กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
“กลุ่มสามารถ” เผยผลงานไตรมาส 3/51 มีรายได้รวม 4,076 ล้านบาท กำไรสุทธิ 54 ล้านบาท ถือว่าน่าพอใจในภาวะเศรษฐกิจที่กำลังผันผวนทั่วโลก
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทสามารถประจำไตรมาสที่ 3/51 มีรายได้รวม 4,076 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาโทรศัพท์มือถือต่อหน่วยลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยมีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาทลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะในปี 50 มีการโอนกลับสำรองหนี้สินจำนวน 240 ล้านบาท ดังนั้น หากพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยไม่นำกำไรจากการปรับปรุงการโอนกลับสำรองหนี้สินจำนวน 240 ล้านบาทมารวมในไตรมาส 3 ปีก่อนแล้ว จะพบว่าในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 113 เปอร์เซนต์
สำหรับสายธุรกิจสื่อสารไอทีและโทรคมนาคมครบวงจร (ICT Solutions) ภายใต้การนำของบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 51 ทั้งสิ้น 730 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้ 667 ล้านบาท อยู่ 9 เปอร์เซ็นต์ โดยมีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลจากการรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการ School Net และโครงการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า (AMR) ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นสำคัญ
ถึงแม้ในปีนี้ภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจจะไม่เป็นใจในการขยายตลาดสู่ภาคเอกชนของกลุ่มสามารถเทลคอม แต่เนื่องจากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการภาครัฐเพิ่มมากขึ้น จึงส่งสัญญานบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ โดย 9 เดือนที่ผ่านมากลุ่มสามารถเทลคอมมี backlog ในมือแล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดชนะการประมูลโครงการขยายบริการเครือข่าย IP Core ของ กสท. มูลค่า 960 ล้านบาท และมีงานรอประมูลในไตรมาส 4/51 อีกราว 1,600 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงที่จะเข้าไปร่วมประมูลโครงการ 3G มูลค่า 2 หมื่นล้านบาทของทีโอที รวมแล้วคาดว่าเมื่อสิ้นปี 51 จะมี Backlog ในปีนี้กว่า 4-5 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้า และทำให้คาดการณ์ได้ว่ารายได้ของกลุ่มสามารถเทลคอมในปี 52 จะมีการเติบโตกว่าเท่าตัวแน่นอน
ส่วนสายธุรกิจการสื่อสารข้อมูลและอุปกรณ์สื่อสารไอที (Mobile Multimedia) นำโดยบริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ในช่วงไตรมาส 3 ปี 51 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,853 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นกำไรสุทธิ 18 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากราคาจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโดยเฉลี่ยต่อเครื่องลดลง อย่างไรก็ตาม จำนวนเครื่องไอ-โมบายที่จำหน่ายได้ยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยใน 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรวมแล้วถึง 3 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นจำหน่ายในประเทศได้ 1.8 ล้านเครื่อง และในต่างประเทศจำหน่ายได้ 1.2 ล้านเครื่อง นอกจากนี้ ธุรกิจคอนเทนต์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจในกลุ่มไอ-โมบายมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 11 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลา 9 เดือนของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3/51 จะไม่เป็นไปตามเป้า แต่ i-mobile ยังคงความเป็นผู้นำในตลาด House Brand ที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพื่อสร้างฐานการตลาดให้เข้มแข็งอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นในการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการ ตลอดจนประสิทธิภาพของช่องทางการจัดจำหน่าย ในไตรมาสสุดท้ายของปี 51 คาดว่าแนวโน้มการขายจะดีขึ้น เพราะเข้าสู่ช่วง High Season โดยจะมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ อีก 4-5 รุ่น คาดว่าจะสามารถจำหน่ายมือถือได้รวมแล้วทั้งปีถึง 4.5 ล้านเครื่อง ยิ่งไปกว่านั้นจะมีการเปิดร้าน Horo World ศูนย์รวมศาสตร์และบริการด้านการพยากรณ์ดวงชะตาในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างเป็นทางการราวต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
ในส่วนของสายธุรกิจอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด (CATS) ผู้ให้บริการศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชา มีการเติบโตได้ดีอันเนื่องมาจากเป็นช่วงท่องเที่ยว ประกอบกับ CATS ได้ปรับเพิ่มค่าบริการขึ้นอีก 15 % ส่งผลให้มีรายได้รวม 196 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัท Kampot Power Plant จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าป้อนแก่โรงงานปูนซิเมนต์ไทยที่ประเทศกัมพูชา โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมาทำรายได้ไปแล้วกว่า 153 ล้านบาท นอกจากนี้ ธุรกิจเทคโนโลยีอื่นๆ ในประเทศ อาทิ บริการคอลล์เซ็นตอร์และบริการกล้องวงจรปิด ในไตรมาส 3 มีรายได้เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ถึง 16 เปอร์เซนต์
นายวัฒน์ชัยกล่าวโดยสรุปว่า เพื่อสร้างรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทสามารถทั้งในและต่างประเทศ เราจะมุ่งเน้นที่การสร้างผลกำไรให้เพิ่มสูงขึ้นจากธุรกิจในปัจจุบันและขยายการลงทุนสู่ธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะในปีหน้าจะการเข้าสู่ตลาดของเทคโนโลยี 3จี ซึ่งจะส่งผลบวกการเติบโตของอุตสาหกรรมไอซีทีทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการวางเครือข่ายและการติดตั้งอุปกรณ์การสื่อสาร การพัฒนาโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมเพื่อรองรับระบบใหม่ และที่จะเห็นได้ชัดเจนคือ การเติบโตของธุรกิจคอนเทนต์อย่างก้าวกระโดด ซึ่งทั้งหมดนั้นถือเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ของกลุ่มสามารถ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ pr.corp
ตุ๊ก 085-918-1175
ใหม่ 085-918-1172