กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
กำหนดฉาย 5 ธันวาคม 2551
แนวภาพยนตร์ แอ็คชั่น โชว์ศิลปะการต่อสู้
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
อำนวยการสร้างบริหาร สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร
กำกับภาพยนตร์ จา พนม ยีรัมย์, พันนา ฤทธิไกร
บทภาพยนตร์ เอก เอี่ยมชื่น
นักแสดงนำ จา พนม ยีรัมย์ , สรพงษ์ ชาตรี, นิรุตต์ ศิริจรรยา,
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง,เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา,ปัทมา ปานทอง,
พริมรตา เดชอุดม,ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ
องค์บาก 2
รอยบากแห่งความแค้นที่ฝังลึกถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจ
เมื่อทุกศาสตร์ยุทธ์แห่งศิลปะการต่อสู้ถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เรื่องย่อ
ดวงชะตากำหนดทุกสรรพสิ่ง ลิขิตชีวิตขึ้นสู่จุดสูงสุด และพร้อมดับทุกชีวิตดำดิ่งลงลึกถึงปลายเหวสู่จุดต่ำสุด บัดนี้มันได้กำหนดชีวิตของ “เทียน” เด็กหนุ่มที่หวังเติบใหญ่เป็นนักรบผู้แกร่งกล้าเฉกเช่นบิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) นายทหารผู้ซื่อสัตย์ซึ่งจงรักภักดีต่อเหนือหัวผู้ซึ่งยอมได้ แม้กระทั่งสละชีวิตตนเอง เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินจากเหล่าผู้ฉ้อฉล และคนทรยศ
แต่จากคำทำนายที่ว่าเมื่อใดที่เทียนซึ่งถือกำเนิดในฤกษ์พระกาฬเติบใหญ่ภายใต้วังวนแห่งคมดาบ และกลิ่นคาวเลือด เมื่อนั้นผู้คนจำนวนมากจักต้องล้มตายกันอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ออกญาสีหเดโชตัดสินใจส่งเทียนไปให้ ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เพื่อนสนิทซึ่งต่างเป็นลูกศิษย์ของพระครูปั้นมาด้วยกันช่วยบ่มเพาะสมาธิ เรียนรู้การฝึกจิตให้นิ่ง และศึกษาในด้านวิชาโขนนาฏศิลป์ เพื่อหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยจรรโลงจิตใจให้เกิดแต่สิ่งที่ดีงามขึ้น โดยมี พิม เด็กสาวที่ครูบัวเก็บมาเลี้ยงคอยให้ความช่วยเหลือ และมี ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กมก) ชายบ้าเสียสติ แต่หลงใหลในนาฏศิลป์ เป็นเพื่อนเล่น
แต่แล้วชีวิตเทียนต้องพบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เมื่อพระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ซึ่งวางแผนขึ้นครองความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ลงมือส่งเหล่านักฆ่ามือดีเพื่อลอบสังหารออกญาสีหเดโชทั้งครอบครัว และเหล่าทหารหาญให้สิ้นซากด้วยตนเอง โดยมีเทียนเพียงคนเดียวที่เล็ดรอดชีวิตมาได้ท่ามกลางความคลั่งแค้นที่อัดแน่นฝังลึกในจิตใจ
โชคชะตาพลิกผันอีกครั้งเมื่อเทียนได้พบกับ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) หัวหน้ากองโจรผาปีกครุฑผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งช่วยชีวิตจากเงื้อมมือของเหล่าพ่อค้าทาส และยักษ์ขมุจอมโหด เพราะเล็งเห็นถึงจิตวิญญาณความเป็นนักสู้ และสัญชาติญาณความเป็นนักฆ่าที่แฝงเร้นอยู่ในแววตา ซึ่งพร้อมจะสังหารผู้คนได้ทุกเมื่อ จึงตัดสินใจรับเป็นลูกบุญธรรม เข้าร่วมเป็นหนึ่งในกองโจร ให้การชุบเลี้ยงฝึกฝนเหล่าสรรพวิชาอาวุธในศิลปะการต่อสู้ทุกรูปแบบ จากเหล่าปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชา
