กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--ก.ไอซีที
นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเริ่มต้น “โครงการบริหารจัดการและประสานงานการพัฒนาระบบ e-Logistic ของหน่วยงานภาครัฐ” ว่า กระทรวงฯ ได้ดำเนินโครงการบริหารจัดการและประสานงานการพัฒนาระบบ e-Logistic ของหน่วยงานภาครัฐขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ และจัดทำข้อเสนอแนะในการพัฒนาระบบ Single Window e-Logistic ทั้งนี้ เพื่อให้ระบบการบริหารจัดการและประสานงานการพัฒนาระบบ e-Logistic ของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
“เพื่อให้การดำเนินงานของโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงฯ จึงได้จัดการประชุมเริ่มต้นโครงการบริหารจัดการและประสานงานการพัฒนาระบบ e-Logistic ของหน่วยงานภาครัฐขึ้น เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ รวมทั้ง ผู้ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไปได้รับทราบและรู้จักโครงการฯ ตลอดจนเพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการกิจกรรมต่างๆ กับหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับการสนันสนุนงบประมาณจากกระทรวงฯ
ซึ่งการประชุมครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ได้มาร่วมกันผลักดันให้มีการพัฒนาระบบเชื่อมต่อของหน่วยงาน และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานภาครัฐ (Back Office) ที่เกี่ยวข้องกับเอกสารสัมพันธ์กับกระบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้า” นายธานีรัตน์ กล่าว
สำหรับโครงการเพื่อการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐเพื่อการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์นี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2550 ให้เป็นหน่วยงานหลักและประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ โดยสนับสนุนการพัฒนารายการข้อมูล มาตรฐาน (Data Harmonization) การพัฒนาระบบเชื่อมต่อของหน่วยงาน และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานภาครัฐ (Back Office) ที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าแก่ผู้นำเข้า-ส่งออก และโลจิสติกส์ ซึ่งกระทรวงฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ 2549 เพื่อสนับสนุนการพัฒนา Back-end-integration ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Single Window e-Logistic โดยการพัฒนาระบบเชื่อมโยงและระบบออกใบอนุญาตและใบรับรองเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้นำเข้าและส่งออก ซึ่งในขณะนี้กระทรวงฯ ได้สนับสนุนหน่วยงานภาครัฐเพื่อดำเนินการดังกล่าวแล้ว จำนวน 12 หน่วยงาน