเดียว กับการจำลองมังงะต้นฉบับออกมาทุกกระเบียดนั้น ผมว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่มากๆ ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะปลุกความทรงจำเก่าๆ ของคนดูได้ไม่น้อย ผมต้องบอกตัวเองว่าเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำงานใหญ่ยักษ์อย่างนี้อีกแล้วเพราะฉะนั้นต้องทำให้ดีที่สุด และสนุกไปกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้”
จากการ์ตูนที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก สู่ภาพยนตร์ไตรภาคที่ทุกคนรอคอย ปฐมบทแห่งความวินาศตามคำพยากรณ์ เตรียมพบปรากฎการณ์ช็อคโลกอีกครั้ง จากทีมผู้สร้าง DEATH NOTE กับภาพยนตร์เรื่อง “มหาวิบัติ ดวงตาถล่มล้างโลก” (ทเวนตี้ เซนจูรี่ บอยส์) ค่ายเอ็ม พิคเจอร์ส เร็วๆนี้
ประวัติผู้กำกับภาพยนตร์ ยูกิฮิโกะ ซึซึมิ
ซึซึมิเกิดในปี 1955 ที่เมืองไอจิ ประเทศญี่ปุ่น มีผลงานกำกับครั้งแรกในปี 1980 คือ หนึ่งตอนในรวมหนังสั้น ได้แก่ Eigo ga nanda หรือ To Hell with English ในหนังชื่อ Bakayaro หรือ I'm Plenty Mad หลังจากนั้น เขาย้ายไปนิวยอร์ก โดยมีผลงานกำกับมิวสิกวิดีโอและหนังคุณภาพตามมาอีกมากมาย อาทิ ผลงานร่วมกับ โยโกะ โอโนะ เรื่อง Homeless ต่อมาในปี 1994 ซึซึมิร่วมเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสร้างหนัง Office Crescendo, Inc. ซึ่งเปิดโอกาสให้เขาได้กำกับงานแตกต่างหลากหลาย ทั้ง ภาพยนตร์, ดราม่าทางโทรทัศน์, มิวสิกวิดีโอ และโฆษณาต่างๆ
ผลงานกำกับหนังที่เพิ่งผ่านมา ได้แก่ Maboroshi no Yamataikoku หรือ The Lost Legend of Yama Kingdom(2008), Ginmakuban Sushi Oji หรือ Sushi King Goes to New York(2008), Hotai Kurabu หรือ The Bandage Club(2007), Jigyaku no Uta หรือ Happily Ever After(2007), Taitei no Tsurugi หรือ The Sword of Alexander(2007), TRICK, the Movie 2(2006) และ Ashita no Kioku หรือ Memories of Tomorrow(2006)