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วย มือเปล่า หมัดมวย การใช้เวทย์มนต์คาถา ไปจนถึงการใช้สรรพวุธทุกชนิด ดาบ กระบี่ กระบอง3 ท่อน วิชากล การใช้ระเบิด ฯลฯ
เมื่อทุกศาสตร์ยุทธ์แห่งศิลปะการต่อสู้ถูกบ่มเพาะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว “เทียน” (จา พนม ยีรัมย์) เติบใหญ่พร้อมพิษสงความสามารถรอบตัวที่ยากจักหาใครทัดเทียม หนำซ้ำยังเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้งของกองโจรผาปีกครุฑ จนได้รับการยอมรับจากทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสามารถสยบช้างงาดำ ช้างศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าชุมโจรให้ความเคารพ และสักการะ ในขณะที่เชอนังเองตั้งใจมอบตำแหน่งหัวหน้ากองโจรให้เทียนรับหน้าที่ผู้สืบทอดต่อไป เพียงทว่า ณ เวลานี้มีเพียงภารกิจเดียวในชีวิตที่เทียนจักต้องกระทำ นั่นคือการขจัดความคลั่งแค้นที่มันสุมอกอยู่ในจิตใจตลอดมานั้นคือการมุ่งหน้าเพื่อสังหารเจ้าพระยาราชเสนาด้วยน้ำมือตนเองโดยมีเป้าหมายในคืนวันสถาปนาเทวเสาวนีย์ครุฑ ที่เจ้าพระยาราชเสนาจะขึ้นครองอำนาจในฐานะจอมราชันย์อย่างสมบูรณ์
ภายใต้เปลวเพลิงแห่งความอาฆาต เทียนผสมผสานทุกความสามารถในการต่อสู้ที่บ่มเพาะมาทั้งชีวิต แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความอำมหิต โหดเหี้ยม เกรี้ยวกราด ดุดัน เพื่อที่จะสังหารทุกผู้คนที่เกี่ยวข้องอย่างไม่กลัวเกรง โดยหารู้ว่าไม่ว่ายังมีเหล่านักฆ่าระดับยอดฝีมือของจอมราชันย์ ที่เขาจะต้องเผชิญหน้า และรับมือที่ล้วนแล้วแต่ยากในการต่อกรไม่ว่าจะเป็น“องค์รักษ์เกราะทอง” (ต๊อก ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) , “กลุ่มนักฆ่าลึกลับในชุดดำ” ไปจนถึง “ภูติสางกา” (เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง) ที่ถูกส่งมาเพื่อนำเทียนไปสัมผัสกับดินแดนแห่งความตายโดยเฉพาะ หรือนี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่มีต้นกำเนิดจากรอยบากแห่งความคลั่งแค้นที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และ จิตวิญญาณ มีเพียงพลังแห่งศรัทธาอันแรงกล้าเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตของเทียนอยู่รอดได้
ระเบิดตำนานการต่อสู้ที่คนทั้งโลกรอคอยกับ “องค์บาก2” 5 ธันวาคม นี้ทุกโรงภาพยนตร์
รายละเอียดและเกร็ดงานสร้าง
แก่นแท้ที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจหรือธีมสำคัญของภาพยนตร์ในเรื่อง “องค์บาก ทั้งภาค 1 และภาค 2” ก็คือการนำเสนอ และถ่ายทอดถึงภาพการต่อสู้ และเรื่องราวของวีรบุรุษที่ต้องฝันฝ่าอุปสรรคนานัปการ เพื่อค้นหาสัจธรรมและความหมายที่แท้จริงของ “ศรัทธาแห่งการดำรงอยู่ของมนุษย์” “ความดี ความเลว” และสิ่งที่ถูกเรียกขานว่า “จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้”
องค์บาก 2 คือ 1 ในอภิมหาโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ทุนสร้างมหาศาลประจำปีพุทธศักราช 2551ที่บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์อันดับ 1 ของเมืองไทยอย่าง “สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล” ทุ่มทุนสร้างอย่างสูงสุดเทียบเคียงได้กับภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ที่ได้รับการจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยอย่าง “สุริโยไท” และ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค1-2-3” จากผลงานการกำกับภาพยนตร์โดยมจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล หรือแม้แต่ “ปืนใหญ่จอมสลัด” ภาพยนตร์ฉลอง1ทศวรรษแห่งความสำเร็จตลอดชีวิตในการเป็นผู้กำกับที่สร้างปรากฎการณ์ให้เกิดขึ้นในอุตสหากรรมภาพยนตร์ไทยของผู้กำกับนนทรีย์ นิมิบุตร (นางนาก,2499อันธพาลครองเมือง,จันดารา) รวมไปถึงภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยระดับโลกอย่าง องค์บาก,ต้มยำกุ้ง และช็อคโกแลต ของผู้กำกับปรัชญา ปิ่นแก้ว
