กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์
20 ปีนับจากเริ่มก่อตั้งธุรกิจ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ผู้นำการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทยได้เจริญเติบโตขึ้นด้วยรากฐานทางด้านการเงินและธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุด พร้อมกับความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทย ด้วยการผลักดันให้เกิด คลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์“ดีทรอยท์แห่งตะวันออก” และคลัสเตอร์อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาชุมชนให้ยั่งยืนไปพร้อมๆกัน ในโอกาสก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 เหมราชฯจะยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมไทย และสร้างความเป็นปึกแผ่นทางธุรกิจ โดยเน้น 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของคุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) เหมราชฯ เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนรายแรก ในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทย นับจากวันก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน เหมราชฯ มีนิคมอุตสาหกรรม ที่อยู่ภายใต้การพัฒนาและบริหารของเหมราชฯ รวม 6 แห่ง บนพื้นที่รวม 31,000 ไร่ (13,000 เอเคอร์) ประกอบด้วย นิคมอุสาหกรรมเหมราชชลบุรี รองรับอุตสาหกรรมเหล็ก พลังงาน และอื่นๆ นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) รองรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และเหล็ก นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด(ระยอง) และนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด คลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์ เขตประกอบการอุตสาหกรรม เอส ไอ แอล (สระบุรี) และเขตประกอบการอุตสาหกรรม ระยองอินดัสเตรียลแลนด์
“20 ปีที่ผ่านมา เหมราชฯสามารถดึงเงินลงทุนจากทั่วโลกสู่ประเทศไทยรวมมูลค่ากว่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลให้เกิดการว่าจ้างแรงงานไทยถึง 65,000 คน การพัฒนาแนวคิดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของประเทศให้เป็นรูปธรรม ก่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนาทักษะและฝีมือของแรงงานไทย” มร. เดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการและกรรมการบริหาร บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) กล่าว
ปัจจุบัน เหมราชฯ มี ลูกค้าชั้นนำ 390 ราย มีสัญญาที่ลงนามแล้ว รวม 575 สัญญา ซึ่งรวมถึงลูกค้า130 บริษัท ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้แก่ ฟอร์ด มาสดา จีเอ็ม และ ซูซูกิ เป็นต้น ในปี 2551 เหมราชฯ ตั้งเป้าขายที่ดินอุตสาหกรรม 1,600-1,700 ไร่ (640-680 เอเคอร์) สูงกว่าประมาณการต้นปีถึง 25% โดยในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เหมราชฯ มีการซื้อขายที่ดินและโรงงานอุตสาหกรรม เฉลี่ยปีละ 50 สัญญา เป็นลูกค้ารายใหม่ประมาณ 25 ราย ในปี 2551 นี้ เหมราชฯ คาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 30 ราย และ สัญญามากกว่า 65 สัญญาซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์
มร. เดวิดกล่าวว่า “ในระยะสั้น เราคาดว่าการลงทุนจะชะลอตัวลงบ้าง อันเป็นผลมาจากความผันผวนด้านอุปสงค์และการชะลอโครงการใหม่ของนักลงทุนในตลาดโลก อย่างไรก็ตามในระยะยาว เหมราชฯ ยังคงมีรากฐานที่แข็งแกร่ง เนื่องจากประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวของอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมทั้งเป็นตลาดใหญ่ของผู้บริโภคในทศวรรษหน้า ทั้งนี้เหมราชฯ อยู่ในจุดที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการตอบสนองการเจริญเติบโตดังกล่าว”
“ปีนี้ เหมราชฯ ยังคงมีแผนขยายธุรกิจทั้งในด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม การให้บริการด้านสาธารณูปโภค และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาทในช่วง 4 — 6 ปีข้างหน้า โครงการโรงผลิตไฟฟ้า 660 เมกะวัตต์ “เกคโค่ วัน” จะสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องเริ่มจากปี 2555 นอกจากนี้ เหมราชฯ ยังมีแผนการลงทุนในโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กอีก 2 แห่งอีกด้วย” มร.เดวิด กล่าว
