กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. มีหนังสือเวียนถึงบริษัทจัดการ (“บลจ.”) ปรับปรุงกระบวนการลงโทษกรณีที่กองทุนรวม หรือกองทุนส่วนบุคคล หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (“กองทุน”) มีการลงทุนไม่เป็นไปตามอัตราส่วนที่ลูกค้ากำหนด หรือตามที่ประกาศ ก.ล.ต. กำหนด ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
เนื่องจากการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว บ่อยครั้งเป็นความผิดที่ไม่มีเจตนา หรือไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ ก.ล.ต. จึงได้หารือกับ บลจ. ทุกแห่ง และได้กำหนดแนวทางที่จะเปิดโอกาสให้ บลจ. ที่รู้ตัวว่ากระทำผิดสามารถแก้ไขเยียวยาได้ โดยยังยึดหลักคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ลงทุน มีข้อสรุปดังนี้
1. เมื่อ บลจ. รู้ตัวว่ามีการกระทำผิด บลจ. ต้องแก้ไขให้ถูกต้องในวันทำการถัดไป
2. ถ้าการแก้ไขรายการนั้นเกิดเป็นกำไร ให้ยกกำไรนั้นเป็นของกองทุน แต่หากเกิดเป็นขาดทุน บลจ. ต้องจ่ายชดเชยยอดขาดทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้แก่กองทุน
3. บลจ. ต้องแจ้งการกระทำผิดและการแก้ไขแก่ ก.ล.ต. และผู้ดูแลผลประโยชน์ภายใน
4. วันทำการ รวมทั้งแจ้งผู้ถือหน่วยลงทุนหรือลูกค้าโดยไปรษณีย์ หรือแจ้งในรายงานผลการดำเนินงาน หรือเปิดเผยในเว็บไซต์
5. ถึงแม้ตามระบบนี้ บลจ. ที่รู้ตัวว่ามีการกระทำความผิดจะแก้ไขเยียวยาเองก็ตาม แต่ถ้ากระทำผิด ในลักษณะเดียวกันเกินกว่า 2 ครั้งในรอบ 1 ปี หรือเป็นความผิดที่มีผลขาดทุนต่อกองทุนเกิน 30,000 บาท ก.ล.ต. อาจยกขึ้นเปรียบเทียบปรับก็ได้ และต่อไปนี้หากมีการปรับ บลจ. ใดในความผิดลักษณะเดียวกันเกินกว่า 2 ครั้งในรอบ 1 ปี ก.ล.ต. อาจพิจารณาลงโทษตัวพนักงาน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนด้วย
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “การปรับปรุงครั้งนี้จะทำให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับการทำธุรกิจของภาคเอกชนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้รักษาผลประโยชน์ให้แก่ผู้ลงทุน อย่างไรก็ดี วิธีนี้ต้องอาศัย บลจ. ตรวจสอบตนเองเป็นประจำและแจ้งมาที่ ก.ล.ต. ดังนั้น ต่อไปหากพบว่า บลจ. ไม่แจ้งมาและ ก.ล.ต. ตรวจพบเองในภายหลังก็จะดำเนินการในลักษณะเข้มงวดมากขึ้น”