กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันไม่ด้อยสิทธิจำนวนไม่เกิน 1.0 หมื่นล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2556 และ 2558 ของบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH ที่ระดับ ‘A+(tha)’ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวแก่หุ้นกู้อีกชุดหนึ่งของ PTTCH จำนวน 500 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2556 ที่ออกระดมทุนกับกลุ่มผู้ลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงที่ระดับ ‘A+(tha)’ เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจหลักของบริษัท
อันดับเครดิตของ PTTCH สะท้อนถึงความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจและการดำเนินงานระหว่างบริษัทกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในระดับที่สูง เนื่องจาก PTTCH เป็นผู้ดำเนินการหลักสำหรับกลุ่ม ปตท. ในธุรกิจปิโตรเคมีที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบ (ปัจจุบัน ฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ ปตท. ที่ระดับ AAA(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) นอกจากนี้ PTTCH ยังมีสัญญาการจัดซื้อวัตถุดิบในระยะยาวโดยมีโครงสร้างของราคาแบบ Profit Sharing กับ ปตท. และยังมีการขายในลักษณะ Off-take Agreement กับ ปตท. อีกด้วย อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ PTTCH มีขนาดของกิจการที่ใหญ่และการเข้าไปลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต่อเนื่องเพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นการช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้รวมและช่วยลดความผันผวนของรายได้ในระยะยาวอีกด้วย อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการที่ PTTCH มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องทางการเงินที่ดี อันเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินโดยเฉพาะในช่วงที่มีการขยายการลงทุนที่สูงในปัจจุบัน ถึงอย่างไรก็ตาม บริษัทมีปัจจัยความเสี่ยงทางด้านความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ตามวัฏจักรอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงที่มีการคาดการณ์ว่าวัฏจักรอุตสาหกรรมจะอยู่ในช่วงขาลงและการที่ PTTCH ขายผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ในตลาดในประเทศ ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงในด้านการพึ่งพาตลาดเพียงตลาดเดียวค่อนข้างสูง นอกจากนี้ PTTCH ยังมีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานก่อสร้าง (Execution Risk) ของโครงการลงทุนใหม่
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 PTTCH แสดงผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมากโดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยเป็นผลจากความได้เปรียบเชิงต้นทุนวัตถุดิบในช่วงที่ราคาของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีสูงขึ้นอย่างมากอันเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้น PTTCH มีอัตราส่วน EBITDA ต่อยอดขายดีขึ้น โดยเพิ่มเป็น 34% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 จากระดับ 29% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ซึ่งเป็นผลมาจากส่วนต่างของราคาขายและวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งขึ้น แนวโน้มผลประกอบการของ PTTCH น่าจะอ่อนตัวลงในครึ่งหลังปี 2551 จากราคาวัตถุดิบก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นโดยเป็นผลจากการปรับสูตร Net-back Pricing ในไตรมาสที่ 3 รวมถึงกำหนดการหยุดการผลิตเพื่อเชื่อมต่อกำลังการผลิตใหม่ในไตรมาสที่ 4 และการคาดหมายว่าราคาและอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะอ่อนตัวลงอันเป็นผลจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก
PTTCH มีแผนการลงทุนในระดับสูงที่ 6.98 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2551-2555 ซึ่งประกอบด้วยการลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต้นซึ่งได้แก่โครงการโรงโอเลฟินส์แห่งใหม่ที่ใช้ก็าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลักและโครงการขยายกำลังการผลิตของโรงโอเลฟินส์เดิม ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย (Downstream) ทั้งในส่วนของโพลิเมอร์ (Polymers) และผลิตภัณฑ์เคมีเฉพาะด้าน (Specialty Chemicals) แผนการลงทุนดังกล่าวยังรวมถึงการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 50% ในบริษัท Cognis Oleochemicals (M) Sdn Bhd ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของโลกในสายปิโตรเคมีประเภท Oleochemicals โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 5.2พันล้านบาท หรือ 104ล้านเหรียญยูโร PTTCH คาดว่าระดับหนี้สินสุทธิของบริษัทน่าจะสูงขึ้นอย่างมากจากระดับหนึ่งหมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสสองปี 2551 อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าน่าจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย (Adjusted Net Debt to EBITDA) ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.0 เท่าได้ในช่วงปี 2551-2553 ในขณะเดียวกัน บริษัทมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทมีเงินสดในมือถึง 1.5 หมื่นล้านบาทและยังมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้ในระดับที่สูง ซึ่งประกอบด้วยวงเงินสนับสนุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจากสถาบันการเงินจำนวน 2.6 พันล้านบาท เงินทุนหมุนเวียนที่สามารถเบิกจ่ายได้จำนวน 135 ล้านเหรียญสหรัฐ และวงเงินสนับสนุนเพื่อสินเชื่อการค้าจาก ปตท. อีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทได้ในระยะปานกลาง
ติดต่อ: เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, วสันต์ ผลเจริญ, Vincent Milton + 662 655 4755
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
Tassanee Mongkolrat
Executive Secretary
Administration
Tel: 662 655 4755
Fax: 662 655 4939
www.fitchratings.com