นักวิทยาศาสตร์ ชี้ภาวะสมดุลน้ำ มีผลดีทั้งต่อสุขภาพ และประสิทธิภาพของร่างกาย

ข่าวทั่วไป Monday October 27, 2008 16:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--จิ๊กซอ คอมมิวนิเคชั่นส์ เมื่อเร็วๆ นี้ International Life Sciences Institute (ILSI) ร่วมกับสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “ภาวะน้ำในร่างกายกับความสำคัญของน้ำต่อสรีระวิทยาของร่างกาย” เพื่อยืนยันโดยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่า มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจน ระหว่างการบริโภคน้ำอย่างเพียงพอกับ การอยู่รอด การมีสุขภาพที่ดี ความสามารถในการออกกำลังกายและกำลังสมองอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความปลอดภัย และประสิทธิภาพการทำงาน ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวในงานสัมมนาว่า บุคคลที่มีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม จะประกอบด้วยน้ำ 41 ลิตร ซึ่งนับเป็น 60 % ของน้ำหนักตัว ฉะนั้น เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีของคนทั่วไป ต้องรักษาสมดุลของปริมาณน้ำที่บริโภคในแต่ละวัน กับน้ำที่สูญเสียไป เช่นที่สถาบันยา (Institute of Medicine) ในประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าผู้ชายที่ทำกิจกรรมตามปกติต้องดื่มน้ำ 3.7 ลิตรต่อวัน ขณะที่ผู้หญิงควรจะดื่ม 2.7 ลิตรต่อวัน สำหรับคนที่ทำงานหรือออกกำลังกายในสภาวะอากาศร้อนสูญเสียน้ำมากกว่าในแต่ละวัน จะต้องดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ดังนั้น คนทั่วไปจะมีความต้องการที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับข้อมูลทางมานุษยวิทยา อาหารและโภชนาการ สิ่งแวดล้อม ของแต่ละกลุ่มคน เป็นต้น เกร็ดความรู้เพื่อรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ควรดื่มเครื่องดื่มพร้อมกับอาหารมื้อหลักและอาหารว่างในทุกๆ มื้อ ควรเลือกเครื่องดื่มที่คุณชอบ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเด็กและผู้ใหญ่บริโภคน้ำประมาณ 45% ถึง 50% เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเครื่องดื่มที่มีรสชาติกับน้ำเปล่า รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพราะอาหารประเภทนี้มักจะอุ้มน้ำ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในการที่จะช่วยให้เกิดสมดุลของภาวะน้ำในร่างกาย ดื่มน้ำก่อน ระหว่าง และหลังจากการทำกิจกรรมที่ออกแรง และการออกกำลังกาย อย่าดื่มเมื่อกระหายเท่านั้น พกขวดน้ำหรือเครื่องดื่มและวางไว้บนโต๊ะ ในรถ ในกระเป๋าสะพาย และในที่ๆ จะช่วยเตือนให้คุณดื่มน้ำ ควรเก็บเครื่องดื่มไว้ในอุณหภูมิที่พอเหมาะ เลือกเครื่องดื่มที่ตรงกับกิจกรรมและการดำเนินชีวิตของคุณ ถ้าคุณกำลังระวังในเรื่องของแคลอรี่ ควรเลือกเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ต่ำ หรือสร้างสรรค์เครื่องดื่มเพื่อความสดชื่นสำหรับตัวคุณเอง แต่ก็ควรดูแคลอรี่ที่มีอยู่แล้วในเครื่องดื่มที่คุณดื่มด้วย เครื่องดื่มทุกชนิดรวมทั้ง น้ำเปล่า ชา กาแฟ น้ำผลไม้ และน้ำอัดลม ล้วนเป็นแหล่งที่ให้น้ำต่อร่างกายที่ดี ด้าน รศ.ดร.กัลยา กิจบุญชู จากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าคนที่มีโอกาสสูงที่จะตกอยู่ในภาวะขาดน้ำในร่างกาย คือเด็ก และผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะตกอยู่ในภาวะขาดน้ำได้ง่าย โดยเด็กไทยมักจะใช้กำลังมากเกินไประหว่างเล่นทำให้เกิดภาวะน้ำในร่างกายต่ำ สังเกตได้จากผิวกายที่เย็นลงทำให้เด็กมีอาการเฉื่อยชา ริมฝีปากแห้ง และมีรอยช้ำบนผิวหนัง การหมุนเวียนโลหิตช้าลง ส่วนในผู้สูงอายุ ที่ร่างกายขาดน้ำอาจเกิดจากการทำงานของไตที่เสื่อมลง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนน้อยลง ไม่รู้สึกกระหายน้ำ อาการป่วยเรื้อรัง และการเคลื่อนไหวน้อยลง นอกจากนั้น ภาวะขาดน้ำในร่างกายเกิดขึ้นได้เมื่อเหงื่อออกมากจากอากาศร้อน ความชื้นในอากาศ การออกกำลังกาย หรือมีไข้ ปัสสาวะมากขึ้น สาเหตุมาจากโรคเบาหวาน โรคไต ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน หรือการฟื้นตัวจากแผลไฟไหม้ Dr. Huaying Zhang จากสถาบันเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดี (The Beverage Institute for Health and Wellness) ประเทศจีน กล่าวว่า น้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดของชีวิตและคนทั่วไปได้รับน้ำจากอาหารและเครื่องดื่ม เช่นในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยเฉลี่ยน้ำที่ร่างกายคนได้รับในแต่ละวัน ประมาณ 20% จากอาหาร เช่นผลไม้ ผัก ซุป และผลิตภัณฑ์นม และอีก 