กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--ก.พลังงาน
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผย ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ว่า วันนี้(13 พ.ย.51)ที่ประชุม มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางปรับเพิ่มราคา LPG สำหรับภาคขนส่งและอุตสาหกรรม คือ ปรับเพิ่มราคาเพื่อให้การเก็บเงินเข้ากองทุนสามารถชดเชยภาระการนำเข้าได้ ในขณะที่ก๊าซหุงต้มในภาคครัวเรือนจะยังไม่มีการขึ้นราคา
โดย กพช. มีมติให้ปรับราคาก๊าซ LPG สำหรับภาคขนส่งและอุตสาหกรรม โดยทยอยปรับขึ้นเดือนละ 2 บาท/กก. หรือประมาณ 1 บาท/ลิตร เป็นเวลา 3 เดือน
นอกจากนี้ ยังให้ความเห็นชอบการกำหนดมาตรการป้องกันเพื่อให้สามารถควบคุมการลักลอบนำเข้าก๊าซหุงต้มไปจำหน่ายในสาขาอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการจูงใจให้กลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้กาซ LPG เปลี่ยนมาใช้ NGV จำนวน 20,000 คัน ในระยะเวลา 4 เดือน โดยรถแท็กซี่ใหม่จะได้รับการสนับสนุนคิดเป็นมูลค่า 40,000 บาท ในขณะที่รถแท็กซี่เก่าจะได้รับการสนับสนุนในมูลค่าเท่ากัน พร้อมทั้งให้กระทรวงพลังงานโดยกองทุนน้ำมันจะรับซื้ออุปกรณ์ LPG เก่าคืนในราคาชุดละ 3,000 บาท
นอกจากนี้ ยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ ภายใน กพช. จำนวน 5 คณะ ดังนี้
1. คณะกรรมการป้องกันและตรวจสอบการลักลอบจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
2. คณะกรรมการกำกับดูแลและตรวจสอบการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวผิดประเภทและความปลอดภัย
3. คณะกรรมการติดตามตรวจสอบปริมาณก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน
4. คณะกรรมการดำเนินการประชาสัมพันธ์การปรับเปลี่ยนโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว
5. คณะกรรมการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ของกลุ่มแท็กซี่จากการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวมาใช้เป็นก๊าซธรรมชาติในรถยนต์
“กระทรวงพลังงาน จะดูแลผู้ใช้ก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือนตามนโยบายของภาครัฐ โดยยังคงไม่ขึ้นราคาก๊าซหุงต้มในภาคครัวเรือนจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2552 ส่วนการปรับราคา LPG ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมจะปรับขึ้นในระดับที่จะไม่เป็นภาระของรัฐ และทางกระทรวงพลังงานก็มีความพร้อมด้านมาตรการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังการแยกราคา LPG แล้ว” นายแพทย์วรรณรัตน์กล่าว