โรแยล ซีรามิค ตั้งเป้ายอดขายโตขึ้นอีก 34% มูลค่า 1,975 ลบ. เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 9% ภายหลังทุ่มทุนกว่า 100 ลบ. ใน RABT ทำให้ได้ส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องดินเผาเพิ่มทันที

ข่าวทั่วไป Wednesday February 22, 2006 13:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องบุผนังและปูพื้นมานานกว่า 36 ปี ภายใต้เครื่องหมายการค้า “กระเบื้อง อาร์ ซี ไอ” วาดแผนงานปี 49 ตั้งเป้าโตอีก 34% ภายหลังทุ่มเงินกว่า 100 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการใน RABT ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องดินเผา ทำให้เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 9%
นายสัญญา นองสุวรรณ กรรมการผู้จัดการสายงานตลาด บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต นำเข้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระเบื้องเซรามิค กระเบื้องดินเผา ประเภทบุผนัง และปูพื้น ภายใต้เครื่องหมายการค้า “RCI” “Modena” ตลอดจนเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี สเปน จีน และอินโดนีเซีย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงภาพรวมและแนวโน้มของธุรกิจก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และกระเบื้องเซรามิคว่า ในธุรกิจก่อสร้างรวมทั้งประเทศปี 2548 คาดว่ามีมูลค่า 641,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ร้อยละ 12.7 เป็นการเพิ่มขึ้นของการก่อสร้างภาครัฐบาลร้อยละ 15.3 คิดเป็นจำนวน 339,730 ล้านบาท ขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนมีจำนวน 301,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับอัตราเพิ่มร้อยละ 20.2 ในปี 2547 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการบริโภคภาคเอกชนตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา สำหรับปี 2549 คาดว่า ธุรกิจก่อสร้างยังคงมีแนวโน้มขยายตัวจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และวัสดุก่อสร้างจะมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ก็ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น จึงอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างแล้วทำให้โครงการก่อสร้างบางโครงการต้องยืดระยะเวลาก่อสร้างนานขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจาก โครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ของภาครัฐในปี 2549 มีมูลค่าประมาณ 255.35 พันล้านบาท ทำให้การก่อสร้างภาครัฐเพิ่มมากขึ้น งานก่อสร้างภาคเอกชนในประเทศและภูมิภาคอินโดจีนยังคงมีแนวโน้มเติบโต แม้ว่าอัตราขยายตัวจะชะลอลงก็ตาม
ในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2548 ยังคงขยายตัว โดยธุรกิจบ้านสร้างเองและอาคารชุดมีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจบ้านจัดสรรมีการปรับตัว เนื่องจากความต้องการบ้านจัดสรรราคาสูงเริ่มลดน้อยลง อย่างไรก็ตามความต้องการบ้านจัดสรรราคากลางเริ่มมีมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงมีการสร้างทาวน์เฮ้าส์ในเมือง เพื่อตอบรับความต้องการของผู้ซื้อที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งทำงาน ในยุคราคาน้ำมันแพง ปี 2549 คาดว่าธุรกิจจะขยายตัว เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อตอบรับความต้องการของผู้ซื้อมากขึ้น โดยบ้านจะมีขนาดเล็กลงและราคาต่ำลง การปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น น่าจะมีผลกระทบน้อยเพราะอัตราดอกเบี้ยหลังจากปรับแล้วก็ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำสำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยซึ่งในอดีตดอกเบี้ยเคยสูงกว่านี้มาก นอกจากนั้นโครงการพัฒนาเครือข่ายคมนาคมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น รถไฟฟ้า ทำให้มีการขยายพื้นที่เพื่ออยู่อาศัยในรูปแบบบ้านจัดสรรได้มากขึ้น
ในส่วนในอุตสาหกรรมกระเบื้องเซรามิค ปี 2548 คาดว่า มูลค่าของตลาดรวมอยู่ที่ 22,636 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 8% จากปี 2547 โดยตลาดในประเทศมีมูลค่าประมาณ 18,924 ล้านบาท โดยคาดหมายตัวเลขยอดขายกระเบื้องในปี 2548 รวม 186 ล้านตารางเมตร โดยแบ่งเป็นภายในประเทศ 165 ล้านตารางเมตร (จาก 150 ล้านตารางเมตรในปี 2547) และส่งออก 21 ล้านตารางเมตร มีมูลค่าส่งออก 3,725.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16 มีตลาดหลักคือ ประเทศสหรัฐอเมริการ้อยละ 32.7 อาเซียนร้อยละ 19.0 และสหภาพยุโรปร้อยละ 7.2