กล่าวได้ว่า “องค์บาก2” ไม่เพียงเป็นภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ระดับโลกที่ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุดเรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นที่คอหนังทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย หลังจากที่ชื่อของ “จา พนม ยีรัมย์ หรือโทนี่ จา” แจ้งเกิดในฐานะ “พระเอกแอ็คชั่นฮีโร่คนใหม่ของโลกภาพยนตร์ ภายใต้สโลแกน ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน” จาก “องค์บาก” ภาพยนตร์แอ็คชั่นคลาสสิคระดับมาสเตอร์พีซที่ทำให้ภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอม
รับเกิดเป็นกระแสครองความนิยมไปทั่วโลกถึงรูปแบบ เอกลักษณ์และวิถีใหม่ๆ อันนำไปสู่มาตรฐานใหม่ของภาพยนตร์แอ็คชั่นโลกซึ่งมิเพียงสร้างความแตกต่างไปจากภาพยนตร์แอ็คชั่นรูปแบบเดิมๆที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า แต่นำไปสู่เสียงตอบรับแห่งปรากฎการณ์ความสำเร็จที่เกิดขึ้นของตลาดภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นในระดับโลกจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องนับตั้งแต่ความสำเร็จจาก “องค์บาก” ตามด้วย “เกิดมาลุย” “ต้มยำกุ้ง” และ“ช็อคโกแลต” จึงไม่น่าแปลกใจที่ “องค์บาก 2” จะเป็นที่ฮือฮา ได้รับการตอบรับและถูกจับตามองตั้งแต่ตัวโปรเจ็คต์ยังไม่ได้เริ่มต้นเปิดกล้องถ่ายทำจากบรรดาบริษัทผู้ซื้อและจัดจำหน่ายภาพยนตร์จากทุกประเทศทั่วโลกสูงสุดอย่างเป็นประวัติการณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ “องค์บาก2” คือโปรเจ็คต์ภาพยนตร์แอ็คชั่นอย่างเต็มรูปแบบที่ “จา พนม” ใฝ่ฝันบ่มเพาะและคิดค้นมาทั้งชีวิต นับตั้งแต่ก่อนที่จะแจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง “องค์บาก” ด้วยซ้ำ ภายใต้แนวคิดและความตั้งใจ ร่วมกับปรมาจารย์ผู้กำกับคิวบู๊แอ็คชั่นที่สืบทอดกันมาอย่างพันนา ฤทธิไกร เพื่อให้เหล่าบรรดาแฟนๆ และคอหนังแอ็คชั่นจากทั่วโลกได้สัมผัสกับทุกรูปแบบแห่งศิลปะการต่อสู้ที่ล้วนแล้วแต่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของจา พนมที่หลายคนยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งผ่านการเรียนรู้ ฝึกฝน บ่มเพาะและสั่งสมประสบการณ์มาทั้งชีวิตโดยนำมาคิดค้นประยุกต์ และผสมผสานเข้ากับศิลปะการต่อสู้ในแนวทางต่างๆทั้งการต่อสู้ด้วยหมัด เท้า เข่า ศอก และส่วนต่างๆของร่างกาย ซึ่งไม่ได้มีเพียงศิลปะการต่อสู้ในรูปแบบแม่ไม้มวยไทยโบราณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้สรรพศาสตราวุธนานาชนิดในการต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว ชำนาญการ ปรากฎให้
