“ต้มยำกุ้ง” กระหึ่มฮอลลีวู้ด ทำเอา“ปรัชญา” ตั้งตัวไม่ติด หวัง TOP 10 สุดท้ายครองอันดับ 4 หนังทำเงิน ดีใจวันนี้หนังไทยไปไกลกว่าที่คิด

ข่าวทั่วไป Tuesday September 12, 2006 10:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ท่ามกลางกระแสความสำเร็จของ “ต้มยำกุ้ง” หรือ “THE PROTECTOR” ที่กำลังเกิดขึ้นสดๆร้อนๆกับการเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์เปิดตัวอย่างถล่มทลายขึ้นถึง อันดับที่ 4 ในตารางอันดับหนังทำเงินสูงสุดBOX-OFFICE ประจำสัปดาห์ที่ 8-10 กันยายนที่ผ่านมาของฮอลลีวู้ด แน่นอนว่าไม่เพียงสร้างความตื่นเต้นและดีใจให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อปีกลาย “องค์บาก” ได้สร้างปรากฏการณ์หนังไทยถล่มฮอลลีวู้ดไปแล้วครั้งหนึ่งด้วยการเป็นหนังไทยเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ติด TOP20 อันดับภาพยนตร์ทำเงินBOX-OFFICEของฮอลลีวู้ดมาแล้ว ในอันดับที่ 17 ด้วยรายได้เปิดตัวมากกว่า 1.3 ล้านดอลล่าร์ จากจำนวนโรงฉายมากกว่า 387 โรง แต่ครั้งนี้ “ต้มยำกุ้ง”ไปไกลกว่านั้น ไปไกลอย่างที่แม้แต่ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ผู้กำกับของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องเองก็ไม่คิดว่าจะไปได้ไกลถึงขนาดนี้มาก่อน
“คืนวันที่ 8 กันยายนเรา รู้ตัวเลขแค่วันที่ 8 วันเดียวปรากฏว่าเราได้อันดับที่ 3 แพ้อันดับที่ 2 แค่หลักหมื่นนิดเดียวเอง รู้สึกว่ามันไปไกลมาก ไกลกว่าที่เราจะตั้งตัวได้ติด ไม่คิดว่ามันจะไปได้ไกลขนาดนี้ ขนาดหนังอันดับ 1 ยังแรงอยู่เลยในสัปดาห์ที่หนังต้มยำกุ้งเข้า มีหนังเข้าใหม่ที่เป็นหนังในระดับท็อปฟอร์มเข้าฉายพร้อมกันแค่ 2 เรื่องคือของเรากับอันดับ 2 ใน 3 อันดับแรกหนังเรามีจำนวนโรงฉายน้อยที่สุดด้วยซ้ำ รู้สึกดีใจมาก”
แล้วก่อนหน้าที่หนัง “ต้มยำกุ้ง”จะเข้าฉายในอเมริกาทราบมาว่าทางเมืองนอกที่ซื้อไปมีการโปรโมทอย่างหนักมาก ดูเหมือนว่าบ.ที่ซื้อไปก็มีความมั่นใจมากว่าต้มยำกุ้งจะสร้างปรากฎการณ์
“ปกติหนังที่จะขึ้นอันดับหนังทำเงิน BOX-OFFICE ของอเมริกาในอันดับสูงๆได้ต้องมีจำนวนโรงฉายที่มีจำนวนค่อนข้างเยอะ อย่างน้อยต้อง 1,000 โรงขึ้นไป และหนังที่จะมีจำนวนโรงฉายขนาดนี้ได้ต้องเป็นหนังฟอร์มยักษ์จริงๆ แม้แต่หนังอเมริกันเองก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะได้จำนวนโรงฉายขนาดนี้อย่างปีก่อนที่องค์บากเข้าไปฉายในอเมริกาด้วยจำนวนโรงฉาย 387 โรง เข้าไปถึงอันดับ 17 เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ติด TOP20 ของอันดับ BOX-OFFICE
