กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--คิธแอนด์คินฯ
ยูนิเฟม เผยประชาชนคนไทย เห็นปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง ลงชื่อร่วมยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ผ่าน www.novaw.or.th หวัง 1 เสียงรวมกันเป็นพลังเสียงที่ยิ่งใหญ่ เร่งประชาคมโลกหันมาใส่ใจปัญหา ระบุยอดพุ่งเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมนำรายชื่อทั้งหมด ทูลเกล้าถวายพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา องค์ทูตสันถวไมตรี ยูนิเฟม ประเทศไทยภายในวันที่ 22 พ.ย.นี้
ดร.จีน เดอคูน่า ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ กองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเฟม) เปิดเผยว่า ยูนิเฟมได้รณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อสนับสนุนยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ในโครงการ “UNIFEM Say NO to Violence against Women” โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนโครงการผ่านเว็บไซต์ www.novaw.or.th ซึ่งเป็นหน้าเว็บสำหรับจัดเก็บรายชื่อในส่วนของประเทศไทย มากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 อยู่ที่ 163,409 คน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ร่วมโครงการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง โดยประเทศอินโดนีเซียมีจำนวนผู้ลงชื่อ 817 คน, ฟิลิปินส์ 3,929 คนและเวียดนาม 3,069 คน (ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.novaw.or.th เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2551)
“รู้สึกดีใจที่คนไทยให้ความสำคัญกับปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผู้ที่เข้าลงชื่อในเว็บไซต์เพื่อเป็นหนึ่งเสียงที่ร่วมยุติความรุนแรงจำนวนมาก และมีจำนวนผู้ลงชื่อมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นว่าคนไทยมีพลังเสียงที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องการเรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อสตรี ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้หญิงอย่างรุนแรง และเป็นอุปสรรคในการพัฒนามนุษย์ จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยร่วมลงชื่อได้ที่ www.novaw.or.th” ดร.จีน กล่าว
อย่างไรก็ดียูนิเฟม ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมเป็นภาคีในการจัดกิจกรรมรณรงค์ร่วมลงชื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง อาทิเช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ซึ่งขณะนี้ได้ทำการเก็บและรวบรวมรายชื่อผู้ให้การสนับสนุนโครงการกับทางยูนิเฟมอย่างต่อเนื่องในโปสต์การ์ดยูนิเฟม และสมุดร่วมลงนาม นอกจากนี้ยูนิเฟมได้เดินสายโรดโชว์กิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงตามมหาวิทยาลัยต่างๆอีกด้วย
ดร.จีนกล่าวเพิ่มว่า ยูนิเฟมมีเป้าหมายรวบรวมรายชื่อให้ได้อย่างน้อย 500,000 รายชื่อ เพื่อทูลเกล้าถวายรายชื่อทั้งหมดแด่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา องค์ทูตสันถวไมตรี ยูนิเฟม ประเทศไทยในวันที่ 22 พฤศจิกายน และจะทำการส่งมอบรายชื่อให้กับนายบัน-คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นวันสากลแห่งการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้การสนับสนุน ตระหนักถึงปัญหาสิทธิสตรีมากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างแรงกระตุ้นต่อประเทศอื่นๆ หันมาให้ความสนใจต่อสิทธิสตรีและยุติการใช้ความรุนแรง
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจเชิงลึกโดยองค์การสำนักงานประชาชาติ พบว่า ในชั่วชีวิตหนึ่งของผู้หญิงและเด็กหญิงทั่วโลก 1 ใน 3 ของพวกเธออาจเคยโดนทุบตี ล่อลวงหรือโดนล่วงละเมิด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ยิ่งไปกว่านี้ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่กล้าเอาเรื่องกับผู้กระทำความรุนแรงเนื่องจากหวาดกลัวการถูกซ้ำเติมหรือถูกสังคมตราหน้า
นอกจากนี้ ในส่วนของประเทศไทย ข้อมูลสถิติในปี 2549 จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชายและสตรีที่ประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัวมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากจำนวนผู้ได้รับบริการจากศูนย์พึ่งได้ (OSCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือแก่เด็กและสตรีที่ถูกกระทำรุนแรง มีจำนวนสูงขึ้นกว่าเท่าตัว จากปี 2547 ที่มีผู้ถูกกระทำรุนแรงเฉลี่ยวันละ 19 ราย เพิ่มเป็นเฉลี่ยวันละ 39 รายในปี 2549
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : ประชาสัมพันธ์
บ.คิธแอนด์คินฯจก.
อรวรรณ เถลิงเกียรติกำจร 02 663 3226 ต่อ 67
นครีย์ ชาญสุนทร 02 663 3226 ต่อ 71