สำหรับปี 2549 คาดว่า อุตสาหกรรมกระเบื้องเซรามิคจะขยายตัวดีกว่าปีที่ผ่านมาโดยมูลค่าตลาดรวมจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 หรือคิดเป็น 25,000ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างดำเนินงานอีกจำนวนมาก รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชนโดยเฉพาะจากการที่ รัฐบาลเร่งดำเนินการก่อสร้างระบบโครงข่ายการคมนาคมเชื่อมโยงมากขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้เกิดทำเลที่อยู่อาศัยที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นมาก รวมทั้งปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาล้วนคลี่คลายลง อาทิ ราคาน้ำมันเริ่มคงที่ ดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเพิ่มอีกไม่มาก ภาวการณ์ท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น
ในส่วนของ RCI ในปี 2548 มียอดขายประมาณ 1,481 ล้านบาท จากตลาดรวมที่ 22,636 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 7% แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศที่ 1,434 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 8% และส่งออก 47 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาด 1% และตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2549 ไว้ที่ 1,975 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 34% จากปี 48 และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 9% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค คือ กระเบื้องดินเผา (Clay Tile) จากการเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท โรแยลเอเชียบริคแอนด์ไทล์ จำกัด (RABT) ซึ่งเป็นผู้ผลิต นำเข้าและจัดจำหน่ายกระเบื้องบุผนังและปูพื้น ในกลุ่มกระเบื้องดินเผา ส่งผลให้RCI ได้ส่วนแบ่งตลาดมูลค่ากว่า 250ล้านบาทในสินค้าประเภทนี้ทันที
นางปัทมน ภิรมย์ภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาด เปิดเผยเพิ่มเติมถึง แผนงานด้านการตลาดของบริษัทฯ ในปีนี้ว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็น 9% มียอดขายโตขึ้น 34% บริษัทฯ จึงวางกลยุทธ์การตลาดไว้ดังนี้คือ การเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ อันได้แก่ กระเบื้องดินเผา เข้ามาช่วยเติมเต็ม เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์ในการสร้างตราสินค้า เพื่อให้เป็นที่รู้จัก จดจำและมั่นใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้า โดยทางบริษัทได้มีการทำ IMC (Integrated Marketing Communication) เพื่อสื่อสารกับลูกค้าโดยผ่านเครื่องมือต่างๆ อันได้แก่ การโฆษณา (Advertising) การประชาสัมพันธ์ (Public Relations) การทำการตลาดเชิงกิจกรรม (Event Marketing) การไปร่วมงานแสดงสินค้าและนิทรรศการที่เกี่ยวข้อง และการทำการส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) เป็นต้น ที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง และโดยเฉพาะอย่างในปีนี้ ที่จะมุ่งเน้นไปที่การทำโฆษณา และการจัดดิสเพลย์สินค้า
ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายภายในประเทศนั้น บริษัทมุ่งเน้นการจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย (Agents) เป็นหลัก ซึ่งมีอยู่ถึง 470 รายทั่วประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าใหม่มากขึ้น โดยที่ผ่านมา บริษัทได้เน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แนวคิดหรือหลักการเดียวกันกับการทำ CRM (Customer Relation Management) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทให้มากขึ้น สำหรับลูกค้าที่เป็นโครงการต่าง ๆ (Projects) นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้มีการพัฒนารูปแบบของช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านตัวแทนจำหน่าย ในลักษณะของ RCI Solutions ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมในตลาดต่างจังหวัด และนำมาพัฒนาต่อในร้านตัวแทนจำหน่ายในกรุงเทพฯ โดยมีรูปแบบการให้บริการแก้ไขปัญหาแบบครบวงจรที่มีให้แก่ลูกค้าได้แก่ การแสดงการปูกระเบื้องตัวอย่างเสมือนการใช้งานจริงเพื่อให้ผู้บริโภคเห็นภาพจริงก่อนตัดสินใจ การบริการออกแบบและวางแบบกระเบื้อง (Tile Pattern Design) การให้บริการด้านข้อมูลต่าง ๆ นอกจากนี้ โดย RCI Solutions สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง อันเนื่องมาจากการมีสินค้าที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ทั้งกระเบื้องบุผนัง ปูพื้น กระเบื้องพอร์ซเลนสำหรับตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคาร อีกทั้งยังมีกระเบื้องสำหรับปูสระว่ายน้ำโดยเฉพาะอีกด้วย โดยในปีนี้ เราตั้งเป้าไว้ว่า จะขยาย RCI Solutions ไปทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 50 สาขา และสำหรับในตลาดต่างประเทศนั้น ทางบริษัทฯ มีการส่งสินค้าออกไปขายยังต่างประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย พม่า และ อินเดีย เป็นต้น นางปัทมน กล่าวในที่สุด
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ :
จิดาภา ประมวลทรัพย์, นันทพร บุญ-หลง,
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร. 0-2693-7835-8 ต่อ 32, 33, 0-1817-7153, 0-1851-2088
E-mail: jidapa@siampr.co.th--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