กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--เจบิ๊คส์-ฟิล์ม
เสียงบริสุทธิ์หยุดสงคราม
ได้รับคัดเลือกให้ฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต้ ปี 2004
ภาพยนตร์โดยหลุยส์ แมนโดกี
INNOCENT VOICES
เสียงบริสุทธิ์หยุดสงคราม
ประเภทหนัง Drama
ประเภท U.S.
ผู้กำกับ Luis Mandoki
นักแสดง Carlos Padilla: Chava
Leona Varela: Kella
Jose Maria Yazpik: Uncle Beto
Ofelia Mediana: Mama Toya
Daneil Gimenez Cacho: บาทหลวง
Jesus Ochoa: คนขับรถโดยสาร
ข้อมูลด้านเทคนิค
ผู้กำกับการแสดง: Luis Mandoki
บทภาพยนตร์: Oscar Torres & Luis Mandoki
โปรดิวเซอร์: Lawrence Bender
Luis Mandoki
Alejandro Soberon Kuri
อำนวยการสร้าง: Federico Gonzalez Compean
Monica Lozano
Francisco Gonzalez Compean
Miguel Necoechea
Anna Roth
โปรดิวเซอร์ร่วม: Alfredo Harp C.
Sisset Harp C.
Elba Luis Lugo
บริษัททำโปรดักชั่น: Altavista Films
Lawrence Bender Productions
บริษัททำโปรดักชั่นร่วม: Sato Domigo Films
Muvi Films
แอสโซซิเอทโปรดิวเซอร์: Pablo Mandoki
ผู้กำกับภาพ: Juan Ruiz Anchia, ASC
ออกแบบโปรดักชั่น: Antonio Munohierro
ตัดต่อ: Aleshka Ferrero
ดนตรีประกอบ: Andre Abujamra
ควบคุมดนตรี: Lynn Abujamra
ออกแบบเสียง: Martin Hernandez
ควบคุมเสียง: Fernando Camara
ออกแบบเสื้อผ้า: Gilda Navarro
ผู้จัดการกองถ่าย: Rosalia Salazar
Luz Maria Reyes
โพสโปรดักชั่น: Tlacateotl Mata
เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
INNOCENT VOICES คือเรื่องราวความเจ็บปวดอันแสนสาหัสของเหล่าเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตคนหนึ่งในสงครามกลางเมืองของเอล ซัลวาดอร์ คุณจะรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งในเนื้อหากับบทบาทตัวละครของผู้กำกับ Mandoki ที่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่เห็นได้ไม่บ่อยนักในหนังฮอลลีวู้ดที่เขากำกับ INNOCENT VOICES บอกเล่าเรื่องราวที่จะติดตรึงอยู่ในจิตใจถึงการเอาชีวิตรอดและจิตวิญญาณอันกร้าวแกร่งของเด็กคนหนึ่งซึ่งแม้แต่สงครามก็ไม่อาจย่ำยีให้ถดถอยลงได้คัดมาจากบทวิจารณ์ภาพยนตร์ของ Kirk Honeycult นักข่าวฮอลลีวู้ด ปัจจุบันมีเด็กมากกว่า 3 แสนคนเข้าร่วมในกองทัพในกว่า 40 ประเทศ
สร้างจากเรื่องจริงของ Oscar Torres ผู้เขียนบทภาพยนต์ซึ่งในวัยเด็กเคยต้องเข้าไปพัวพันกับสงครามกลางเมือง INNOCENT VOICES ของผู้กำกับ Mandoki เป็นเรื่องราวความเจ็บปวดของของ Chava (รับบทโดย Carlos Padilla) เด็กชายอายุ 11 ปี ผู้ที่ต้องกลายมาเป็นเสาหลักของบ้าน แทนบิดาที่ทอดทิ้งครอบครัวไปในระหว่างสงครามกลางเมือง
เอล ซัลวาดอร์ ในช่วงปี 1980 นั้น กองกำลังของรัฐบาลได้เกณฑ์เด็กอายุ 12 ปี บังคับให้ออกจากโรงเรียนเข้ากองทัพ หากโชคดี Chava ก็จะเหลือเวลาแห่งความสดใสบริสุทธิ์ของความเป็นเด็กอีก 1 ปี เวลา 1 ปีก่อนที่เขาจะถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมรบกับรัฐบาลเพื่อต่อสู้กับกองกำลัง FMLN ชีวิตของ Chava กลายมาเป็นเกมแห่งการเอาชีวิตรอด ไม่เพียงแต่กระสุนปืนจากสงครามที่ขยายวงกว้างขึ้น แต่ยังรวมไปถึงเหตุการณ์ความรุนแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรายวันอันบั่นทอนกำลังใจให้ถดถอย เด็กน้อยเร่งหางานเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในบ้านของมารดาที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา และประสบการณ์รักครั้งแรกกับเพื่อนร่วมชั้นแสนสวยที่แสนเจ็บปวด หมู่บ้านเล็ก ๆ ของ Chava ที่ต้องกลายเป็นทั้งสนามเด็กเล่นและสนามรบ
Chava ที่มีอาวุธเพียงหนึ่งเดียวคือความรักแม่ (รับบทโดย Leonor Verela) กับวิทยุเครื่องเล็ก ๆ ที่ออกอากาศเพลงเกี่ยวกับความรักและสันติภาพซึ่งเป็นเรื่องต้องห้าม ต้องเผชิญกับทางเลือกที่ไม่มีทางเป็นไปได้ในการเข้าร่วมกับทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้าน Chava ที่ค้นหาความกล้าหาญเพื่อดำรงไว้ซึ่งหัวใจที่เปิดกว้าง และการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณ การค้นหาที่ต้องแข่งกับเวลา
เกี่ยวกับการสร้าง
INNOCENT VOICES สร้างจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในทศวรรษ 80 ในประเทศ เอล ซัลวาดอร์ เมื่อประชาชนทั่วไปถูกดึงเข้าไปพัวพันอยู่ท่ามกลางสงครามความขัดแย้งระหว่างฝ่ายกองทัพของรัฐบาลคอรัปชั่น กับกองกำลังปฏิวัติที่รู้จักกันในนามของ กองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติ ฟาราบุนโด มาร์ติ หรือ FMLN (the Farabundo Marti National Liberation Front)
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างบนพื้นฐานที่ใกล้เคียงกับประสบการณ์จริงของ Oscar Orlando Torres ผู้ซึ่งหนีการเกณฑ์ทหารในบ้านเกิดของเขาที่เมือง Cuscatazingo ประเทศ เอล ซัลวาดอร์ เข้ามาในสหรัฐอเมริกาในปี 1986 เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 14 ปี
Oscar Torres ในช่วงอายุ 20 ต้น ๆ ทำงานเป็นผู้ช่วยพนักงานเสิร์ฟในภัตตาคารแห่งหนึ่งในนครลอส แองเจลลิส พร้อมกับเขียนบทภาพยนตร์ซึ่งต่อมากลายมาเป็นเรื่อง INNOCENT VOICES นั่นเอง
“ผมต้องการบอกเล่าเรื่องราวของเพลง ๆ หนึ่ง และวงดนตรีที่รังสรรค์เพลงนั้นให้โด่งดังขึ้นมาว่า เพลง ๆ นี้ส่งผลต่อชีวิตของผมอย่างไร” Torres รำลึกความทรงจำ “แต่ในการบอกเล่าเรื่องราวนั้น ผมได้เขียนถึงตัวเองตอนเป็นเด็กลงไปด้วยนิดหน่อย เช่น ผมฟังเพลงขณะที่กำลังหลบซ่อนตัวจากกองทัพ ปรากฏว่าคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘วงดนตรีน่ะแจ่มมาก ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้นล่ะ เราอยากรู้เรื่องของเด็กคนนั้นมากกว่านี้’ สุดท้ายก็ผมต้องยอมแพ้และเริ่มเริ่มเขียนบทไปในทางนั้น”
ปี 2002 Torres ได้ทำงานโฆษณาทีวีชิ้นหนึ่งที่กำกับโดย Luis Mandoki ผู้กำกับสายเลือดเม็กซิกันที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง (จากภาพยนตร์เรื่อง WHEN A MAN LOVE A WOMAN) เขาจึงได้รวบรวมความกล้าแล้วเอาบทภาพยนตร์ไปเสนอ “ใช้เวลาเสร็จสรรพเพียง 2 นาที” Mandoki ก็มีท่าทีสนใจในบทภาพยนตร์นี้ “จากนั้นราวหนึ่งสัปดาห์ต่อมาผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเขาบอกว่าสนใจที่จะกำกับเรื่องนี้” Torres นึกถึงตอนนั้น
Mandoki รำลึกให้ฟังว่า “ผมชอบเรื่องนี้ตรงที่มันเป็นเรื่องจริง จากมุมมองของเด็กที่เล่าออกมาด้วยความซื่อตรง บ่อยครั้งที่ภาพในสงครามเหล่านี้ถูกแสดงออกมาให้เราเห็นจากมุมมองของบุคคลภายนอกผ่านทาง CNN เท่านั้น แต่เราไม่สามารถเข้าไปเห็นสภาพภายในจริง ๆ ได้ว่าเป็นอย่างไร สำหรับผมแล้ว ถึงแม้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาและสถานที่ ๆ เฉพาะเจาะจง คือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศ เอล ซัลวาดอร์ ช่วงปี 1980 แต่ ในขณะเดียวกันมันก็ยังคงเกิดขึ้นในประเทศไลบีเรียและอิรัก”
บทภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนโดย Torres โดยได้มีการปรึกษาหารืออย่างยาวนานกับ Mandoki ผู้ซึ่งปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับประสบการณ์อันเจ็บปวดที่ถูกปิดกันมาหลายปี “มันเหมือนกับเป็นการบำบัดมากกว่าการเขียนบท” Torres กล่าว “สิ่งที่ผมรำลึกได้คือสิ่งที่ผมกับเพื่อนเคยทำ คือการหาเกมมาเล่นท่ามกลางเหตุการณ์ที่เหมือนกับฝันร้ายเหล่านั้น หรือการที่ผมต้องนอนหมอบราบทำการบ้านเพื่อที่จะได้ไม่โดนลูกกระสุนปืนยิงใส่เอา ความจริงก็คือผมที่เป็นเด็กนั้นไม่เคยกลัวที่จะถูกฆ่า แต่กลัวว่าแม่จะถูกฆ่ามากกว่า และที่กลัวยิ่งกว่านั้นก็คือกลัวถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารและไม่สามารถเป็นเด็กได้อีกต่อไป”
Torres และ Mandoki เลือกที่จะบอกเล่าถึงเสียงบริสุทธิ์ของประชาชนที่ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับสงครามความขัดแย้งมากกว่าที่จะบอกเล่าถึงความขัดแย้งที่สร้างความแตกแยกให้ประเทศเอล ซัลวาดอร์ เมื่อแม่ของเด็กคนหนึ่งถูกฆ่าตาย Kella ซึ่งถ่ายทอดบทโดย Leonor Vaeela ซึ่งก็เป็นแม่คนได้แต่สงสัยว่าเธอจะมีโอกาสได้รู้หรือไม่ว่ากระสุนถูกสาดมาจากฝ่ายใด
Mandoki กล่าวว่า เขาประทับใจในความซื่อตรงของบทภาพยนตร์ของ Torres ซึ่งไม่ได้ให้มุมมองทางการเมืองของเหล่าตัวละคร ผู้ซึ่งในชีวิตจริงรับรู้เพียงแค่การดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดเท่านั้น “เรื่องราวของเด็กอายุ 11 ขวบ ไม่ใช่การเมือง” เขากล่าว “พวกเขาต้องการสันติภาพและต้องการที่จะเป็นเด็ก ผู้คนอาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างจากลังกระดาษ ดังนั้นกระสุนปืนจึงสามารถทะลุผ่านเข้ามาได้ พวกเขายากจนแต่ภาพยนตร์ไม่ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวของความยากจน ภาพยนตร์บอกเล่าถึงการยึดเหนี่ยวเศษเสี้ยวของความเป็นเด็กเอาไว้ในสถานการณ์ที่บีบคั้นหัวใจอย่างยิ่งยวด” Luis Mandoki นั้นไม่ได้ทำงานในฐานะของผู้สร้างภาพยนตร์ในบ้านเกิดมามากกว่า 15 ปี ตอนที่เขาเดินทางไปยังเม็กซิโกซิตี้เพื่อเตรียมงานก่อนการถ่ายทำเรื่อง Innocent Voices เขาจะเรียนที่นี่มาก่อนเช่นเดียวกับที่ลอนดอนซึ่งเขาเคยได้รับเสียงชื่อชมจากภาพยนตร์สั้นหลายๆ เรื่องมาก่อน
แต่เมื่อภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือเรื่อง GABY: Una Historia Verdadera ในปี 1987 โด่งดังในระดับนานาชาติ และด้วยภาพยนตร์ที่ได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์หลายเรื่องและการทำโปรดักชั่นที่หลากหลาย อาทิ หนังรักชนชั้นกรรมาชีพเรื่อง White Palace ในปี 1990 นำแสดงโดย Susan Sarandon และ James Spader จนไปถึงหนังเขย่าขวัญสั่นประสาทอย่างเรื่อง Trapped ในปี 2002 แสดงโดย Charlize Theron และ Kevin Bacon ทำให้เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับที่นำสมัยและมีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่งในฮอลลีวู้ดอย่างรวดเร็วและมั่นคง
แต่เนื่องจากภูมิทัศน์ที่จะใช้ในการถ่ายทำของประเทศเม็กซิโกนั้นเปลี่ยนไปมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การที่จะจำลองฉากให้เหมือนกับ El Santo และ Aztec Mummy ทั้งหมดนั้นจึงเป็นงานหนักหนาสาหัสเอาการ สิ่งปลูกสร้างตามแบบอย่างของภาพยนตร์ศิลป์แบบแม็กซิกันนั้นได้แบบอย่างมาจากผู้กำกับ Arturo Ripstein และ Alfonso Arou ซึ่งเป็นหนึ่งผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ที่เป็นผู้ปลุกกระแสให้วงการภาพยนตร์ของเม็กซิโกฟื้นกลับคืนมาอีกครั้งด้วยการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ที่โด่งดังระดับนานาชาติหลายเรื่อง อาทิ ในปี 2000 เรื่อง Amores Perros ผลงานการกำกับของ Alejadro Gonzalez Inarritu และเรื่อง Y Tu Mama Tambien ในปี 2001 กำกับโดย Alfonso Coaron เสมือนเป็นการเปิดยุคของการฟื้นฟูของภาพยนตร์เม็กซิกัน “ผมมีความคิดที่จะกลับมาสร้างภาพยนตร์ที่เม็กซิโกอยู่บ้างเหมือนกัน และมองหาบทภาพยนตร์เหมาะ ๆ สำหรับการนี้สักเรื่อง ซึ่งนับว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ดี เพราะยังไม่ค่อยมีหนังดี ๆ ที่ถ่ายทำในเม็กซิโกมากนัก ดังนั้นเรื่องที่กำลังจะเข้าไปทำนั้นจึงจะสามารถสร้างให้มีคุณภาพที่ดีเยี่ยมได้” Luis Mandoki กล่าว
ดังนั้น INNOCENT VOICES จึงมีบริษัททำโปรดักชั่นในเม็กซิโกซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตงานออกมามากมายซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นของยุคแห่งการฟื้นฟูวงการภาพยนตร์ของเม็กซิกันนั่นก็คือ Altavista Films. Alejandro Soberon ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและประธานของบริษัท Coporacion Interameicana de Entretenimento (CIE) ผู้ผลิตรายการไลฟ์ชั้นนำของเม็กซิโก ได้ตั้ง Altavista ขึ้นมาในปี 1980 เพื่อช่วยนำภาพยนตร์เม็กซิกันไปสู่มาตรฐานใหม่ของความเป็นมืออาชีพทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ
นอกเหนือไปจากงานที่โด่งดังสุดขีดอย่าง Amores Perros Soberon ยังโปรดิวซ์งานหลากหลายให้กับบริษัท Altavista นำมาซึ่งรางวัลเกียรติยศมากมายในงานเทศกาลภาพยนตร์ในระดับนานาชาติ อาทิ ผลงานของ Fernando Sarinan เรื่อง TODO EL PODER ในปี 1990, ผลงานของ Maria Novaro เรื่อง SIN DEJAR HUELLA ในปี 2000 และงานของ Hugo Rodriguez เรื่อง NICOTINA ในปี 2003
“เมื่อ Altavista เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นนี้ ทำให้ประเทศเม็กซิโกมีบรรยากาศที่เหมาะจะสร้างสรรค์ภาพยนตร์ดี ๆ ให้เกิดขึ้นมาได้” Mandoki กล่าว
การทำงานของ Altavista ก่อให้เกิดการจัดการที่ดีเยี่ยมเพื่อที่จะยกระดับภาพลักษณ์ของการสร้างภาพยนตร์ของเม็กซิกัน ครั้งหนึ่งพวกหัวกะทิที่มีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศต้องระเห็จออกจากเม็กซิโกเพื่อหาแหล่งเงินทุนและการสนับสนุนด้านเทคนิคที่เข้าใจในวิสัยทัศน์ของพวกเขา แต่เม็กซิโกในปัจจุบันกลับกลายเป็นฐานสำคัญของการสร้าง Innocent Voices ซึ่งสามารถดึงดูดผู้มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้าจากทั่วละตินอเมริกาและจากฮอลลีวู้ด
นอกเหนือจากผู้กำกับ Mandoki แล้วยังมีทีมงานผู้ช่ำชองจากฮอลลีวู้ดอีกหลายคน รวมถึงนักแสดงนำหญิงดาวรุ่งอย่าง Leonor Varela (จาก CLEOPATRA) ที่เคยแสดงในภาพยนตร์ฝรั่งเศสและภาพยนตร์เกี่ยวกับเด็กมาแล้วมากหลายเรื่อง และตากล้องผู้เชี่ยวชาญลูกครึ่งสเปน-อเมริกันอย่าง JUAN RUIZ ANCHIA มาร่วมด้วย
