กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--บลจ.แอสเซท พลัส
บลจ.แอสเซท พลัส แนะผู้ลงทุนกลัวต่างประเทศ ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนพันธบัตรรัฐบาล ในประเทศ โดยแนะนำ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ 2 (ASP2) กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ที่เปิดให้ซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และขายคืนได้ทุก 16 วัน และกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพันธบัตรปันผล (ASP-GBF) เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุประมาณ 1 ปี จ่ายเงินปันผลทุก 3 เดือน
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์ในอเมริกาและยุโรปที่ส่งผลให้สถาบันการเงินทั่วโลกประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้ตลาดขาดความเชื่อมั่น ยังเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตที่แท้จริงจากกำลังซื้อของโลกถดถอยตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ทั้งของสหรัฐฯ และญี่ป่น ต่างลดเป้าหมายการผลิต เช่น ฟอร์ด วอลโว่ และฮอนด้า ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างหนัก รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
“จากวิกฤติสถาบันการเงิน และความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ เกิดความกังวล และหันมาลดความเสี่ยงจากการลงทุน โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก แทน ซึ่งแอสเซทพลัสก็มีการให้ข้อมูลภาวะการลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ลูกค้าได้ทราบเป็นระยะ ๆ โดยในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ก็ได้มีการปรับแผนออกกองทุนประเภทพันธบัตร และตราสารหนี้เอกชน ที่ได้รับการจัดอันดับระดับ A- ขึ้นไป ซึ่งมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ต่ำมารองรับสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการพักเงินเพื่อรอดูความชัดเจนก่อนจะตัดสินใจลงทุนเช่นกัน“
ทั้งนี้ กองทุนตราสารหนี้ที่บริษัทแนะนำให้ลูกค้าพักเงินลงทุนพร้อม ๆ กับให้ผลตอบแทนในระดับที่จูงใจ ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ 2 (ASP2) เป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนไทย ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ Investment Grade ขึ้นไป โดยเปิดให้ซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และขายคืนได้ทุก 16 วัน จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และคาดหวังผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่สามารถวางแผนระยะเวลาการใช้เงินได้แน่นอน
“เนื่องจากตราสารที่กองทุนลงทุนเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น อายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี ผลตอบแทนของกองทุนจึงเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดขณะนั้นๆ การที่ผู้ลงทุนวางแผนการใช้เงินได้แน่นอน เช่น จะใช้เงินในช่วง 3 เดือนข้างหน้า จะทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลกระทบจากการตีราคาตามมูลค่าตลาด (Mark to market) จากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในตลาดน้อยมาก หากถือครองหน่วยลงทุนให้เท่ากับอายุเฉลี่ยของกองทุน
สำหรับ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพันธบัตรปันผล (ASP-GBF) เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล อายุประมาณ 1 ปี และมีการจ่ายเงินปันผลทุก 3 เดือน โดยปัจจุบันลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 90% ที่เหลือลงทุนในเงินฝาก โดยมีเป้าหมายที่การลงทุนที่ชัดเจนในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน แม้ว่าในช่วงระหว่างทางอาจมีความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในตลาดบ้าง ดังนั้น จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนถือหน่วยลงทุนได้เท่ากับอายุพันธบัตร 1 ปี และรับผลตอบแทนจากเงินปันผลทุก 3 เดือน โดยตั้แต่จัดตั้งกองทุน กองทุนได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว 11 ครั้ง เป็นเงิน 1.067 บาท ต่อหน่วย” นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง สิ้นสุด ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2551 ดังนี้
กองทุน ASP2 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน 4.68%, 6 เดือน 3.04%, 1 ปี 3.05% และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 3.67% (เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 5.18%)
กองทุน ASP-GBF มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน 3.56% ย้อนหลัง 6 เดือน 2.75%, 1 ปี 3.13% และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 4.08% (เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 6.46%)
โดยทั้ง 2 กองทุนใช้เกณฑ์มาตรฐานในการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานเหมือนกัน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยระหว่าง THAIBMA Government Bond Index และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี สำหรับวงเงิน 1 ล้านบาท เฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ สิ้นสุด ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2551 ย้อนหลัง 3 เดือน 16.40% , 6 เดือน 4.84% และ 1 ปี 4.89%
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ :
ส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ นิตยา เลิศแสงเพชร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3314 อีเมล์: nittaya_le@assetfund.co.th
มุกพิม จุลพงศธร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 อีเมล์: mookpim_ch@assetfund.co.th