ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร “บล. เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์” เป็น “BBB-” จาก “A” และกำหนด “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “ลบ”

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 10, 2008 09:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด เป็นระดับ “BBB-” จากเดิมที่ระดับ “A” ในขณะเดียวกันได้กำหนด “เครดิตพินิจ” (CreditAlert) แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ให้แก่อันดับเครดิตดังกล่าว โดย “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “ลบ” เป็นผลมาจากการที่ฐานเงินทุนและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทถดถอยลงอย่างมาก ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งกล่าวว่า หากบริษัทไม่สามารถบรรลุแผนการเพิ่มทุนที่ชัดเจนโดยเร่งด่วนได้ก็อาจมีการปรับลดอันดับเครดิตอีกหลายระดับ ในระหว่างนี้ ทริสเรทติ้งจะติดตามสถานะผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิดรายวัน ซึ่งหากฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากสภาวะของตลาดเงินและตลาดทุนที่ไม่เอื้ออำนวยต่อไปอีกก็จะมีการปรับลดอันดับเครดิตลง ทริสเรทติ้งรายงานว่า การปรับลดอันดับเครดิตและการกำหนดเครดิตพินิจในครั้งนี้สะท้อนถึงฐานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ที่ถดถอยลงอันเนื่องมาจากการที่บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ รวมทั้งจากการขาดทุนที่เกิดขึ้นแล้วและที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ ทั้งนี้ คาดว่าภาวะตกต่ำของตลาดหลักทรัพย์ในเดือนตุลาคม 2551 จะมีผลกระทบที่รุนแรงต่อฐานะทางการเงินและเงินทุนของบริษัทในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 เนื่องจากบริษัทมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์และเงินให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในระดับสูง นอกจากนี้ อันดับเครดิตที่ลดลงและเครดิตพินิจ “ลบ” ยังสะท้อนถึงการถดถอยลงของสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทด้วย บริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์เป็นผู้ประกอบการรายเดียวในประเทศที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ การให้สินเชื่อโดยจำนำหลักทรัพย์ และการขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาว่าจะซื้อคืน บริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 จำนวน 21,825 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ 36% เงินลงทุนในตราสารหนี้ 34% เงินทุนในหน่วยลงทุน 25% และสินทรัพย์อื่น 5% จำนวนเงินลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งสิ้น (ผ่านหน่วยลงทุน) คิดเป็น 48% ของเงินลงทุนทั้งหมด หรือคิดเป็น 1.6 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 ในขณะที่เงินกู้ยืมทั้งหมดของบริษัทอยู่ในรูปของเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินและตั๋วแลกเงินระยะสั้น ผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Subprime) ในประเทศสหรัฐอเมริกาและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยส่งผลทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกลงอย่างมากในเดือนตุลาคม 2551 โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกลง 210.26 จุด หรือ -35% จากระดับปิดที่ 596.54 จุดในวันที่ 2 ตุลาคม 2551 เป็น 387.43 จุดในวันที่ 27 ตุลาคม 2551 (ระดับปิดต่ำสุดของเดือน) การตกลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทำให้ราคาหลักประกันสำหรับสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลงอย่างรุนแรงจนถึงระดับราคาบังคับขายหลักทรัพย์ และเป็นผลให้บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในหน่วยลงทุนทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลงอย่างมากจากรายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นของเงินลงทุนในหน่วยลงทุน ณ เดือนมิถุนายน 2551 บริษัทบันทึกขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการลงทุนในหลักทรัพย์จำนวน 525 ล้านบาทซึ่งส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลงมาอยู่ในระดับ 1,568 ล้านบาท จาก 2,129 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2550 ในขณะเดียวกัน สัดส่วนสินเชื่อจัดชั้นสงสัยจะสูญต่อสินเชื่อรวมก็เพิ่มขึ้นจาก 2.52% เมื่อปลายปี 2550 มาอยู่ในระดับ 3.1% ณ ปลายเดือนมิถุนายน 2551 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 บริษัทตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์จำนวน 71 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 11% ของรายได้รวมของบริษัท รายได้สุทธิของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 มีจำนวน 143 ล้านบาท โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมถัวเฉลี่ยและต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยที่ยังไม่ปรับเต็มปีอยู่ในระดับ 0.67% และ 7.76% ตามลำดับ เทียบกับระดับ 1.89% และ 18.41% สำหรับปี 2550 เมื่อประมาณการผลการดำเนินงานสำหรับครึ่งหลังของปี 2551 ของบริษัทโดยรวมผลกระทบจากดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลงอย่างมากในช่วงเดือนตุลาคม 2551 แล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทมีแนวโน้มที่จะมีผลกำไรขาดทุนจากการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์และการขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการขายหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวนหนึ่ง นอกเหนือจากผลกระทบจากการรับรู้ผลขาดทุนในงบกำไรขาดทุนแล้ว ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทยังจะลดลงจนอยู่ในระดับที่ต่ำมากหรืออาจมีโอกาสติดลบจากผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการลงทุนในหน่วยลงทุนในจำนวนที่มีนัยสำคัญ ทริสเรทติ้งกล่าว บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) อันดับเครดิตองค์กร: ลดลงเป็น BBB- จาก A แนวโน้มเครดิตพินิจ: Negative หรือ ลบ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