ด้วยประการนี้ INNOCENT VOICES จึงเป็นงานที่รวบรวมเอายอดฝีมือในการสร้างภาพยนตร์ ดังเช่นซาวมิกเซอร์ Fernando Camara เขาเกิดในเม็กซิโกซิตี้ ศึกษาที่เปอร์โตริโก้และลอนดอน ก่อนที่ลงหลักปักฐานเป็นช่างเทคนิคที่ ‘ไว้ใจได้’ ที่สุดในฮอลลีวู้ด เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษที่Camara ได้กลับมายังเม็กซิโกเพื่อการสร้างภาพยนตร์หลังจากมีผลงานร่วมกับโปรดีกชั่นที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกอย่างเรื่อง ROMEO+JULIET ในปี 1996 ผลงานการกำกับของ Baz Luhrmann, TITANIC ในปี 1997 โดย James Cameron และ MASTER AND COMMANDER ในปี 2003 โดยผู้กำกับ Peter Weir
INNOCENT VOICES จึงกลายเป็นโปรเจคแห่งภาคพื้นทวีปอเมริกาอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นโปรเจคที่สามารถดึงดูดให้บริษัท Organizacion Santo Domingo จากสาธารณรัฐโดมินิกัน และบริษัท MUVI Films ของเปอร์โตริโกเข้ามาเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมได้อีกด้วย ส่วนของฮอลลีวู้ดในภาพยนตร์เรื่องนี้ยกให้กับโปรดิวเซอร์อิสระ Lawrence Bender ที่ผลงานภาพยนตร์ของเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 19 ครั้ง โดยเป็นรางวัลภาพภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 2 ครั้ง นอกจากทำงานที่เขียนและกำกับโดย Quentin Tarrantino จากเรื่อง RESERIOR DOGS ในปี 1992 จนถึงเรื่อง KILL BILL VOL.2 แล้ว เขายังสร้างงานให้กับผู้กำกับ Gus Van Sant เรื่อง GOOD WILL HUNTING เมื่อปี 1997 ซึ่งนำแสดงโดย Matt Damon และ Robin Williams และผลงานของ Andy Tennant จากเรื่อง ANNA AND THE KING ในปี 1999 ที่นำแสดงโดย Jodie Foster และ โจหยุนฟะ
ถึงแม้จะดูเหมือนว่าหัวข้อทางการเมืองของเรื่องจะทำให้นึกถึงภาพยนตร์ทุนต่ำ หรือการสร้างภาพยนตร์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ Altavista ซึ่งเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบในการสร้างสามารถทำให้ Luis Mandoki สร้างสรรค์รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ของหมู่บ้านของชาวเอล ซัลวาดอร์อย่างพิถีพิถันขึ้นมาได้ เมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งที่บรรยายให้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้รวบรวมเอาทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงามจากสถานที่จริง หลาย ๆ แห่งของ Coatepec, Puente Vieja, Xico, Jalcomulco และ Tepetlan ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่รายล้อมเมืองหลวง Jalapa ของรัฐ Veracruz
“ผมเดินทางไป เอล ซัลวาดอร์ กับOscar” Mandoki รำลึก “เอล ซัลวาดอร์เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ เขียวชอุ่มแล้วก็ร้อนชื้น เราใช้ฟิล์ม 16 ม.ม. ในการถ่ายทำซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับเรื่องนี้ และเราก็ทดลองทำอะไรหลายๆ อย่างกับภาพที่ถ่ายมาเพื่อทำให้มันดูเหมือนถูกทำลายอย่างยับเยิน ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่จำเป็นเลย เพราะประเด็นก็คือความน่ากลัวของสงครามที่เกิดขึ้นในวัยเด็กท่ามกลางความงดงามของภูมิทัศน์ต่างหาก” Torres กล่าวว่า ภาพที่แสดงให้เห็นในภาพยนตร์นั้น “ใกล้เคียงมาก” กับสิ่งทีเกิดขึ้นจริงที่ผ่านมาของเขา “ถึงแม้ว่าในบางเหตุการณ์เราจะย่นย่อประสบการณ์ของตัวละครหลาย ๆ ตัวให้เป็นหนึ่งเดียว แต่เราก็ยังคงพยายามทำให้เหมือนกับเรื่องจริงมากที่สุด”
แต่แล้วกลับมีเหตุการณ์ที่เหมือนกับฉากละครเกิดขึ้น ในเรื่องนั้น Chava ได้พบว่า Christina Maria เพื่อนร่วมชั้นในวัยเด็กผู้งดงามดั่งเทพธิดาที่เขาเคยตกหลุมรักนั้นได้ตกเป็นเหยื่อของสงครามไปแล้ว หากแต่ในชีวิตจริงเหตุการณ์กลับกลายเป็นว่า Torres เพิ่งได้ทราบว่า ต้นแบบตัวจริงของตัวละครนั้นความจริงแล้วยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นเวลาในช่วงปลายของการถ่ายทำแล้ว
“เธอเคยกลับมาที่หมู่บ้านเพื่อค้นหาผมด้วย” Torres กล่าว “แต่ในตอนนั้นผมหนีไปอยู่ที่อเมริกาแล้ว ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่ถึงแม้จะเคอะเขินแต่ก็น่าประทับใจและงดงามมากเลยทีเดียว”
การพบว่า Christina ยังมีชีวิตอยู่นั้นช้าเกินไปในการที่จะปรับเปลี่ยนเรื่อง ผู้สร้างได้ตัดสินใจว่าจะไม่เพิ่มอะไรลงไปอีกในบทส่งท้าย Torres อธิบายไว้ว่า “ถึงแม้ว่าเด็กหญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ในความเป็นจริง แต่ตัวละครตัวนี้เป็นตัวแทนของเด็กคนอื่น ๆ ที่ไม่สามารถรอดชีวิตมาได้เช่นกันซึ่งเป็นความเป็นจริงที่สำคัญกว่าที่เราต้องการแสดงให้เห็นในภาพยนตร์”
เกี่ยวกับนักแสดง
LEONOR VARELA (รับบทเป็น Kella)
Leonor Varela ได้สร้างความประทับใจต่อกลุ่มผู้ชมชาวอเมริกันอย่างมากเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1999 จากภาพที่เธอนอนเอนกายบนป้ายโฆษณาขนาดมหึมาที่โฆษณามินิซีรี่ส์จากมหากาพย์เรื่อง CLEOPATRA ของสถานีโทรทัศน์ ABC โดย Robert Halmi ซึ่ง Varela เอาชนะนักแสดงหญิงคนอื่น ๆ ถึง 35 คนในการคัดเลือกตัวแสดง และได้แสดงบทของคลีโอพัตราซึ่งได้เสียงชื่นชมอย่างสูง โดยแสดงร่วมกับ Timothy Dalton (รับบทเป็น Julius Caecar) และ Billy Zane (รับบทเป็น Marc Anthony) รายการ Daily Varieties ให้คำนิยมแก่ Varela ว่า “เป็นการเข้าถึงแก่นแท้ของบทบาทอย่างแท้จริงที่คุกรุ่นไปด้วยมั่นใจที่ท้าทาย” ต่อมาเธอรับบทในภาพยนตร์แอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญคู่กับ Wesley Sniper เรื่อง BLADE II ของ New Line ซึ่งกำกับโดย Guillermo Del Toro โดยแสดงเป็น “Nyssa” ลูกสาวของศัตรูคู่อาฆาตของ Blade ที่เข้ามาตีสนิทเพื่อเจรจาสงบศึกชั่วคราว
Varela เกิดที่ ซานดิเอโก้ ประเทศชิลี บิดามารดาเป็นชาวชีลีและฝรั่งเศส ในวัยเด็กเธอได้อาศัยอยู่ในหลาย ๆ ที่ อย่างเช่น ปารีส คอสตาริก้า และเยอรมัน เธอเก่งทั้งภาษาชิลี อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และภาษาอิตาลี เธอได้เรียนการแสดงที่ Neils Arestrup’s Ecole de Passage และ the Conservatoire Superieur ในกรุงปารีส และปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่สถาบัน Ivana Chubbuck
ผลงานการแสดงของ Varela นั้น มีทั้งภาพยนตร์ภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ เธอเป็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้ชมชาวอเมริกาใต้จากการรับบทนำในซีรีส์ของทีวีชิลี เรื่อง “Tic-Tac” ในปี 1997 และเธอยังได้โปรดิวซ์และแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง PARAISO ในปี 2002 ที่กำกับโดยผู้กำกับที่ได้รับการยกย่องจากชาวชิลีที่ชื่อ Nicolas Acuna