เห็นเป็นครั้งแรกบนแผ่นฟิล์มไม่ว่าจะเป็น การต่อสู้ด้วยดาบ กระบี่ กระบอง ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮไลท์ที่เป็นรูปแบบการต่อสู้ในแนวทางใหม่ที่ถูกคิดค้น และผสมผสานขึ้น ภายใต้ลักษณะและรูปแบบการต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เต็มไปด้วยความอ่อนช้อย สวยงาม และดุดัน สำหรับ “องค์บาก 2” โดยเฉพาะ นั่นคือ “นาฎยุทธ์” รูปแบบการต่อสู้ที่ถูกคิดค้นและผสมผสานจากนาฏลีลาแห่งศิลปะชั้นสูงอย่างโขนมาผนวกรวมเข้ากับศิลปะการต่อสู้รูปแบบต่างๆ จนเกิดเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่เชื่อว่ายังไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
นอกเหนือจากดีไซน์การต่อสู้ในรูปแบบต่างๆแล้วยังกล่าวได้ว่าการออกแบบฉากแอ็คชั่นต่างๆในภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2 ที่เกิดจากความคิดค้นของตัวจา พนม และ พันนา ฤทธิไกร ทุกๆฉากล้วนแล้วเป็นความแปลกตาที่รับรองว่าจะสร้างความตื่นตะลึง และเป็นที่กล่าวถึงอย่างแน่นอน ด้วยวิธีการและวิช่วลทางด้านภาพที่น่าตื่นตาและเต็มไปด้วยความแปลกใหม่เพื่อเอาใจคอหนังแอ็คชั่นให้ได้ชมกันอย่างจุใจตลอดทั้งเรื่องสมกับที่ทุกคนรอคอย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้โดยนำช้างเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญ รวมไปถึงการต่อสู้บนหลังช้าง , การต่อสู้บนแพไม้กลางน้ำ ,การต่อสู้ท่ามกลางหมู่บ้านกลางหุบเขา ฯลฯ
และแน่นอนว่าในส่วนของบทภาพยนตร์ได้รับความพิถีพิถันและให้ความสำคัญมากที่สุด เพื่อให้องค์บาก2เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ได้รับการยอมรับทั้งในส่วนของงานแอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยม งานสร้างที่ยิ่งใหญ่ภายใต้บทภาพยนตร์ที่ดีที่สุด พร้อมกับระดมบรรดานักแสดงระดับคุณภาพที่ล้วนแล้วได้รับการยอมรับในฝีไม้ลายมือในระดับแถวหน้ามาร่วมถ่ายทอดมิติความเข้มข้นและให้ชีวิตกับตัวละครต่างๆโลดแล่นอย่างสมจริง อาทิ สรพงษ์ ชาตรี,นิรุตต์ ศิริจรรยา,ศรัณยู วงศ์กระจ่าง,สันติสุข พรหมศิริ,หม่ำ จ๊กม๊ก,ปัทมา ปานทอง ฯลฯ
ในด้านรายละเอียดงานสร้างของภาพยนตร์ได้ เอก เอี่ยมชื่น โปรดักชั่นดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบงานสร้างมือ1ของเมืองไทยที่มีผลงานสร้างระดับมาสเตอร์พีซมาแล้วอย่างมากมาย อาทิ ภาพยนตร์ทุกเรื่องของผู้กำกับนนทรีย์ นิมิบุตร (2499 อันธพาลครองเมือง ,นางนาก,จันดารา,โอเคเบตง,ปืนใหญ่จอมสลัด) ภาพยนตร์เรื่องเหมืองแร่ ฯลฯ มารับผิดชอบในการเนรมิตโปรดักชั่นงานสร้างที่อ้างอิงจากสถาปัตยกรรมของเขมรในอดีตที่เต็มไปด้วยดีไซน์ที่แปลกตาน่าตื่นตะลึง อย่างที่ไม่เคยปรากฎในหนังแอ็คชั่นเรื่องใดมาก่อน อาทิแหล่งชุมโจรผาปีกครุฑศูนย์รวมนักสู้ฝีมือฉกาจหลากเชื้อชาติที่บ่มเพาะการต่อสู้ทุกชนิดให้กับตัวละครที่จาพนมรับบทบาท โดยใช้โลเกชั่นเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา น้ำตกศิริพบ จังหวัดสระบุรี , ฉากการต่อสู้ไฮไลท์ที่ลานช้างพระราชวังหลวง ณ โลเกชั่นจังหวัดระยอง, ฉากการผชิญหน้าครั้งสำคัญระหว่างจา พนมกับฝูง
โขลงช้างป่ากว่า30-40เชือกที่โลเกชั่นจังหวัดสุรินทร์ รวมไปถึงการเลือกใช้โลเกชั่นในจังหวัดต่างๆที่อยู่ในโครงการ UNSEEN THAILAND ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นจังหวัดกระบี่,จังหวัดเลย ฯลฯ มาถ่ายทอดลงบนจอภาพยนตร์โดยได้ ณัฐวุฒิ กิตติคุณ ผู้อยู่เบื้องหลังงานกำกับภาพของ ตำนานสมเด็จพระนรเศวรมหาราช,องค์บาก,ต้มยำกุ้ง,โหมโรง,ฟ้าทะลายโจร,นางนาก ฯลฯ มารับหน้าที่ในการออกแบบและกำกับภาพให้กับภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2