กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--ธนาคารนครหลวงไทย
ธนาคารนครหลวงไทยตอกย้ำแผนขยายธุรกิจเอสเอ็มอีและธุรกิจต่างประเทศเร่งเพิ่มแขน-ขา เพื่อขยายการให้บริการทางการเงินแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียวของธนาคารและบริษัทในเครือให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยการเปิดศูนย์ธุรกิจ (Business Center) แห่งที่ 3 และศูนย์ธุรกิจต่างประเทศ แห่งที่ 8 ณ สาขากิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารเปิดศูนย์ธุรกิจ (Business Center) แห่งที่ 3 และศูนย์ธุรกิจต่างประเทศ (SCIB Trade Finance Center) แห่งที่ 8 ณ ที่ทำการสาขากิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อเป็นการขยายการให้บริการทางการเงินทั้งสินเชื่อและบริการเสริมอื่น ๆ ของธนาคารและบริษัทในเครือทั้ง 5 แห่ง ในลักษณะแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service) แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เนื่องจาก จ.สมุทรปราการเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางธุรกิจสูง (Trading Area) ทำให้มั่นใจว่าธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อในภาคธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นสุทธิร้อยละ 15 ต่อปี เพราะในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี และในเบื้องต้นคาดว่าสิ้นปีนี้ธนาคารจะมีฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีคงค้างเพิ่มขึ้นรวมประมาณ 1.3 แสนล้านบาท โดยธนาคารมีแผนที่จะเปิดศูนย์ธุรกิจในภูมิภาคทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ตามแผน 3 ปี ระหว่างปี 2551-2553 และจะเปิดศูนย์ธุรกิจอีก 2 แห่ง ในจ.ขอนแก่น และ จ.สุราษฎร์ธานีต่อไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากธนาคารมีฐานลูกค้าที่สามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมาแล้วระยะหนึ่ง
ขณะที่ปริมาณธุรกิจต่างประเทศคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 25 ต่อปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในช่วง 9 เดือนแรกมีปริมาณธุรกิจรวมแล้วกว่า 52,000 ล้านบาท สำหรับศูนย์ธุรกิจต่างประเทศสาขากิ่งแก้วคาดว่าจะรองรับธุรกรรมทั้งด้านการส่งออกและนำเข้าจากกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีในพื้นที่และบริเวณนิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี ตลอดจนลูกค้าเดิมที่ใช้บริการกับสำนักงานใหญ่ที่ต้องการย้ายมาใช้บริการที่ศูนย์ฯ ดังกล่าว เนื่องจากจะได้รับความสะดวกมากขึ้น เพราะศูนย์ฯ สามารถให้บริการได้ทันที โดยไม่ต้องส่งเรื่องหรือคำขอใช้บริการเข้ามาดำเนินการที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ศูนย์ฯ เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้บริการธุรกิจนำเข้าและส่งออกให้กับธนาคารอีกทางหนึ่งด้วย
“ธนาคารมองว่าธุรกิจเอสเอ็มอียังมีระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจได้ดีอยู่ ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันที่มีอยู่นี้ให้คงอยู่อย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยจะต้องมีการบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ทั้งในเรื่องความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) ความเสี่ยงทางด้านการตลาด (Market Risk) ความเสี่ยงทางด้านการจัดการ (Operation Risk) และความเสี่ยงทางด้านเครดิต (Credit Risk) เพื่อที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ทันทีเมื่อปัญหาเริ่มคลี่คลายลงซึ่งจะทำให้ได้เปรียบในเชิงธุรกิจ” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ปัจจุบันธนาคารมีสาขาทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 408 สาขา ศูนย์ธุรกิจ 3 แห่ง คือ ศูนย์ธุรกิจสาขาถนนสุรศักดิ์ 1 จ.ชลบุรี ศูนย์ธุรกิจสาขาถนนเศรษฐกิจ 1 จ.สมุทรสาคร และศูนย์ธุรกิจสาขากิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ ส่วนศูนย์ธุรกิจต่างประเทศมี 8 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ธุรกิจต่างประเทศธนิยะ ศูนย์ธุรกิจต่างประเทศสมุทรสาคร ศูนย์ธุรกิจต่างประเทศนิคมอุตสาหกรรมบางปู ศูนย์ธุรกิจต่างประเทศหาดใหญ่ ศูนย์ธุรกิจต่างประเทศนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ศูนย์ธุรกิจต่างประเทศสาขาถนนสุรศักดิ์ 1 จ.ชลบุรี ศูนย์ธุรกิจสาขาถนนเศรษฐกิจ 1 จ.สมุทรสาคร และศูนย์ธุรกิจต่างประเทศกิ่งแก้ว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
นายชัยกฤษณ์ ศรีปักษา
ส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายนิเทศสัมพันธ์
ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน)
โทร. 02-208-5497 แฟกซ์. 02-651-7831