Varela ยังมีผลงานในละครทีวีอีกหลายเรื่อง และภาพยนตร์อีก 6 เรื่องในฝรั่งเศส เริ่มตั้งแต่ภาพยนตร์ภาษาฝรั่งเศสผลงานเปิดตัวของเธอเรื่อง LE CIEL EST A AOUS ในปี 1997 โดยผู้กำกับ Graham Guit งานภาพยนตร์ฝรั่งเศสของเธอรวมไปถึงเรื่อง Les Parasites ในปี1999 กำกับโดย Chauverron เรื่อง LES INFORTUNES DE LA BEAUTE ในปี 1999 กำกับโดย John Lvoff ซึ่งแสดงคู่กับ Arielle Dombasle และ Maria de Medeiros และเรื่อง PAS SI GRAVE ในปี 2003 กำกับโดย Bernard Ropp บทในหนังฝรั่งเศสที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้คือ บทที่แสดงคู่กับซูเปอร์สตาร์ Jean Reno และ Gerard Depardieu ในภาพยนตร์คอมเมดี้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเรื่อง TAIS-TOI เมื่อปี 2003 กำกับโดย Fransis Veber Varela ซึ่งเธอแสดงเป็นตัวละคร 2 ตัว คือเป็นคนรักของ Reno และ เป็นหญิงชาวอัลบาเนียที่อพยพเข้ามาอย่างผิดกฎหมายที่เขาฟูมฟักไว้ใช้แทนที่เธอ
Varela ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถอันหลากหลายของเธอในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง อาทิผลงานกำกับของ Randall Wallace ที่เธอแสดงคู่กับ Leonardo DiCaprio ในเรื่อง THE MAN IN THE IRON MASK ในปี 1998 งานของผู้กำกับ John Boorman ที่แสดงกับ Pierce Brosnan และ Geofrey Rush เรื่อง THE TAILOR OF PANAMA ในปี 2001 และผลงานของ Steve Miner ที่แสดงคู่กับ James Van Der Beek และ Ashton Kutcher เรื่อง TEXAS RANGER ในปี 2001 เธอรับบท “Marta” ในซีรีส์ตลกเรื่องดัง “Arrested Development” ในปี 2003 และบทนำจากเรื่อง AMERICANO ของ Kevin Noland ซึ่งแสดงคู่กับ Joshua Jackson และ Dennis Hopper
CARLOS PADILLA LENERO (รับบทเป็น Chava)
Carlos Lenero เกิดในเม็กซิโกซิตี้ เริ่มเข้าวงการตั้งแต่อายุ 5 ขวบจากการเป็นแบบโฆษณาทางทีวี 1 ปีหลังจากนั้นเขาก็ได้แสดงในละครเรื่อง EL AMOR DE MI VIDA และ LAS TRES SOFIAS และเมื่ออายุ 10 ขวบเขาก็ได้รับบทนำเป็นครั้งแรกกันภาพยนตร์เรื่อง INNOCENT VOICES ตอนนี้เขาเรียนอยู่เกรด 4 และอยู่กับครอบครัวในเม็กซิโกซิตี้
JOSE MARIA YAZPIK (แสดงเป็น Uncle Beto)
Jose Maria Yazpik อาศัยอยู่ในเม็กซิโกซิตี้จนอายุ 12 ขวบแล้วก็ย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่ซาน ดิเอโก้ หลังจากจบไฮสคูลเขาก็ย้ายไปที่ Tijuana เข้าเรียนในภาควิชากฎหมาย แต่ก่อนที่จะจบการศึกษาก็ได้เปลี่ยนมาเรียนทางด้านการแสดง หลังจากจบการศึกษาที่ Centro de Estudios de Action de Televisa(CEA) ในช่วงเริ่มต้นของอาชีพการแสดงนั้นเขารับแสดงทุกบทบาทตั้งแต่ละครทีวีธรรมดา ๆ ไปจนถึงโปรดักชั่นฟอร์มใหญ่อย่างเรื่อง Cara o Cruz ที่กำกับโดย Jorge Fon
ในส่วนของภาพยนตร์นั้น เขามีผลงานในเรื่อง La Habitacion Azul ในปี 2002 กำกับโดย Walter Doehner, เรื่อง Nicotina ในปี 2003 กำกับโดย Hugo Rodriguez, เรื่อง Sin Ton Ni Sonia ในปี 2003 กำกับโดย Carlos Sama, เรื่อง Tiro de Gracia ในปี 2003 ที่เขียนและกำกับโดย Jesus Ochoa ซึ่งแสดงในเรื่อง INNOCENT VOICES ด้วยกัน และเรื่อง Cronicas ในปี 2004 ของ Sebastian Cordero
Yazpik ยังมีผลงานในละครเวทีอีกหลายเรื่อง และในปี 2002 เขาก็ได้รับรางวัลนักแสดงตลกยอดเยี่ยมจากสมาคมวิจารณ์ละครแห่งเม็กซิกัน
OFELIA MEDINA (รับบทเป็น Mama Toya)
Ofelia Medina นักแสดงที่ถือว่าเป็นตำนานของวงการภาพยนตร์เม็กซิกัน เธอเกิดใน Merida เมือง Yucatan ต่อมาย้ายไปอยู่ที่เม็กซิโกซิตี้ และที่นี่เองเธอได้สมัครเข้าเรียนในสถาบัน Mexican Dance Academy (INBA) และมีโอกาสได้พบกับ Alejandro Jodorowski ซึ่งเป็นผู้กำกับละครเวที ที่เธอเคยพบเขาครั้งแรกในคณะละครใบ้เยาวชน ในเม็กซิโกเมื่อปี 1967 จากนั้นเธอก็มีโอกาสได้แสดงกับผลงานของเขาในเรื่อง “H3O” หลังจากนั้นเธอก็เดินทางไปยังนิวยอร์คเพื่อเข้าเรียนที่ Lee Strasberhg’s Actor Studio และเดินทางไปยังประเทศเดนมาร์กเพื่อร่วมงานกับโรงละคร Odin Theater
ภาพยนตร์เรื่องแรกของ Medina ในปี 1968 เป็นงาน semi-improvised ของ Wolf Rilla เรื่อง PAX? ที่ถ่ายทำในระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่เม็กซิโกซิตี้ เธอยังได้รับบทเด่นในผลงานกำกับของ Mauel Michle เรื่อง Pasty, mi amor ในปี 1969 และก็ยังปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ของผู้กำกับ Jeremy Paul Kagan เรื่อง The big fix ในปี 1987, รับบทเป็นจิตรกร Frida Kahlo ในภาพยนตร์เรื่อง Frida, naturaleza viva ในปี 1986 ผลงานกำกับของ Paul Leduc, เรื่อง Nocturno a Rosario ในปี 1991 กำกับโดย Matilde Landata และเรื่อง Before night falls ในปี 2000 กำกับโดย Julian Schnabel
10 ปีที่ผ่านมานี้ Ofelia Medina ได้อุทิศตัวเพื่อสร้างชีวิตความเป็นอยู่ของคนยากไร้ในเม็กซิโกให้ดีขึ้น
DANIEL GIMENEZ CACHO (รับบทเป็นนักบวช)
Daniel Gimenez เกี่ยวข้องกับวงการภาพยนตร์ของเม็กซิกันมายาวนาน เป็นผู้ที่มีความสามารถอันโดดเด่นที่สุดและสร้างสรรค์โปรเจคใหม่ ๆ เสมอ สำเร็จการศึกษาจากภาควิชาปรัชญาและวรรณกรรม จากมหาวิทยาลัย Universidad Nacional Autonoma de Mexico (UNAM) เขาเคยได้แสดงบนเวทีใน 10 ประเทศทั้งในอเมริกาใต้และยุโรป
ผลงานในภาพยนตร์ต่าง ๆ ของ Cacho นั้นมีทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ เช่น เรื่อง Cabeza de voca ในปี 1991 กำกับโดย Nicolas Echevarria, เรื่อง Solo con tu pareja ในปี 1991 กำกับโดย Alfonso Cuaron, เรื่อง Midaq Alley ในปี 1995 กำกับโดย Jorge Fon, เรื่อง Nadie hablara de nosotras cuando hayamos muerto ในปี 1995 กำกับโดย El callejon de los Milagros และ Agustin Diaz Yanez น้ำเสียงอันน่าประทับใจของเขานั้นยังได้สามารถหาฟังได้จากภาพยนตร์ที่เขาทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายเรื่อง Y tu mama tambien ในปี 2001 ที่กำกับโดย Alfonso Cuaron
Cacho ได้รับรางวัลมามากมาย เช่น รางวัล Ariel ในปี 1993 โดยได้รางวัลในสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจากเรื่อง Cronos ของผู้กำกับ Guillermo del Toro และรางวัล Ariel สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Profundo Carmesi ในปี 1996 ผลงานกำกับของ Arturo Ripstein และจากเรื่อง Aro Tolbukhin: En la mente del asesino ในปี 2002 ซึ่งกำกับโดย Agustin Villalonga และยังเคยได้รับการคัดเลือกจาก Mexico’s Academy เสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ (ของเม็กซิโก) ในปี 2002 อีกด้วย ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ผลิตโดย Altavista และในปี 2004 นี้ ยังจะได้เห็นเขาแสดงร่วมกับ Gael Garcia Bernal ในเรื่อง La mala educacion ของผู้กำกับ Pedro Almodovar อีกด้วย
JESUS OCHOA (รับบทเป็นคนขับรถโดยสาร)
Jesus Ochoa สำเร็จการศึกษาจาก El Instituto de Arte Escenico ในเมือง Sonora ประเทศเม็กซิโก และหลังจากนั้นก็ศึกษาต่ออย่างทั้งในเม็กซิโกและยุโรป งานการแสดงของเขาเริ่มจากรายการโทรทัศน์ที่ชื่อว่า “La Tuba de Hoya Trejo” งานละครเวทีของเขาเริ่มจากเรื่อง “El Jefe Maximo” ในปี 1991 และผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกได้แก่ Desiertos Mares ของผู้กำกับ Luis Garcia ในปี 1993