80% มาจากน้ำดื่มหรือเครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึง ชา กาแฟ น้ำผลไม้ น้ำอัดลมและเครื่องดื่มเกลือแร่ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถคืนน้ำให้แก่ร่างกายได้ ปริมาณน้ำที่มีอยู่ในเครื่องดื่ม ปริมาณน้ำที่มีอยู่ในอาหาร ปริมาณน้ำคิดเป็น% ปริมาณน้ำคิดเป็น% น้ำ 100% ผักและผลไม้ส่วนมาก 70-85% ชาและกาแฟพร้อมดื่ม ~99% เส้นพาสต้าที่สุกแล้วและธัญพืช 65-90% น้ำอัดลมปราศจากน้ำตาล ~99% เนยแข็ง 40-60% เครื่องดื่มเกลือแร่ ~92-94% ปลาและอาหารทะเล 70-80% นม ~85% เนื้อวัวและเนื้อสัตว์อื่นๆ 45-65% น้ำอัดลม ~85% ขนมปัง 30-45% น้ำผลไม้และเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ~85% ถั่วและเมล็ดพืช 1-5 % มันฝรั่งทอดและขนมขบเคี้ยวอื่นๆ 1-10% อาหารในประเทศต่างๆทั่วโลกอาจมีน้ำรวมอยู่มากกว่านี้ ซึ่งจะมีผลให้มีปริมาณน้ำจากอาหารมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่ยอมรับกันว่าคนส่วนใหญ่จะได้รับน้ำเพียงพอ โดยการดื่มน้ำเพื่อตอบสนองอาการกระหายของร่างกาย และอาจมีบางช่วงเวลาในระหว่างวันที่อยู่ในภาวะขาดน้ำเล็กน้อย สำหรับผลที่จะเกิดขึ้นหากไม่สามารถรักษาสมดุลของน้ำ จนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำขั้นรุนแรงอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลต่อประสิทธิภาพและสุขภาพของคนด้วย และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ภาวะขาดน้ำในร่างกายทำให้ปริมาณน้ำเหลือง (plasma) น้อยลงประสิทธิภาพในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายต่ำลง และมีผลทำให้ประสิทธิภาพลดน้อยลงด้วย โดยอาจก่อให้เกิดปัญหากับหลอดเลือดหัวใจและระบบประสาท ซึ่งเป็นผลให้เกิดอาการมึนศีรษะ เป็นลม ช็อคในระบบไหลเวียนโลหิต สับสน เพ้อ ชัก หมดสติ หรือมีโอกาสเสียชีวิตได้ พฤติกรรมการบริโภคน้ำมีผลต่อสุขภาพของคุณด้วยเช่นกัน จากการวิจัยเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะพบว่าการบริโภคน้ำน้อยทำให้ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจมีผลต่อปัญหาทางสุขภาพอื่นๆได้แก่ โรคนิ่วในไต ท่อปัสสาวะอักเสบ โรคเกี่ยวกับฟัน และอาการท้องผูก รศ.ดร.กัลยา กิจบุญชู กล่าวสรุปว่า “เมื่อรู้สึกกระหายน้ำนั่นหมายความว่าคุณอยู่ในภาวะขาดน้ำในร่างกายแล้ว โดยเฉพาะประเทศอากาศที่ร้อนอย่างประเทศไทยคนต้องดื่มน้ำเพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไปในแต่ละวัน และกลุ่มเสี่ยงได้แก่เด็กและผู้สูงอายุ รวมไปถึงคนที่มีกิจกรรมที่ต้องออกแรงต่อเนื่อง เป็นกลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่องการดื่มน้ำชดเชยน้ำที่สูญเสียไปในระหว่างวัน ควรจำไว้เสมอว่าเครื่องดื่มทุกชนิดแม้แต่เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล คาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ ก็สามารถลดภาวะขาดน้ำในร่างกายได้เช่นกันแต่ควรจะบริโภคเครื่องดื่มเหล่านี้ในปริมาณพอควรบนพื้นฐานความต้องการทางด้านพลังงาน สารอาหาร และน้ำ รวมถึงความความพอใจของผู้บริโภคที่จะดื่มซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเลือกเครื่องดื่ม” หมายเหตุถึงบรรณาธิการ The International Life Sciences Institute (ILSI) เป็นองค์กรอิสระที่ไม่มุ่งเน้นแสวงหาผลกำไร และมีบทบาททั่วโลกโดยมีสถานที่ตั้งอยู่ที่ กรุงวอชิงตัน ดีซี ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2521 เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจตามหลักวิทยาศาสตร์ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับโภชนาการ ความปลอดภัยของอาหาร พิษวิทยา การประเมินความเสี่ยง และด้านสิ่งแวดล้อม สถาบันฯทำงานผ่านสาขาต่างๆ และมูลนิธิการวิจัย (the ILSI Research Foundation) ILSI Southeast Asia Region ก่อตั้งเมื่อพ.ศ. 2536 เพื่อส่งเสริมและประสานงานด้านวิทยาศาสตร์ การวิจัย และเผยแพร่ข้อมูลในประเทศกลุ่มอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และหมู่เกาะแปซิฟิก โดยการรวมกลุ่มของนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันการศึกษา รัฐบาล อุตสาหกรรม และภาครัฐบาล สถาบัน ILSI มุ่งค้นหาวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา และข้อกังวลเพื่อความอยู่ดีกินดีของสาธารณะชน สถาบัน ILSI ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐบาล และมูลนิธิ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณ เดวิด ทูกู๊ด หรือคุณ จิรายุ สิงห์โตขำ บริษัท จิ๊กซอ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด โทรศัพท์ : 02-253-2793

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