กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัย มีพื้นที่ประสบภัยรวม ๘ จังหวัด แยกเป็น ๔ จังหวัดภาคกลาง และ ๔ จังหวัดภาคใต้ สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว ๑ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยอีก ๗ จังหวัด ได้แก่จังหวัด สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครสววรค์ ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม ๘ จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ๑ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดังนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ริมฝั่งของจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง ๔ จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และนครสวรรค์ โดย สิงห์บุรี
น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อำเภออินทร์บุรี ๖ ตำบล ๑ เทศบาล ๔๘ หมู่บ้าน อ่างทอง ราษฎรเดือดร้อน ๑,๓๙๕ ครัวเรือน ๒,๔๕๘ คน น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ ๓ อำเภอ ๑๖ ตำบล ๔๑ หมู่บ้าน ๔ ชุมชน ดังนี้ อำเภอเมือง อำเภอป่าโมก และอำเภอไชโย พระนครศรีอยุธยา ราษฎรเดือดร้อน๑๓,๔๒๕ ครัวเรือน
น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ ๙ อำเภอ ๙๖ตำบล ๕๖๕ หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอผักไห่ บางบาล เสนา บางไทร มหาราช นครหลวง พระนครศรีอยุธยา บ้านแพรก และบางปะอิน นครสวรรค์ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำของอำเภอบรรพตพิสัย สถานการณ์ปัจจุบันระดับน้ำลดลง เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว นอกจากนี้ภาวะฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้
ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรใน ๔ จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี โดย ประจวบคีรีขันธ์ สถานการณ์อุทกภัยได้คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ชุมพร มีพื้นที่ ประสบภัยน้ำท่วม ๘ อำเภอ ๕๑ ตำบล ๓๗๗ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๑๘,๗๙๓ คน ๕,๙๓๑ ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง ๖ หลัง
บางส่วน ๓ หลัง สะพาน ๘ แห่ง ถนน ๒๓๓ สาย ได้แก่ อำเภอเมืองชุมพร สวน ละแม ทุ่งตะโก พะโต๊ะ สวี ปะทิว และท่าแซะ ทางหลวงหมายเลข ๔๑๓๔ ตอนหลังสวน — ละแม กม.ที่ ๐-๘ น้ำท่วมสูงประมาณ ๓๕ ซม. รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ นครศรีธรรมราช น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ ๙ อำเภอ ๔๗ ตำบล ๓๘๘ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๑๒๘,๔๕๐ คน ๓๓,๘๙๗ ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร๑๖,๓๓๗ ไร่
ถนน /ฝาย ๑๗๕ สาย ได้แก่ อำเภอขนอม สิชล นบพิตำ ท่าศาลา พรหมคีรี ร่อนพิบูลย์ เฉลิมพระเกียรติ ชะอวด และลานสกา แนวโน้มสถานการณ์คาดว่า ถ้าไม่มีฝนตกจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน ๑ สัปดาห์ สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรใน ๖ อำเภอ ๑๕ ตำบล ๗๗ หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน ๕๑,๐๒๘ คน ๑๗,๐๓๓ ครัวเรือน ได้แก่ อำเภอเกาะพงัน เกาะสมุย ท่าชนะ ดอนสัก
กาญจนดิษฐ์ และไชยา
สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย อย่างต่อเนื่อง โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ นำเครื่องจักรกล รถยนต์ เรือท้องแบน ๖๒ ลำ ออกให้บริการขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของ และอพยพประชาชนออกจากพื้นที่น้ำท่วม พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ๑๖ เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ
เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ประสบภัย กระสอบทรายสำหรับกั้นน้ำ จำนวน ๑๑,๔๐๐ ถุง รวมทั้งนำอาหาร ๒,๐๐๐ ชุด น้ำดื่มจำนวน ๗,๐๐๐ ขวด ยารักษาโรค๑,๔๕๐ ชุด ถุงยังชีพ ๗,๒๒๖ ถุง เครื่องอุปโภคและบริโภคไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ และเต็นท์ที่พักอาศัยจำนวน๑๕๐ หลังให้ผู้ประสบภัยได้พักชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
อีกทั้งออกสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย นอกจากนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์อุทกภัยจากภาวะฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เตรียมการป้องกันปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม
ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด ๒๔ ชั่วโมง รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดเหตุภัยพิบัติ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนสาธารณภัย๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ผู้ส่ง : pr
เบอร์โทรศัพท์ : 02 2432200