Ochoa รับบทเป็นหนึ่งในตัวเอกในภาพยนตร์ของผู้กำกับ Sabina Berman และ Isabel Tardan เรื่อง Entre Pancho Villa y una mujer desnudo ในปี 1995 และยังมีผลงาน El segunde aire ในปี 2001, Ciudades oscuras ในปี 2002, Nicotina ในปี 2003, Ladie’s night ในปี2003, Man on fire ในปี 2004, Zapata ในปี 2004 และเรื่อง La sambra de Sa Huaro ในปี 2004 เขามีผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง Tiro de gracia เมื่อปี 2003 และล่าสุดรับบทแสดงร่วมกับ Jose Maria Yazpik ในเรื่อง INNCENT VOICES
เกี่ยวกับทีมผู้สร้าง
LUIS MANDOKI (กำกับ/โปรดิวซ์/เขียนบทร่วม)
Luis Mandoki เป็นผู้กำกับที่มีความสามารถรอบด้านมากที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด เขาเกิดในเม็กซิโกซิตี้เมื่อ ปี 1954 สำเร็จการศึกษาจาก Sanfracisco Art Institue และ London International Film School เขาเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติจากการที่เขาได้รับรางวัลในสาขาที่ทรงคุณค่าที่สุดของการประกวดภาพยนตร์สั้นในงานเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์ ในปี 1979 ภาพยนตร์สั้นเรื่อง El secreto ของ Mandoki ยังได้รับรางวัล Ariel ในเม็กซิโกอีกด้วย
ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของ Mandoki คือเรื่อง Gaby: Una historia verdadera เมื่อปี 1978 นั้น Mandoki ได้เสียงชื่นชมอย่างมากทั้งในด้านบทภาพยนตร์ การกำกับ และโปรดักชั่น ภาพยนตร์สร้างจากเรื่องจริงที่ Mandoki อ่านเจอในหนังสือพิมพ์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหญิงวัยกลางคนที่เป็นอัมพาตเพราะสมองบางส่วนถูกทำลาย กับผู้ดูแลวัยรุ่นของเธอ Norma Aleandro ได้รับรับรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำจากการแสดงเรื่องนี้ และ Rachel Chagall ที่แสดงร่วมกับเธอก็ได้รางวัลลูกโลกทองคำด้วย
จากนั้นเขาก็ได้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกสำหรับให้ผู้ชมชาวอเมริกัน คือเรื่อง White Place ในปี 1990 ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายของ Glen Savan นำแสดงโดย Susan Saradon และ James Spader จากนั้นในปีเดียวกันก็กำกับเรื่อง When a man love a woman นำแสดงโดย Meg Ryan และ Andy Garcia และเรื่อง Message in the bottle ในปี 1999 แสดงโดย Kevin Cosner, Robin Wright Penn และ Pual Newman Mandoki แสดงให้เห็นถึงความสามารถหลาย ๆ ด้านของเขาด้วยผลงานล่าสุด อาทิ ภาพยนตร์โรแมนติกเรื่อง ANGEl EYES ในปี 2001 นำแสดงโดย Jennifer Lopez และ Jim Caviezel และภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง TRAPPED ในปี 2002 ที่นำแสดงโดย Charlize Theron และ Kavin Bacon
ขณะนี้ Mandoki กำลังเตรียมงานสร้างภาพยนตร์ภาษาสเปนเรื่องต่อไปเขาคือ Amapola(Poppies) เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการค้ายาเสพติด นำแสดงโดย Daniel Gimenez Cacho จาก INNOCENT VOICES และ Diego Luna จากเรื่อง Y tu mama tambien
OSCAR ORLANDO TORRES (บทภาพยนตร์)
Oscar Torres เกิดเมื่อปี 1972 ในหมู่บ้านแถบชนบทของเมือง Cuscatazingo ประเทศ เอล ซัลวาดอร์ เขาได้เข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามกลางเมืองอันโหดร้าย การเอาชีวิตรอดท่ามกลางสงครามความขัดแย้ง ความโดดเดี่ยวจากการต้องหนีเข้าอเมริกาเพียงลำพังเมื่อปี 1986 ตอนที่อายุได้ 14 ขวบของเขานั้นเหมือนกับที่ถ่ายทอดออกมาให้เห็นใน INNOCENT VOICES เขาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อกลับมาอยู่ด้วยกันกับแม่และพี่น้องอีก 2 คนอีกครั้ง ณ ที่แห่งนี้
ในที่สุด Torres ก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอเนียร์ ที่ Berkley ในสาขาวิชาละตินอเมริกัน แต่ก็ออกมาก่อนและได้ย้ายไปที่ลอส แองเจลลิสเพื่อทำงานด้านการแสดง งานแรกของเขาคือการเป็นเด็กเดินเอกสารให้กับตัวแทนผู้มากความสามารถคนหนึ่งซึ่งสุดท้ายก็ได้ยอมให้ Torresได้แสดงในโฆษณาของเขา
Torres รับงานโฆษณาทีวีมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาได้งานละครเวทีและทีวีซีรีส์อย่างเช่นเรื่อง “ER”, “First Monday” และ “Any Day Now”
แล้ว Torres ก็ได้เขียนบทภาพยนตร์ให้กับเรื่อง INNOCENT VOICES จากความตั้งใจในตอนแรกว่าเป็นการทำเพื่อปัดเป่าความกลัวของตนเอง “และในจุดนั้นเอง” เขากล่าว “ผมยังคงมองตัวเองในฐานะนักแสดงเป็นอย่างแรก ผมเคยอยู่ที่ Bevery Hills Playhouse เพื่อเรียนและทำงานอยู่ที่ตลอด” Moctezzuma Esparza (ซึ่งรับบท SELENA) เป็นคนที่ชักชวนให้ Torres เขียนบทเรื่องนี้ให้เป็นจริงเป็นจังขึ้นมาและยังได้ช่วยขัดเกลามันให้ดีขึ้น Torres เอางานของเขาเข้าไปเสนอผู้กำกับ Luis Mandoki “เสร็จสรรพในเวลาเพียง 2 นาที” ในขณะที่กำลังถ่ายโฆษณาชิ้นหนึ่งในปี 2002
ขณะนี้ Oscar Torres กำลังเขียนบนภาพยนตร์เรื่องที่สองของเขาอยู่ ซึ่งคราวนี้เป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้
ALENJANDRO SOBERON KURI (โปรดิวเซอร์)
Alenjandro Soberon Kuri เป็นทั้งผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท Corporacion Interamericana de Entretenmiento (CIE) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Altavista Films และ NuVision ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่าย เขาเป็นโปรดิวเซอร์ที่เป็นผู้นำทางด้านการทำไลฟ์โชว์ของเม็กซิโก
Soberon Kuri ได้สร้างภาพยนตร์กับบริษัทเม็กซิกันหลายบริษัทมามากกว่า 10 ปี โดยเริ่มด้วยงานของผู้กำกับ Gilberto Martinez เรื่อง Diario intimo de una cobaretera ในปี 1989 และเรื่อง La nagra tomasa เมื่อปี 1993, ปี 1998 เขาได้ตั้งบริษัท Altavista Films ขึ้นมาด้วยความคิดที่ว่า ต้องการรวบรวมมืออาชีพที่มีความสามารถที่สุดในด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเม็กซิโกมาไว้ด้วยกัน จุดมุ่งหมายของเขาก็เพื่อสร้างภาพยนตร์เม็กซิกันให้มีมาตรฐานในระดับสูง ไม่ใช่เพียงเพื่อพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการสร้างงานที่มีคุณภาพสูงอีกด้วย
ในการรวบรวมผู้ที่มีความสามารถเข้ามาไว้ด้วยกันอย่างเช่น Alejandro Gonzales Inarritu (จากเรื่อง Armores Perros ปี 2000) และ Hugo Rodriguez (จากเรื่อง Nicotina ปี 2003) Altavista ก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางของวงการภาพยนตร์ ซึ่งในที่สุดได้รับการกล่าวขานให้เป็นยุคแห่งการฟื้นฟูของวงการภาพยนตร์เม็กซิกัน “Mexican Renaissance”
LAWRENCE BENDER (โปรดิวเซอร์)
