กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานภาวะฝนที่ตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำสูงขึ้นและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบางพื้นที่ของ ๓ จังหวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ จังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ขณะที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำป่าสักมีปริมาณน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร ซึ่งเป็นที่ลุ่มริมแม่น้ำบางพื้นที่ใน ๙ อำเภอของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานให้จังหวัดในพื้นที่ลุ่มภาคกลางแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนทับเสลา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ให้เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง รวมทั้งเตรียมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย หากเกิดสถานการณ์ภัยขึ้นในพื้นที่
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งในบางพื้นที่ของอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง และบางอำเภอในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำป่าสัก มีปริมาณน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร ซึ่งเป็นที่ลุ่มริมแม่น้ำบางพื้นที่ใน ๙ อำเภอของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ อำเภอผักไห่ บางบาล เสนา บางไทร มหาราช นครหลวง พระนครศรีอยุธยา บ้านแพรก และบางปะอิน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ได้ประสานให้จังหวัดในพื้นที่ลุ่มภาคกลางแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนทับเสลา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ให้ติดตามรับฟังพยากรณ์อากาศ และข้อมูลสถานการณ์การขึ้น-ลงของน้ำ ปริมาณการไหลของน้ำในแม่น้ำ ปริมาณการระบายน้ำออกจากเขื่อนอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศแจ้งเตือนให้ขนย้ายสิ่งของไปยังที่ปลอดภัยและเตรียมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยหากเกิดสถานการณ์ภัยขึ้นในพื้นที่
สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ นำเครื่องจักรกล รถยนต์ เรือท้องแบนออกให้บริการขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของ และอพยพประชาชนออกจากพื้นที่น้ำท่วม พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ประสบภัย
รวมทั้งได้นำถุงยังชีพเครื่องอุปโภคและบริโภค ไปมอบให้กับผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งออกสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย นอกจากนี้ เพื่อเตรียมความการรับมือสถานการณ์อุทกภัย จากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๒ สุพรรณบุรี เขต ๔ ประจวบครีขันธ์ เขต ๑๑สุราษฎร์ธานี เขต ๑๒ สงขลา เขต ๑๗ จันทบุรี เขต ๑๘ ภูเก็ต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เตรียมการป้องกันปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินโคลนถล่ม ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด ๒๔ ชั่วโมง รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดเหตุภัยพิบัติ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนสาธารณภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
เบอร์โทรศัพท์ : 022432200