แต่ พอมาคราวนี้ “ต้มยำกุ้ง”ซึ่งบ.ไวน์สตีน ที่เป็นสตูดิโอที่เขาผลิตและสร้างหนังอมริกันฟอร์มยักษ์อยู่แล้ว ซื้อหนังเราไปฉาย เขาทุ่มทุนมากเขาเทโรงฉายเรื่องต้มยำกุ้งมากถึง 1,541 โรง เลยทีเดียว โดยมีเครดิตองค์บากที่ไปสร้างชื่อและประสบความสำเร็จทำเงินในอเมริกามาแล้วบวกกับการทุ่มเต็มที่ของบ.ไวน์สตีนเอง ที่ผมเห็นจากการที่ได้ไปสัมผัส จากการทำงานของเขา ไม่เพียงจำนวนโรงฉาย แต่เขายังมีการทุ่มโฆษณาอย่างหนักก่อนหนังจะเข้าฉายเป็นเดือน มีทั้งทางสื่อโทรทัศน์ที่เขาทุ่มเงินมหาศาลมาก หนังสือพิมพ์ ทางเวบไซต์อินเตอร์เนต ฯลฯ
ซึ่งการที่เขาตัดต่อใหม่ทั้งเรื่อง ให้เข้ากับรสนิยมของคนอเมริกัน เป็นหลักการเดียวกันกับที่ นิวไลน์เคยทำกับหนังของเฉินหลงเรื่อง rumble in the Bronx หรือ ใหญ่ฟัดโลกเมื่อสมัยที่เอาเข้าไปฉายในอเมริกา เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าความต้องการว่าคนดูอเมริกันต้องการอะไร นั่นคือเขาเน้นตัดเอาความมันส์อย่างเดียว จากการที่ผมเองได้ไปทัวร์องค์บากทั่วโลกทุกทวีป โดยเฉพาะยุโรปและ อเมริกา ทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราทำในต้มยำกุ้งมันมาถูกทางแล้ว เพราะคนอเมริกันเขาเสพความมันส์อย่างเดียว ทำให้เราค่อนข้างคาดหวังว่า การเปิดตัวของต้มยำกุ้งในครั้งนี้น่าจะไปได้ไกลกว่าที่องค์บากทำได้ ด้วยจำนวนโรงด้วยองค์ประกอลบเหล่านี้เราเชื่อว่าหนังจะเปิดได้ในอันดับ TOP 10 ของฮอลลีวู้ด แต่กลายเป็นว่ามันไปถึง TOP 5 รู้สึกดีใจมากๆ รู้สึกว่าวันนี้หนังไทยมันไปได้แล้วนะ อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่หนังแอ็คชั่น เท่านั้น หนังไทยเรื่องไหนๆก็ได้ มันมีโอกาสมีสิทธิ์ไปได้ไกลได้นะ ผมเชื่อว่าเมื่อเขาได้ชิมรสชาติเราแล้ว ก็มีโอกาสที่เขาจะกล้าชิมเมนูต่อไปได้มาจนถึงตอนนี้แล้วในฐานะผู้กำกับ คาดหวังว่า สุดท้าย “ต้มยำกุ้ง”จะไปได้ไกลขนาดไหน
“จริงๆ แล้วในตลาดอเมริกาเวลาเขาดูกันเขาจะดูแค่รายได้วันเปิดตัวกับรายได้รวม รายได้เปิดตัวมันฟ้อง มันบอกอะไรบางอย่างกับเราเยอะพอสมควรแล้ว กับการที่วันนี้หนังไทยของเราสามารถไปได้ขนาดนี้แล้ว มันเกิดกว่าที่เราคิดแล้ว อนาคตไม่น่ายาก มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ดีใจครับที่วันนี้หนังของเราไปได้ไกลขนาดนี้แล้ว”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