Lawrence Bender ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์มาเป็นเวลามากกว่า 15 ปี ภาพยนตร์ของเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 19 รางวัล ซึ่งเป็นรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 2 ครั้ง ในบรรดาภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ที่เขาสร้างนั้น เรื่อง GOOD WILL HUNTING ปี 1997 เป็นเรื่องที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม
ผลงานสร้างของ Bender อาทิ Killing Zoe ปี 1994, เรื่อง Four Rooms ปี 1995, เรื่อง From dust till dawn ปี 1996, เรื่อง Anna and the King ปี 1999, เรื่อง The Mexican ในปี 2001 และผลงานภาพยนตร์ที่เขียนและกำกับโดย Quentin Tarantino เรื่อง Reservoir dogs ปี 1992, เรื่อง Pulp Fiction ในปี 1994, เรื่อง Kill Bill Vol.1 ในปี 2003 และเรื่อง Kill Bill Vol.2 ในปี 2004
ปี 2000 Bender ได้ลองเข้าไปจับงานทีวีเป็นครั้งแรกในหลาย ๆ โปรเจคกับโทรทัศน์หลายช่อง อาทิ HBO, Showtime, USA, Sci-Fi channel และ TNT รวมไปถึงเรื่องที่โด่งดังในช่อง CBS อยู่ในขณะนี้คือเรื่อง “Dr.Vegas” ซึ่งนำแสดงโดย Rob Lowe นอกจากงานโทรทัศน์และภาพยนตร์ที่เขาทำอยู่นั้น Bender ยังประสบความสำเร็จในการผลิตโฆษณาทีวีและมิวสิควีดีโอกับบริษัทโปรดักชั่นที่เขาตั้งขึ้นร่วมกับ Tarantino ที่ชื่อบริษัท A Band Apart อีกด้วย ในปี 2001 บริษัท A Band Apart ได้สร้างงานโฆษณาและมิวสิควีดีโอถึง 75 ชิ้น ซึ่งมิวสิควีดีโอ 13 เพลงของเขาได้เข้าชิงรางวัล MTV awards
FEDERICO GONZALEZ COMPEAN (อำนวยการสร้าง)
ปี 1987 Federico Gonzalez Campean ได้ก่อตั้งและออกอากาศรายการ “Hoy en la Cultura” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ซึ่งในปีต่อมาทำให้เขาได้รับรางวัล Journalism award จากงาน Premio Nacianal del Periodismo เขาได้สร้างสรรค์รายการ El Teatro de la Ciudad ในระหว่างปี 1989 ถึง 1990 และในปี 1991 เขาก็เข้าร่วมกับบริษัท OCESA (เป็นบริษัทในเครือของ CIE เหมือนกับบริษัท Altavista Films) โดยเป็นผู้จัดการของ El Palcio de los Deportes และได้เป็นผู้กำกับคนแรกในช่วงใหม่ของรายการ Auditorio Nacional
ปี 1991 เขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้กำกับงานการแสดงต่าง ๆ ของ OCESA ในการแสดงสดที่สำคัญหลายงาน อาทิ AC/DC, Rolling Stones, Iron Maiden, Kiss, David Bowie และ U2 อีกทั้งยังโปรดิวซ์งานเพลงในเรื่อง “Beauty and the Beast”, “Les Mieserables” และ “Phantom of the Opera” ในประเทศสเปน อาร์เจนติน่า และบราซิลอีกด้วย
ปี 1999 Gonzalez Campean ได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของ Mexican Film Studio (Estudio Mexico Films) ซึ่งเป็นที่ ๆ เขาได้สร้างและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ของอเมริกาใต้ ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์เรื่องกับ เรื่อง Todo el poder ในปี 1999 เรื่อง Amores perros ในปี 2000 และเรื่อง Nicotina ในปี 2003 ซึ่งได้ร่วมสร้างกับ Altavista Films
MONICA LOZANO (อำนวยการสร้าง)
Monica Lozano ทำงานให้กับบริษัทำโปรดักชั่น Amaranta และ Distribuidora Latina ในในปี 1998 เธอได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างภาพยนตร์ เรื่อง El Evangelio de las Maravillas ของ Arturo Ripstein ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานที่ก่อตั้งที่ Altavista Films และ NuVision
ผลงานในการเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์และผู้บริหารโปรเจคให้กับภาพยนตร์เรื่อง อาทิ Amores Perros กำกับโดย Alejandro Gonzalez Inarritu ในปี 2000, เรื่อง Tolbukhin: En la mente del asesino โดยผู้กำกับ Isaac-Pierre Racine และ Agustin Villaronga ในปี 2002, เรื่อง Zurdo ของ Carlos Salces ในปี 2003, เรื่อง Volveras ผลงานกำกับโดย Antonio Chavarrias ในปี 2002, เรื่อง Amar te duele โดย Hugo Rodriguez Nicotina ในปี 2003 และเรื่อง A day without a Mexican ของผู้กำกับ Sergio Arau ในปี 2004
FRANCISCO GONZALEZ COMPEAN (อำนวยการสร้าง)
Francisco Gonzalez Compean เป็นกรรมการที่ก่อตั้งบริษัท Altavista Films และบริษัทจัดจำหน่าย NuVision ขึ้นมาในปี 1998 เขาได้สร้างหรือมีส่วนร่วมสร้างภาพยนตร์ที่ Altavista จำนวน 10 เรื่อง รวมถึงเรื่อง Todo el poder โดยผู้กำกับ Fernando Sarinan ในปี 1999, ในปี 2000 กับเรื่อง Amores Perros โดย Alejandro Gonzalez Inarritu, เรื่อง Por la libre ผลงานของ Juan Carlos de Llaca ในปี 2000, เรื่อง Volveras กำกับโดย Antonio Chavarrias ในปี 2002 และเรื่อง A day without a Mexican ของผู้กำกับ Sergio Arau ในปี 2004
Gonzalez Compean เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 1967 ในเม็กซิโกซิตี้ เขาสำเร็จการศึกษาในสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัย Anahuac ในเม็กซิโกซิตี้ จากนั้นก็ไปศึกษาต่อในด้านการเขียนบทภาพยนตร์และการสร้างภาพยนตร์ ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค และที่ภาควิชาใหม่สำหรับการวิจัยทางสังคม เขาได้ทำงานวิทยุและโทรทัศน์และบริษัทโฆษณาและการตลาดระหว่าประเทศ Vale-bates
ปี 2002 ขณะเดียวกับที่ยังคงเป็นผู้สร้างงานระดับชั้นแนวหน้าให้กับ Altavista อยู่นั้น Gonzalez Compean ก็ได้เปิดบริษัทโปรดักชั่นขึ้นมาใหม่ที่ชื่อว่า Draco Films ปัจจุบันนี้เขาได้ทำงานเตรียมการสร้างให้กับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Mandoki เรื่อง Amapala (Poppies)
MIGUEL NECOECHEA (อำนวยการสร้าง)
Miguel Necoechea เกิดเมื่อปี 1949 ในเม็กซิโกซิตี้ และสำเร็จการศึกษาทางด้านการถ่ายภาพภาพยนตร์จาก London Film School เขาเริ่มทำงานในปี 1971 โดยตัดต่อสารคดีกับภาพยนตร์สั้นเรื่องหนึ่ง ในช่วงปี 1979-1989 ซึ่งเป็นช่วงการปฎิวัติของ Sandinista เขาได้ไปทำงานให้กับบริษัทโปรดักชั่นชื่อ “Productora Senal SA” ในประเทศนิคารากัว การสร้าง การผลิตภาพยนตร์ และการกำกับละครทีวีทั้งหมดจึงเป็นครั้งแรกในประเทศนี้
ในช่วงปี 1990 ถึง 1994 เขาเป็นผู้อำนวยการสร้างของ Mexican Institute of Cinematography และได้ดูแลงานมากกว่า 50 เรื่อง อาทิ Solo con tu pareja กำกับโดย Alfonso Cuaron ปี 1991, เรื่อง Fresa y Chocolate โดย Tomas Gutierrez Alea ปี 1994 ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศ และเรื่อง Como agua para chocolate ของผู้กำกับ Alfonso Arau ปี 1992
Necoechea ยังได้โปรดิวซ์งานให้กับเรื่อง Profundo Carmesi ในปี 1996 ซึ่งกำกับโดย Arturo Ripstein, เรื่อง Un dulce olor a muert ในปี 1999 กำกับโดย Gabriel Retes และเรื่อง Perdita Durango ในปี 1997โดย Alex de la Iglesia ซึ่งนำแสดงโดย Rosie Perez และ Javier Bardem ขณะนี้เขากำลังเตรียมโปรดิวซ์ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Mandoki เรื่อง Amapala (Poppies)
ANNA ROTH (อำนวยการสร้าง)
