กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--แมกเนคอมพ์ พรีชิชั่น เทคโนโลยี
MPTระบุยอดขายไตรมาส 2 ชะลอตัวตามฤดูกาลของอุตสาหกรรม ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ (HDD) มั่นใจผลประกอบการครึ่งปีหลังกลับสู่ภาวะปกติรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดสินค้า HDD และการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อจากคู่ค้ารายใหญ่
แมกเนคอมพ์ พรีชิชั่น เทคโนโลยี เผยคำสั่งซื้อของลูกค้าหลักต่ำกว่าที่คาดไว้ เป็นผลจากการชะลอคำสั่งซื้อเนื่องจากการเข้าซื้อกิจการ Maxtor โดย Seagate ส่งผลให้เกิดการระบาย Stock เก่า อย่างไรก็ตามคาดว่าการระบาย Stock เก่าของลูกค้าจะจบลงภายในสิ้นปีนี้ ประกอบกับบริษัทฯ เองมีการตั้งสำรองสินค้าล้าสมัย ตั้งสำรองสินทรัพย์บางรายการและมีค่าใช้จ่ายจากการปิดโรงงาน 1 แห่งในจีน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ฉุดผลประกอบการไตรมาส 2/2549 ลดลงต่ำกว่าเป้า อย่างไรก็ตาม ย้ำเป็นเหตุชั่วคราว เชื่อแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังยังคงสดใสตามฤดูกาลรับกับการขยายตัวของความต้องการสินค้า และการกลับมาของคำสั่งซื้อระยะยาวจากลูกค้าหลัก คือ Seagate หลังเสร็จสิ้นการซื้อกิจการ Maxtor
นายอัลเบิร์ท ออง คิม กวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ บริษัท แมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2549 ว่า ยอดขายอยู่ที่ 2,138.7 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 2,294.3 ล้านบาท ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 7% ลดลงจาก 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากคำสั่งซื้อที่ลดลงของลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทฯ อัตราการผลิตของบริษัทลดลงเหลือ 65% จากเดิม 85% ในไตรมาส1/2549 เนื่องจากยอดคำส่งซื้อที่คาดไว้ว่าจะเข้ามานั้นเลื่อนออกไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนั้น ในไตรมาส 2/2549 บริษัทฯ ต้องตั้งสำรองสินค้าคงเหลือสำหรับสินค้าบางรุ่นที่หมดความนิยมในตลาดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และต้องตั้งสำรองเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่หมดความนิยมดังกล่าว อีกทั้ง ยังมีค่าใช้จ่ายจากการปรับลดแรงงานและปิดโรงงาน 1 แห่งในประเทศจีนสืบเนื่องจากการเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานในไทยตามความประสงค์ของลูกค้ารายใหญ่ที่มีฐานการผลิตในไทย ซึ่งค่าใช้จ่าย 2 รายการหลังนี้มีมูลค่ารวมถึง 615.1 ล้านบาท แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และบริษัทฯ ได้ทำการตัดจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวทั้งหมดนี้ในไตรมาส 2/2549 ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 2/2549 ขาดทุนสุทธิ 822.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.39 บาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 79.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.04 บาท ในไตรมาส 2/2548 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ตัดจ่ายครั้งเดียว 615.1 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ขาดทุนจากการดำเนินงาน 206.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.10 บาท
ทั้งนี้ หากสรุปผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2549 พบว่า มียอดขาย 4,686.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จาก 4,187.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขาดทุนสุทธิ 680.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.33 บาท แต่หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ตัดจ่ายครั้งเดียวในไตรมาส 2 จำนวน 615.1 ล้านบาท ผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2549 บริษัทฯ มีขาดทุนจากการดำเนินงานเท่ากับ 62.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.03 บาท
อย่างไรก็ตาม แม้ผลประกอบไตรมาส 2/2549 นี้ จะลดลงจากไตรมาส 1/2549 ที่มีกำไรสุทธิ 141.76 ล้านบาท แต่ต้องการให้นักลงทุนเข้าใจว่าการชะลอตัวของผลประกอบการดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าตัดจ่ายเพิ่มเติมมูลค่า 615.5 ล้านบาทตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ประกอบกับไตรมาส 2 เป็นช่วงโลว์ซีชั่นและเป็นไตรมาสที่ยอดขายอ่อนตัวมากที่สุด ซึ่งเป็นปกติของอุตสาหกรรม HDD การชะลอตัวของยอดขายดังกล่าว มิได้เกิดจากการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด หรือการลดลงของขีดความสามารถการแข่งขันของบริษัทฯ หรือเกิดการชะลอของความต้องการใช้ HDD ในตลาดโลกแต่อย่างใด ทั้งนี้ตามที่ผ่านมาในอดีตยอดขายครึ่งปีหลังมักจะดีกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้ HDD รุ่นใหม่ๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดสินค้า HDD เช่น HDD ความจุ 160 GB ขนาด 3.5 นิ้ว และ HDD ขนาด 2.5 นิ้ว รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนประกอบในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและสินค้าอิเลคโทรนิกส์ต่างๆ อาทิเช่น Digital Video recorder (DVR), Personal Digital recorder (PDR), เกมส์คอมพิวเตอร์, Set Top Box และอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก บริษัท ฯ คาดการณ์ว่าปริมาณคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่จะเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต โดยคาดการณ์ปริมาณการผลิตและส่งมอบสินค้าในไตรมาส 3/2549 และไตรมาส 4/2549 ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 80 - 90 ล้านชิ้น และ 90 - 100 ล้านชิ้น ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 74.3 ล้านชิ้น ใน ไตรมาส 2/2549 จากแนวโน้มปัจจัยบวกหลายด้านในครึ่งปีหลังของปี 2549 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าว่า ผลการดำเนินงานจะถึงจุดคุ้มทุนได้อีกครั้งในไตรมาส 4/2549 และจะสามารถทำกำไรได้ในปี 2550
“เป็นปกติสำหรับธุรกิจ HDD ซึ่งผลการดำเนินงานมักจะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอย่างชัดเจนตามปริมาณคำสั่งซื้อในแต่ละช่วงเวลา ทำให้การประเมินผลการดำเนินงานของธุรกิจประเภทนี้ต้องดูจากค่าเฉลี่ยในระยะยาว ดังนั้น เราจึงไม่ควรกังวลกับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของผลประกอบการในแต่ละไตรมาสมากนัก สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2549 นี้ เป็นภาวการณ์ชั่วคราวที่เป็นผลจากการควบรวมกิจการของลูกค้ารายใหญ่ ประกอบกับกระแสความนิยมสินค้า HDD ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงถือว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม นอกจากเหตุการณ์เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกในระยะสั้นแล้ว ก็อาจกลายเป็นปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทในระยะยาว อาทิเช่น การปิดโรงงานในจีนที่จะทำให้ ประสิทธิภาพในการผลิตของบริษัทดีขึ้น บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่า จุดต่ำสุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว และขอให้ผู้ลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพการแข่งขันในอนาคตของบริษัทฯ ที่เกิดจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน ทั้งในด้านของการบริหารจัดการ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง การเน้นหนักเรื่องวิจัยและพัฒนา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา” นายสตีเฟ่น เกรน แคมเบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
บริษัท JayDee Partners จำกัด
โทร (02) 661-8803-5 โทรสาร (02) 661-8813
E-mail : sirirat@jaydeepartners.com