กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในประเทศไทย รวมไปถึงสถานการณ์ความร้อนแรงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงไปของโลกที่มีความผันผวนและไม่แน่นอน ทำให้องค์กรส่วนใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนเริ่มเล็งเห็นความสำคัญของการปรับตัวและปรับเปลี่ยนแผนงานกันมากขึ้น กลุ่มบริษัทสามารถก็เช่นเดียวกัน ได้มีการปรับกลยุทธ์ รวมทั้งแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้สามารถดำเนินไปอย่างคล่องตัว เพื่อนำพาองค์กรให้แข็งแกร่งในภาวะการณ์เช่นนี้ โดยใช้กลยุทธ์ตามติดและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการคำนวณแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทาง และปรับเปลี่ยนนโยบายเชิงสร้างสรรค์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งพยายามรักษาฐานลูกค้า ด้วยการนำเสนอสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้ง Corporate และ Consumer อีกทั้งยังปรับปรุงและลดขั้นตอนการทำงานให้เกิดความคล่องตัวโดยการใช้เทคโนโลยีไอที เพื่อควบคุมและลดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ที่สำคัญต้องแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศด้วย แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ผลการดำเนินงานของกลุ่มสามารถที่ผ่านมากว่า 3 ไตรมาส ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ 7,887 ล้านบาท อีก 2 ไตรมาสที่เหลือ คาดว่าน่าจะทำได้ อีกประมาณ 7,000 ล้านบาท รวมแล้วน่าจะอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท หรือประมาณ 80 เปอร์เซนต์ของเป้าที่ตั้งไว้ เหตุที่ยังสามารถประคองรายได้ไม่ให้ตกต่ำไปตามสภาพตลาด เป็นเพราะกลุ่มบริษัทสามารถ มีการกระจายสัดส่วนการลงทุน ใน 3 สายธุรกิจหลัก คือ สายธุรกิจสื่อสารไอทีและโทรคมนาคมครบวงจร (ICT Solutions) สายธุรกิจการสื่อสารข้อมูลและอุปกรณ์สื่อสารไอที (Mobile-Multimedia) และสายธุรกิจเทคโนโลยีอื่นๆ (Related Businesses)
ซึ่งในปีนี้ แม้สายธุรกิจการสื่อสารข้อมูลและอุปกรณ์สื่อสารไอที (Mobile-Multimedia) จะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่สายธุรกิจสื่อสารไอทีและโทรคมนาคมครบวงจร (ICT Solutions) ก็กลับมีรายได้ที่ดีขึ้น โดยถึงขณะนี้ เซ็นสัญญาโครงการไปแล้วกว่า 4,400 ล้านบาท และมี Backlog อีกกว่า 6,000 ล้านบาทที่คาดว่าจะปิดได้ในสิ้นปี อีกทั้งยังมีรายได้ประจำจากการทำธุรกิจที่ประเทศกัมพูชา คือ CATS และ Kampot Power Plant เข้ามาช่วยเสริม จึงทำให้กลุ่มบริษัทสามารถยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่ดีและมีศักยภาพที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
นายวัฒน์ชัยกล่าวเสริมว่า “ช่วงนี้ถือเป็นเวลาที่จะได้พิสูจน์ความสามารถ ในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสอีกครั้ง สำคัญอยู่ที่ว่า ใครจะคิดได้ก่อนและมีศักยภาพพร้อมที่จะลงทุนได้มากกว่า ซึ่งผมมั่นใจว่ากลุ่มสามารถ จะสร้างโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้แน่นอน”
สำหรับปีหน้า (2552) คาดว่าสภาพเศรษฐกิจยังคงน่าเป็นห่วง กำลังซื้อหดตัว และจะเกิดการแข่งขันที่เข้มข้นอย่างแน่นอน ทั้งจากคู่แข่งภายในและภายนอก แม้ในภาวะการที่ติดลบ หากมองให้ทะลุและคิดในทางบวก ก็จะสามารถมองเห็นโอกาสได้ เช่น
- การออกมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้งบประมาณภาครัฐเพิ่มสูงขึ้น
- ภาคเอกชนลดการลงทุน มีแนวโน้มในการใช้บริการ Outsource มากขึ้น
- การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย มีแนวโน้มสูงขึ้น
- การนำเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่ เช่น 3 G มาใช้ จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ขึ้นมากมาย
นายวัฒน์ชัยกล่าวทิ้งท้ายถึงโอกาสการเติบโตทางธุรกิจของ “กลุ่มบริษัทสามารถ” ในปีหน้าไว้ว่า “จากโครงการที่คาดว่าจะปิดได้ทั้งหมดในปีนี้ จะส่งผลให้รายได้ของกลุ่ม Samart Telcom เติบโตขึ้นกว่าเท่าตัวแน่นอนในปีหน้า ส่วนกลุ่ม i-mobile เราได้เตรียมรับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง ด้วยการนำเสนอมือถือรุ่นใหม่ที่แตกต่างและให้ความคุ้มค่าสูงสุด รวมทั้งการให้บริการที่สร้างมั่นใจให้กับลูกค้า กล่าวได้ว่า มือถือi-mobile จะต้องครองความเป็นหนึ่งในตลาด House brand อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในปีหน้า การนำเทคโนโลยี 3 G เข้ามาใช้ จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนามือถือ และการเติบโตของตลาด Content อย่างมาก ซึ่งทั้ง บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) แ ละ บริษัท สามารถมัลติมีเดีย จำกัด ย่อมจะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะรายได้ประจำจากการให้บริการ Content ได้อย่างแน่นอน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม PR.Corp.
วรรษกร ปลื้มจิตต์ (ตุ๊ก) โทร. 085-918-1175
วทิรา ลุยากร (ใหม่) โทร.085-918-1172