Anna Roth เริ่มทำงานในวงการภาพยนตร์โดยบังเอิญ ตอนนั้นเธอทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยฝ่ายผลิตในทีมงานเม็กซิกันในภาพยนตร์ที่กำกับโดย Peter Medok เรื่อง ZORRO THE GAY BLADE แล้วในปี 1981เธอก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่ถ่ายทำในเม็กซิโกกว่า 40 เรื่อง เธอทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองถ่ายหรือไม่ก็ควบคุมดูแลกองในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น เรื่อง Missing ในปี 1982, เรื่อง Under Fire ในปี 1983, เรื่อง Old Gingo ในปี 1989, เรื่อง Predator ในปี 1987, เรื่อง Clear and present danger ในปี 1994, เรื่อง Tomorrow never dies ในปี 1997, เรื่อง Titanic ในปี 1997, เรื่อง Traffic ในปี 2000, เรื่อง Frida ในปี 2002, เรื่อง Collateral Damage ในปี 2002 และเรื่อง Man on fire ในปี 2004 เธอทำงานในฐานะโปรดิวเซอร์ครั้งแรกในปี 2000 กับภาพยนตร์เรื่อง Porla libre ผลงานกำกับของ Juan Carlos de Llaca ซึ่งเป็นภาพยนตร์ของ Altavista Films
Roth เรียนด้านปรัชญาและวรรณกรรมที่มหาวิทยาลัย Universitu Autonamade Mexico (UNAM) และเป็นที่ปรึกษาฝ่ายโปรดักชั่นที่สำคัญคนหนึ่งให้กับ Altavista ตั้งแต่ที่เริ่มก่อตั้งในปี 1998 และเธอก็ยังได้คุมงานออกแบบโปรดักชั่นภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องรวมทั้งโปรเจคใหม่ ๆ ของบริษัทอีกด้วย
JUAN RUIZ-ANCHIA (กำกับภาพ)
Juan Ruiz-Anchia เกิดเมื่อปี 1949 ในบิลเบา สเปน ปี 1972 เขาสำเร็จการศึกษาจาก Escuela Oficial de Cinematografia ในแมดริด และจาก American Film Institue (AFI) ในปี 1979 ภาพยนตร์ที่เขาทำวิทยานิพนธ์ส่งAFI คือเรื่อง Miss Loneyhearts นั้น ได้รับรางวัลจากการประกวดที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์และได้ออกฉายทาง PBS
Anchia เริ่มทำงานในภาพยนตร์สเปนเมื่อปี 1971 จากงานของ Joaquin Hidalgo ในเรื่อง Noche oscura del alma และงานที่ทำให้ตัวเขาได้รับความสนใจในระดับนานาชาติคือภาพยนตร์ของ Bigas Luna เรื่อง Reborn ที่สร้างในปี 1981 งานที่ทำให้ทางฝั่งอเมริกาเรื่องแรกของเขาคือเรื่อง The woman in the room ปี 1983 เขายังเป็นผู้เขียนและผู้กำกับงานของ Frank Darabon ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการดัดแปลงจากเรื่องที่เขียนโดย Stephen King
Anchia มีสัมพันธภาพอันยาวนานกับผู้กำกับที่โดดเด่นมากที่สุดในฮอลลีวู้ดหลายคน อาทิ David Mamet ซึ่งทำงานร่วมกันในเรื่อง House of games ปี 1987, เรื่อง Things Change ในปี 1988, และเรื่อง Spartan ในปี 2004 ได้ร่วมงานกับ James Foley ในเรื่อง At close range ปี1986, เรื่อง Glen Garry Glen Ross ปี 1992, เรื่อง The Corruptor ปี 1999 และเรื่อง Confidence ปี 2003 และร่วมงานกับ Mike Figgis เรื่อง Lieb Estraum ในปี 1991 และเรื่อง Mr.Jones ปี 1993
ภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่มีชื่อเขาอยู่ในเครดิต อาทิ The disappearance of Garcia Lorca ของผู้กำกับ Marcos Zurinaga ในปี 1997, เรื่อง The house on Turk Street โดย Bob Rafelson ในปี 2002 และเรื่อง Off the map ในปี 2003 ที่กำกับโดย Cambell Scott
ในปี 1999 เขาได้รับรางวัลจากงาน Spain Goya Award จากภาพยนตร์ที่เขาร่วมทำกับ Antonio Betancor เรื่อง Mararia
ALESHKA FERRERO (ตัดต่อ)
Aleshka Ferrero เกิดในเปอร์โตริโก้ ศึกษาที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ภาควิชา S.I. Newhouse School of Public Communications และจบการศึกษาจาก Magna Cum Laude ในสาขาวิชาการผลิตสื่อโทรทัศน์ ภาพยนตร์และวิทยุ
นับเป็นเวลา 4 ปีที่เธอทำงานให้ในส่วนของงานหลังการผลิต และตัดต่อหนังตลกเรื่อง Maldita ที่กำกับโดย Anthony R. Stabley ในปี 2001 และในงานสารคดีการสร้าง “The road to perdition” และ Inside Traffic: The making of “Traffic” ในปี 2002
Ferrero ขณะนี้กำลังเตรียมงานสร้างภาพยนตร์กับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Luis Mandoki เรื่อง Amapola(Poppies) นำแสดงโดย Daniel Gimenez Cacho จาก INNOCENT VOICES และ Diego Luna จากเรื่อง Y tu mama tambien
MARTIN HERNANDEZ (ออกแบบเสียง)
Martin Hernandez เกิดในเม็กซิโกซิตี้เมื่อปี 1964 สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Iberoamericana สาขาการสื่อสาร จากนั้นก็เข้ามาทำงานกับ Alejandro Gonzalez Innarritu โดยเป็นผู้ประกาศและโปรดิวเซอร์รายการวิทยุที่ WFM Radio และ Radio ACIR ในเม็กซิโกซิตี้
ต่อมา Inarritu ได้เชิญชวนให้ Hernandez เข้ามามีส่วนร่วมในงานสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาเรื่อง Amores ในปี 2000 โดยรับหน้าที่เป็นออกแบบและตัดต่อเสียง Hernandez ยังคงร่วมงานกับผู้กำกับ Inarritu ซึ่งอยู่ในส่วนงานของเม็กซิโกในภาพยนตร์เหตุการณ์วันที่ 11 กันยายนเรื่อง ในปี 2002 และ เรื่อง on 21 Grams ในปี 2003
ผลงานของ Hernandez มีอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง City of God ของ Katia Lund และ Fernando Merelles ในปี 2002 ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในหลายสาขา งานก่อนหน้านี้ของเขาที่เสร็จสมบูรณ์ลงไปแล้วมีเรื่อง CRONICAS ในปี 2004 กำกับโดย Cordero นำแสดงโดย Damian Alcazar, Alfred Molina และ Jose Maria Yazpik ซึ่งนำแสดงในเรื่องINNOCENT VOICES และในขณะนี้เขากำลังทำงานให้กับภาพยนตร์ 2 เรื่องคือ Nine Lifes ของ Rodrigo Garcia และเรื่อง Batalla en el cielo โดย Carlos Reigadas
FERNANDO CAMARA (ควบคุมเสียง)
Fernando Camara เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 1951 ในเม็กซิโกซิตี้ เขาศึกษาที่มหาวิทยาลัยเปอร์โตริโกและจบปริญญาโทจาก the London Institute Film School ช่วงหนึ่งหลังจบการศึกษาเขาได้ทำงานเป็นศาสตราจารย์ในภาควิชาโสตศึกษาที่ the Centro de Capacitacion Cinematografica และมหาวิทยาลัย The Centro Universitario de Estudios Cinematografico ในเม็กซิโกซิตี้
Camara ได้ทำงานเป็นผู้กำกับโปรดัคชั่นให้กับ UETC (Unidad de Television Educativa y Cultural) ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะที่ดำเนินงานโดยกระทรวงศึกษาของเม็กซิโกอยู่หลายปี ปัจจุบันนี้เขาได้ตั้งบริษัทโปรดัคชั่นชื่อว่า Resonancia Productara ขึ้นมา เพื่อสร้างละคร 2 เรื่องให้กับ TV Azteca และสร้างภาพพยนต์หลายเรื่องให้กับ IMCINE ที่เป็นบริษัทตัวแทนของรัฐบาลเม็กซิกัน
Camara ได้ทำงานเป็นซาวนด์มิกเซอร์ให้กับภาพยนตร์มากกว่า 24 เรื่อง ทั้งในเม็กซิโกและอเมริกาตั้งแต่ปี 1979 ผลงานในงานภาพยนตร์ของเขา อาทิ Under the Volcano ของ John Huston ปี 1984, เรื่อง Cronos ในปี 1993 กำกับโดย Guillermo del Toro, เรื่อง Romeo+Juliet ในปี 1996 ผลงานการกำกับของ Baz Luhrmann, เรื่อง Titanic ในปี 1997 ของผู้กำกับ James Cameron และเรื่อง Master and Commander ในปี 2003 โดย Peter Weir