ลูกค้าในกลุ่มปิโตรเคมียังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่อุตสาหกรรมปลายน้ำ โครงการเหล่านี้ใช้เวลาหลายปี ในการเริ่มต้นและยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในส่วนของคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์ของเหมราชฯ หรือ ”ดีทรอยท์แห่งตะวันออก” จะยังมีการลงทุนต่อไปในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด เพื่อผลิตรถบรรทุกขนาด 1 ตัน และโครงการอีโคคาร์ โดยกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่
การลงทุนต่อเนื่องเหล่านี้จะส่งผลให้ความต้องการด้านสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในระยะ 4 ปีข้างหน้า ปัจจุบันเหมราชฯ เป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีกำลังผลิตถึง 150,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อวัน ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 เท่า ภายใน 4 ปี ในส่วนของโรงงานสำเร็จรูปเพื่อขายหรือให้เช่า เหมราชฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่เลข 2 หลัก ปัจจุบันบริษัทฯ มี โรงงานสำเร็จรูปที่สร้างเสร็จแล้วและกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างรวมกัน 125 ยูนิต คิดเป็นพื้นที่ 280,000 ตารางเมตร
“เหมราชฯ กำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่3 บนรากฐานทางด้านการเงินและธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ด้วยรายได้ที่สมดุลจากการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม การให้บริการด้านสาธารณูปโภค และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เหมราชฯ สามารถเลือกที่จะลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพที่สุด รายได้ที่มีการรับรู้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 3 ธุรกิจหลัก รวมทั้งธุรกิจพลังงานในอนาคตอันใกล้ จะทำให้เหมราชฯ สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่คาดการณ์ได้ให้แก่ผู้ถือหุ้นของเรา” มร. เดวิด กล่าวเสริม
คุณวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล รองกรรมการผู้จัดการ ของเหมราชฯ กล่าวว่า “นับแต่วันแรกที่เปิดดำเนินการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลสิ่งแวดล้อมและการรับผิดชอบต่อสังคม โดยถือเป็นนโยบายสำคัญในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ ได้คิดค้นนวัตกรรม และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมรอบนิคมอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการดูแลชุมชนอย่างต่อเนื่อง
เหมราชฯ ให้การสนับสนุนการศึกษาในอีสเทิร์นซีบอร์ดอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการหลัก 2 โครงการ คือ โครงการมอบอุปกรณ์การศึกษาประจำปี และโครงการ Adopt-A-School ร่วมกับหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ในส่วนของโครงการแรก เหมราชฯ บริจาคอุปกรณ์การศึกษาแก่เด็กนักเรียน 12,000 คน ใน 40 โรงเรียนในเขตอีสเทิร์นซีบอร์ดทุกปี ในขณะที่โครงการ Adopt-A-School ช่วยปรับปรุงซ่อมแซมอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่โรงเรียนอย่างน้อย 10 โรงเรียนในแต่ละปี
นอกจากนี้ เหมราชฯ ยังมอบทุนการศึกษาตลอดหลักสูตรการศึกษา แก่เด็กนักเรียนมัธยมในอีสเทิร์นซีบอร์ด ปัจจุบันมีนักเรียนที่ได้รับทุนเพื่อศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย หรืออาชีวศึกษาแล้วรวม 12 ทุน ในส่วนของโครงการเพื่อสังคมอื่นๆ ประกอบด้วย การจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการตรวจสุขภาพฟรี การบริจาคที่ดินให้แก่หน่วยงานท้องถิ่นและโรงเรียน และการว่าจ้างแรงงานในพื้นที่
ในโอกาสฉลองครบรอบ 20 ปี ในปีนี้ เหมราชฯ ได้ให้ทุนแก่นักเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเพิ่มอีก 5 ทุน รวมมูลค่า 2 ล้านบาท และเมื่อต้นปีนี้ เหมราชฯ ยังลงนามในสัญญาสนับสนุนทีมฟุตบอลชลบุรีเอฟซี เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อส่งเสริมพัฒนาเยาวชนผ่านการเล่นกีฬา
“แนวโน้มธุรกิจในอีก 2 ทศวรรษหน้า ยังคงน่าตื่นเต้นไม่แพ้ที่ผ่านมา สำหรับผมชีวิตสวยงามเสมอ และโชคดีที่ผมก็ยังคงความหนุ่มแน่นพอสำหรับรับมือกับความท้าทายที่จะมาถึง” คุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการและผู้ก่อตั้งกล่าวสรุปในตอนท้าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์ จำกัด
คุณไพลิน บูรณะมิตรานนท์ / คุณศศินี เอาเจริญภักดิ์
โทร. 0-2642-9620 (12 สาย) โทรสาร 0-2642-9622