กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
ในไตรมาส 3/2551 บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) มีรายได้ 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เนื่องจากธุรกิจอาหารและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่มีกำไรสุทธิ 376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว มีการรับรู้กำไรจากการบรรลุข้อตกลงในการรับเป็นที่ปรึกษาการก่อสร้างและการขยายธุรกิจ timeshare 220 ล้านบาท จากความสำเร็จในการเข้าลงทุนในแบรนด์อาหารที่มีฐานการประกอบธุรกิจในประเทศสิงคโปร์และออสเตรเลียในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้รายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย MINT มีรายได้จากการขายบ้านพักตากอากาศในโครงการ ดิ เอสเตท สมุย จำนวน 317 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2551 MINT มีกำไรสุทธิ 1,477 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากงวดเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี MINT ยังคงเป้าหมายการเติบโตของกำไรในปีนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยก็ตาม
สำหรับไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป (MFG) ในไตรมาส 3/2551 มีรายได้ 2,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีอัตราการขยายตัวของยอดขายร้านสาขาเดิม (same store sales) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 และมีการร้านสาขาเพิ่มขึ้น 348 สาขา ทั้งนี้ การลงทุนในเดอะ คอฟฟี่ คลับและไทย เอ็กซ์เพรสมีสำคัญในการสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้แก่ MINT โดยปัจจุบัน เดอะ คอฟฟี่ คลับ มีร้านสาขากว่า 200 แห่ง และล่าสุดได้รับรางวัลผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชนส์ร้านอาหารยอดเยี่ยมประจำปี จาก The Franchise Council of Australia ในขณะที่ ไทย เอ็กซ์เพรส มีสาขาที่ลงทุนเองกว่า 40 สาขาในประเทศสิงคโปร์ โดยมีกำไรหลังหักภาษีแล้วกว่า 4.5 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ในปีครึ่งแรกของ 2551 นับได้ว่าธุรกิจอาหารมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในยามที่ธุรกิจโรงแรมของ MINT ต้องเผชิญกับภาวะการชะลอตัวลงของจำนวนนักท่องเที่ยว โดยธุรกิจอาหารประสบความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งจากการเปิดสาขาร้านอาหารครบ 1,000 สาขา ในไตรมาส 3 นี้
ด้านธุรกิจโรงแรมและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ MINT สามารถสร้างการเติบโตของผลประกอบการที่ดีในไตรมาส 3/2551 โดยมีรายได้จากธุรกิจทั้งสองรวมกันเท่ากับ 1,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่อจากมีรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 317 ล้านบาท ในเดือนตุลาคม MINT เปิดโรงแรมอนันตรา ภูเก็ต ซึ่งให้บริการห้องพักแบบพูลวิลล่าจำนวน 83 หลัง เป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในฐานะผู้นำในธุรกิจโรงแรมระดับห้าดาว และในไตรมาส 3 นี้ โรงแรมในเครือของ MINT ถึง 6 แห่งได้รับเกียรติในการจัดอันดับให้เป็นโรงแรมดีที่สุด 50 อันดับในภูมิภาคเอเชีย จากผลสำรวจของนิตยสาร Conde Nast Traveler และที่สำคัญหนึ่งในนั้นคือ โฟร์ซีซั่นส์ เต็นท์แคมป์ ที่จังหวัดเชียงราย ได้รับคัดเลือกเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียและอันดับ 1 ของโลก
ในไตรมาสนี้ วิกฤตการณ์สินเชื่อนับเป็นปัจจัยลบที่สร้างความกังวลให้แก่ธุรกิจทั่วไป โดยเฉพาะความกังวลในการหาแหล่งเงินทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการออกหุ้นกู้มูลค่า 1,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.3 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา และได้รับการจัดอันดับเรทติ้งที่ระดับ A จาก TRIS โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและคืนเงินกู้บางส่วน แม้ว่าในไตรมาสนี้มีการออกหุ้นกู้เพิ่มดังกล่าว แต่บริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ดังจะเห็นได้จากในไตรมาส 3/2551 มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน 0.69 เท่า ลดลงอย่างมีสาระสำคัญจากอัตรา 0.95 เท่า ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) มีโรงแรมในเครือกว่า 25 โรงแรม ภายใต้แบรนด์ อนันตรา แมริออท โฟร์ซีซั่นส์ และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในประเทศไทย มัลดีฟส์ เวียดนาม แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอินโดนีเซีย อีกทั้งบริษัทยังเป็นผู้นำในธุรกิจอาหาร โดยมีร้านอาหารในเครือกว่า 1ม000 สาขา ภายใต้แบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมปานี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ ควีน เบอร์เกอร์คิง ไทยเอกซ์เพรส และ เดอะ คอฟฟี่ คลับ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์
Press Contacts: Pratana Manomaiphiboon / Prapharat Tangkawattana at Tel: (662) 381-5151