ANDRE ABUJAMRA (เพลงประกอบ)
Andre Abujamra เป็นชาวบราซิลโดยกำเนิด เขาเริ่มงานเพลงในปี 1985 โดยตั้งวงดูโอแนวป๊อป-อิเลคโทรนิคชื่อ Black Woman ขึ้นมา และแยกตัวกันหลังจากมีผลงานที่ประสบความสำเร็จออกมาได้ 2 แผ่น จากนั้น Abujamra ก็ได้เริ่มงานกับวงฟิวชั่นแจ๊สที่ชื่อว่า Karnak ซึ่ง 10 ปีผ่านมานี้ สร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมา 3 อัลบั้ม และออกทัวร์อเมริกา แคนาดา และฝรั่งเศส Abujamra ได้ทำงานเดี่ยวอัลบั้มแรกในปี 2004 ใช้ชื่อว่า “O Finito de Pe” (“Infinity Standing”)
ตั้งแต่ที่ Abujamra ได้เปิดตัวในฐานะของนักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ในปี 1990 ในภาพยนตร์เรื่อง HIP-HOP SP ที่กำกับโดย Francisco Cesar Filho นั้น เขาก็ได้มีส่วนร่วมในการแต่งดนตรประกอบละครและหนังสั้นมากกว่า 50 ชิ้น และในภาพยนตร์บราซิลและละตินอเมริกากว่าสิบเรื่อง อาทิ เรื่อง Capitalismo Savagem (Savage Capitalism) ในปี 1993 โดย Andre Klotzel, เรื่อง Demesticas (Maids) ในปี 2001 กำกับโดย Fernando Meirelles, เรื่อง Durval Discos ในปี 2002 กำกับโดย Nando Olival และเรื่อง Carandiru Prison ในปี 2003 กำกับโดยผู้กำกับชาวอาเจนตินาชื่อ Hector Babenco
Abujamra ทำงานกับคณะละครเวทีชื่อ Boi Voador และออกทัวร์ในยุโรปโดยเป็นทั้งนักแสดงและผู้กำกับเพลง เขายังแสดงในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง อาทิ Sabado ในปี 1995, เรื่อง Boleiros ในปี 1998 และเรื่อง Duval Discos ในปี 2002 อีกด้วย
LYNN FAINCHTEIN (ควบคุมดนตรี)
Lynn Fainchtein เริ่มต้นอาชีพของเธอก่อนช่วงปี 1990 โดยทำหน้าที่เป็นดีเจและโปรแกรมเมอร์ให้กับสถานีต่างๆ เช่น Rock 101 FM และ รายการ “Dimension 13-80” ให้กับสถานี NRM (Nucleo Radio Mil) ในเม็กซิโก
การทำโปรโมทคอนเสิร์ตร็อคเป็นครั้งคราวในเม็กซิโกได้นำ Fainchtein ไปสู่ MTV ละตินอเมริกา ซึ่งกลายเป็นที่ทำงานของเธอตั้งแต่ปี 1994 ถึงปี 1999 ในตำแหน่งโปรแกรมมิ่งไดเร็คเตอร์ในไมอามี่ และเป็นผู้กำกับของภาคพื้นในเม็กซิโก ในปี 1999 ถึง 2000 Fainchtein ได้เป็นที่ปรึกษาให้กับค่ายเพลงเม็กซิกัน OCESA Entretienemento และองค์กรการค้า RAC (Recording Artists Coalition)
หลังจากนั้น Fainchtein มีชื่อเป็น ซูเปอร์ไวเซอร์แห่ง A&R (Artists and Repetoire) ที่ Altavista Films ตั้งแต่นั้นเธอก็ได้ทำหน้าที่เป็นควบคุมดนตรีให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง ผลงานของเธอมีดังนี้ ภาพยนตร์เรื่อง Saturday Night Thief ในปี 1992 กำกับโดย Jose Luis Garcia Agraz เรื่อง Beyond Borders , John Sayles in Mexico ในปี 2003 กำกับโดย Bruno de Almeida, เรื่อง Sin dejar huella ในปี 2000 กำกับโดย Maria Novaro และงานที่กำกับโดย Alejandro Gonzalez Inarritu อีก 3 เรื่องคือ Amores Perros ในปี 2000, เรื่อง The Hire: Poder keg ในปี 2001 ซึ่งเป็นภาคหนึ่งในซีรี่ส์ภาพยนตร์โปรโมทของ BMW ที่ได้เสียงชื่นชมอย่างมาก แสดงนำโดย Clive Owen และเรื่อง 21 Grams ในปี 2003 แสดงนำโดย Naomi Watts และ Sean Penn
ANTONIO MUNO-HIERRO (ออกแบบโปรดักชั่น)
ในฐานะของผู้ออกแบบโปรดักชั่น Antonio Muno-Hierro ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Arturo Ripstein ผู้กำกับชาวเม็กซิกันซึ่งเป็นผู้บุกเบิกงานด้านอาร์ตฟิล์ม งานของ Antonio Muno-Hierro นั้นเริ่มจากทำหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากให้กับภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Profundo Carmesi (Deep Crimson) ที่กำกับโดย Ripstein นำแสดงโดย Daniel Gimenez ซึ่งในเรื่อง INNOCENT VOICES รับบทเป็นบาทหลวง Muno-Hierro ยังทำงานให้กับ Ripstein อีกสองเรื่องโดยรับหน้าที่ออกแบบโปรดักชั่นในภาพยนตร์เรื่อง No one writes the Colonel ในปี 1999 ซึ่งสร้างจากนิยายของ Gabriel Garcia Marques และเรื่อง La Virgen de la Lujuria ในปี 2002
ผลงานเรื่องอื่น ๆ ของเขา อาทิภาพยนตร์ดราม่าภาษาสเปนเรื่อง Men with Guns สร้างในปี 1997 กำกับโดย John Sayles โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานโปรดักชั่นในระหว่างที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำในเม็กซิโก และเรื่อง Before Night Falls ที่สร้างในปี 2000 กำกับโดย Julian Schnubel นำแสดงโดย Javier Bardem ซึ่งได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลออสก้าร์จากบทนักเขียนนิยายชาวคิวบาชื่อ Reinaldo Arenas
TLACATEOTL MATA (ควบคุมงานโพสโปรดักชั่น)
Tlacateotl Mata เป็นอยู่เบื้อหลังคนหนึ่งของการฟื้นฟูวงการภาพยนตร์เม็กซิกันในช่วงปี 1990 เขาเกิดในเม็กซิโกซิตี้เมื่อปี 1960 และได้ศึกษาด้านภาพยนตร์ใน Centro de Capacitacion Cinematografica ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
Mata เริ่มงานในวงการโดยทำงานตัดต่อโฆษณาทีวี และในปี 1991 ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Ariel (เป็นรางวัลออสการ์ของชาวเม็กซิกัน) ในฐานะผู้ตัดต่อภาพยนตร์เรื่อง Lolo ซึ่งกำกับโดย Francisco Athie เขายังคงทำการตัดต่อเรื่อง Mi querido Tom Mix ในปี 1992 และ Vivir Mata ในปี 2002 ด้วย
Mata ยังคงสร้างสรรค์งานออกมาซึ่งได้สร้างความแปลกใหม่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เม็กซิกันอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่อง DANZON ในปี 1991 กำกับโดย Maria Novara ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากงาน U.S. Independent Spirit Award สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม เรื่อง Salon Mexico ในปี 1996 กำกับโดย Jose Luis Garcia Agraz และเรื่อง Profundo Carmesi ในปี 1996 กำกับโดย Arturo Ripstein
นอกจากงานตัดต่อและโปรดิวเซอร์แล้ว Mata ยังเป็นที่รู้จักดีจากการที่เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่หัวหน้างานฝ่ายโพสต์-โปรดักชั่น ซึ่งเป็นการยกระดับด้านเทคนิคทั้งหมดของหนังเม็กซิกันอีกด้วย เขาได้ทำงานในตำแหน่งนี้ในภาพยนตร์มากกว่า 50 เรื่องใน 10 ปีที่ผ่านมา อาทิ Sexo, pudor y lagrimas ในปี 1999, เรื่อง Perfume de violetas ในปี 2001 และภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เรื่อง Amores Perros ของ Alejandro Gonzalez ที่สร้างในปี 2000
ปัจจุบันนี้ Mata กำลังทำงานในส่วนของโพสต์-โปรดักชั่นให้กับภาพยนตร์สองเรื่องใหม่คือเรื่อง Temparada de patos โดย Fernando Eimbcke และเรื่อง Curandero ของผู้กำกับ Rosario Tejeras
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net